บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 262

บทที่262 เพราะเจ้าไง

องค์ชายหกจบชีวิตลงในสงครามสนามรบ ภักดีต่อประเทศ ไว้อาลัยด้วยความเศร้าโศกทั่วประเทศ

ซ่านจินจื๋อกลับตำหนัก กู้อ้าวเวยถึงจะลุกจากเตียงอย่างเกียจคร้าน สองวันมานี่ซ่านจินจื๋ออยู่เคียงข้างนางอย่างไม่ห่าง

ไม่รู้ว่าใช้ใบหน้าที่เฉยชาพูดคำพูดที่คำหวานคำรักมามากแค่ไหน  ชิงต้ายถือเสื้อเข้ามาอย่างระมัดระวัง

เห็นบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยไร้อารมณ์ พูดเสียงเบาว่า: “ท่านอ๋องเชื่อถือคุณหนูแล้ว คุณหนูจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”

ปล่อยให้ชิงต้ายเปลี่ยนเสื้อให้ตนเองอย่างตะลึง กู้อ้าวเวยถอนหายใจยาวๆว่า:“ถือเป็นโอกาสดี

ซู๋ฮองเฮาคงเริ่มจะมาหาเรื่องข้าแล้ว”ชิงต้ายหน้าขรึม พยักหน้า

รัชทายาทของซู๋ฮ่องเฮาได้ถูกปลดไปแล้ว

ณ ขณะนี้ได้ประกาศต่อภายนอกว่าองค์ชายหกจบชีวิตลงในสงคราม

ตอนนี้นางไร้ที่เพิ่งพา หากยังอยากอยู่ในตำแหน่งฮ่องเฮา ก็คงถึงเวลาที่ควรลงมือแล้ว

อย่างแรกคือ หาเรื่องตำหนักอ๋องจิ้งของพวกเขา

แล้วค่อยไปดึงองค์ชายท่านหนึ่งมาเป็นพวกอย่างที่สองคือ ไปร่วมมือกับอ๋องจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นอย่างใด

นางก็มีความสัมพันธ์ที่ปมเงื่อนซับซ้อนกับตำหนักอ๋องจิ้ง และสิ่งที่นางต้องทำ

ก็คือดึงดูดสายตาของคนเหล่านี้มาที่ตัวของตนเอง

“ชิงต้าย เจ้าไปดูหยินเชี่ยวสักหน่อย

ฉวยโอกาสนี้ให้จูเย่นช่วยข้าจ้างไอ้คนที่รอบรู้ทุกเรื่องของเทียนเหยียนไม่กี่คน ให้พวกเขาเผยแพร่ข่าวลือ

ว่าตอนนี้อ๋องจิ้งพะเน้าพะนอพระชายาคนเดียว

สองวันมานี้ไม่เคยออกจากร้านยาเหย้าสักนิด”

“คุณหนูนี่มัน……”

“ก็คือนำเรื่องทั้งหมดดึงเข้าตัวของตนเอง พอถึงเวลานั้น

ไม่ว่าใครก็อยากคิดหาวิธีบนตัวของอ๋องจิ้ง ล้วนต้องลงมือจากที่ข้าก่อน”

กู้อ้าวเวยเพิ่มชา. นั่งลงบนที่นั้น

ตัวซ่านจินจื๋อเองก็เป็นแผ่นเหล็กหากมีคนอยากประจบสอพลอ

ก็ต้องไปติดต่อคนดีที่อยู่รอบตัวซ่านจินจื๋อ และคนดีก็เป็นขุนนางที่ซ่านจินจื๋อชื่นชมมาก

แต่หากเขาพะเน้าพะนอพระชายาคนเดียว และพระชายาก็เป็นผู้ที่พูดคุยได้ง่าย งั้นเรื่องมันก็ง่ายล่ะ

ชิงต้ายแจ่มแจ้ง รีบสั่งคนไปทำ

พอชิงต้ายออกไป ใบไม้สีเขียวหล่นใส่ในแก้วของนาง

กู้อ้าวเวยตะลึงเล็กน้อย ดวงตามีแต่อ้างว้าง ปลายนิ้วขาวซีดเล็กน้อยเพราะใช้แรงมากไป

นางนำแมวไม้เชือกแดงนั้นวางไว้ในฝ่ามือ ในใจมีความไม่พอใจเลยจับอย่างแน่น ไตร่ตรองอยู่สักพักหนึ่ง

นางถือของมาที่วิหารเฟิ่งหมิง เงยหน้ามองดูต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ กู้อ้าวเวยใจลอยคิดถึงซ่านจินจื๋อ

เขามักจะกระโดดมาที่บนโต๊ะของนางจากหน้าต่าง หยอกล้อให้นางดีใจ

และนางเองก็ยังจำเทศกาลโคมไฟในตอนนั้นได้แน่นอน

นางได้พาหญิงสาวคนหนึ่งกลับมาในตำหนัก คาดไม่ถึงว่า ซ่านจินจื๋อเห็นตนเองเป็นเหมือนรักแรกพบจริงๆ

นางขุดดินข้างต้นไม้ด้วยมือเปล่า

แล้วนำกล่องไม้ที่ใส่แมวไม้เชือกแดงนั้นวางเข้าไป  

ลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน หยิบผ้าเช็ดมาเช็คดินที่ติดอยู่ปลายนิ้วให้สะอาด

กระซิบพูดเองว่า: “เดี๋ยวรอข้าออกจากที่แห่งนี้ก่อน แล้วค่อยมาหาเจ้า”

พูดเสร็จ ก็ได้เดินออกจากวิหารเฟิ่งหมิงทันที ตามเส้นทางในความจำ

ได้เดินมาถึงตำหนักขององค์ชายหกที่ไม่มีคนแล้ว

องค์ชายหกอยู่ด้านนอกมานานหลายปี

ตำหนักขององค์ชายหกไม่ได้หรูหราอลังการเหมือนองค์ชายท่านอื่นๆ

ตอนนี้ยิ่งหดหู่มาก

นางยืนอยู่ด้านนอก. ในใจปลงอนิจจัง เขาสนใจแต่อธิคม

มิได้แต่งานมีภรรยา ณ ขณะนี้บอกว่าจบชีวิตในสงครามสนามรบ

แต่พระราชวังไม่มีผู้ใดเศร้าโศกเสียใจ

มีเพียงซู๋ฮ่องเฮาได้ยินข่าวนี้สลบไป

ยิ้มอย่างจำใจ นางเพิ่งหันตัวไป ก็เห็นเงาร่างที่ไม่ควรปรากฏในที่แห่งนี้

ซูพ่านเอ๋อในชุดเขียวทั้งตัว ด้านนอกห่อด้วยเส้นด้ายสีขาวเหมือนหิมะ

จิ่นซิ่วที่อยู่ด้านหลังในมือถือผ้าหลายผืน ตามด้วยคนรับใช้อีกสี่คน

และกู้อ้าวเวยเสื้อคลุมยาวสีขาวธรรมดาทั้งตัว

ดวงตาคู่หนึ่งหล่นลงบนตัวของนาง : “มีไร?”

“คาดไม่ถึงว่าเจ้ามีความรักที่ลึกซึ้งต่อองค์ชายหกเพียงนี้”

ซูพ่านเอ๋อยิ้มอย่างได้ใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้กู้อ้าวเวยจริงๆ พูดต่อว่า:

“ทำไมยังจะแย่งท่านพี่จื๋อของข้าไป?”

ครั้งนี้ถึงกู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นมา นางค่อยๆเดินมาข้างกายซูพ่านเอ๋อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์