บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 265

บทที่265 อยากทำก็ทำ

หลังจากงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ ซ่านเชียนหยวนตำหนิลี่วานและสอบถามเสียนเฟยเป็นการส่วนตัว

เสียนเฟยหวังลูกให้เป็นมังกรหวังว่าเขาจะสามารถเกียรติที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ของฮ่องเต้ ซ่านเชียนหยวนเลยทะเลาะกับเสด็จแม่

เมาเหล้าบังเอิญพลาดทรงว่าราชกิจวันที่สอง ถูกฮ่องเต้ลงโทษไม่ให้ทรงว่าราชกิจครึ่งเดือน ลี่วานในตำหนักเลยโวยวายขึ้นมา

เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ เขาเลยทนไม่ไหวออกมา

แม้ว่าหยินเชี่ยวจะโง่และเอ๋อๆ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าพี่น้องตระกูลจูมิใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน เลยไม่ให้ซ่านเชียนหยวนเข้าประตู

จะต้องมาแก้ไขเรื่องนี้ที่ร้านยาเหย้า คนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันที่นี่

ฉีหลินตามมาซ่านเชียนหยวนเพื่อนคนนี้มาเพื่อจะร้องทุกข์

“เพียงแต่ว่าเจ้ารู้เรื่องนี้มาจากที่ใด?”ซ่านเชียนหยวนนั่งลงแล้วถามนาง

“ไม่สะดวกที่จะพูด”กู้อ้าวเวยก็ไม่ได้หลอกเขา: “เพียงแค่เจ้ารู้ว่าตนเองอยากทำอะไรก็ได้แล้ว”

ซ่านเชียนหยวนคิดแล้วคิด พยักหน้า

ตอนนี้เขาเชื่อกู้อ้าวเวยยิ่งกว่าซ่านจินจื๋อ เพราะกู้อ้าวเวยไม่ได้คาดหวังให้เขาทำอะไรเลย. และไม่ทำร้ายเขา

“แต่ท่านอยู่ที่ของข้านี่ เกรงว่าจะมีความไม่สะดวกเล็กน้อย”กู้อ้าวเวยนี่เพิ่งจะนึกถึงอะไร มองไปดูซ่านเชียนหยวนอย่างเก้อเขิน

แท้จริงแล้วซ่านจินจื๋อไม่ชอบตนเองใกล้ชิดกับซ่านเชียนหยวนมากไป และหลายวันมานี้ก็มาบ่อย

ที่จริงก็นึกว่าซ่านเชียนหยวนรู้เรื่องนี้ดี แต่กลับเห็นเขายิ้มขึ้นมา หนึ่งหมัดทุบลงไปที่ไหล่ของฉีหลิน

น้ำในปากของฉีหลินแทบจะพุ่งออกมาจากปาก: “มีความไม่สะดวกอะไร

พอดีเลยข้าสามารถสอนวิชาวรยุทธ์เป็นเพื่อนกับกุ่ยเม่ย ถือโอกาสนี้ฝากไอ้นี้ด้วย”

“เจ้าก็จะเรียนวรยุทธ์?”กู้อ้าวเวยมองเขาอย่าง2แปลกๆ

“ใช่”ฉีหลินไออยู่หลายครั้ง ยกหน้าอกขึ้นแล้วตบ: “ท่านพ่อของข้ามักจะบอกว่าข้าอะไรก็ไม่เรียน

เรียนวิชาวรยุทธ์สักหน่อยอนาคตจะได้ปกป้องหยินเชี่ยว”

ใบหน้าของหยินเชี่ยวแดงก่ำ เตะขาเขา: “พูดถึงข้าทำไม”

ฉีหลินนวดน่อง ไม่กล้าพูดต่อไป 

ชิงต้ายหัวเราะเบาๆขึ้นมา หยินเชี่ยวอยู่กับฉีหลิน ความกล้าหาญก็เพิ่มขึ้น

กู้อ้าวเวยมองไปที่ลานเล็ก ๆ ของตนเอง ที่ๆจะสามารถอยู่ได้ก็มีแค่ห้องชิงต้ายกับห้องตนเอง หากรับพวกเขาเอาไว้หมด

อัดๆกันก็สามารถอยู่ได้

แต่มีคนเรียนวรยุทธ์เยอะขนาดนี้ นางกลัวพืขสมุนไพรตรงนี้จะล้มคว่ำ

ครุ่นคิดเป็นเวลานาน กู้อ้าวเวยลากปลอกแขนของชิงต้าย: “ชิงต้าย เจ้าว่า เงินของพวกเรายังจะสามารถซื้อบ้านพักที่อยู่ใกล้ๆไหม”

ชิงต้ายจนใจ ลองนับดู “คงซื้อไม่ได้ขอรับ ที่ดินของเทียนเหยียนแพงมาก บ้านพักแพงกว่าร้านค้า”

กู้อ้าวเวยเบะปาก ดูพืชสมุนไพรในห้องนี้ กลัดกลุ้ม

ซ่านเชียนหยวนวิ่งออกมาอย่างกะทันหัน บนตัวก็ยังมีตั๋วเงินอยู่หลายร้อย ฉีหลินเพิ่งทำให้ท่านพ่อของเขาโกรธเคือง

ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินเลย

หยินเชี่ยวชิงต้ายมองดูพวกเขาไปมา ทำอะไรไม่ถูกเสมอ

ในเวลาที่กลัดกลุ้ม กุ่ยเม่ยโดดลงจากชายคามาเป็นเบาๆ ในอ้อมแขนอุ้งพุทรา อีกข้างยังคงถือปายเสา มองพวกเขาอย่างดีอกดีใจ:

“พระชายาขอรับ วิหารเฟิ่งหมิงของท่านยังมีห้องว่างอยู่มาก ลานด้านข้างยังมีห้องว่างเช่นกัน”

วิหารเฟิ่งหมิง……

ชิงต้ายย่นใบหน้า ซ่านเชียนหยวนก็พอรู้เรื่องนี้ ตอนที่เตรียมจะส่ายหัว ก็เห็นดวงตาของกู้อ้าวเวยสว่างไสว

“สมเหตุ พื้นดินที่มาโดยฟรีๆ ไม่เอาก็น่าเสียดาย ยังประหยัดเงินเป็นจำนวนมาก” กู้อ้าวเวยยิ้มแล้วปรบมือ

จะไปอุ้มปายเสามาจากมือของกุ่ยเม่ย แต่เกือบจะถูกขีดข่วน ตกใจจนนำมือกลับไป

ใครจะไปรู้ปายเสาแยกเขี้ยวยิงฟังหันหัวกระโดดไปบนไหล่ของกุ่ยเม่ย. เลียอุ้งเท้า หมอบลง

“ฉวยโอกาสข้าไม่อยู่ ป้อนพวกมันไปเท่าไร”

“ข้าไม่ได้ป้อนมันอะไรเลย”กุ่ยเม่ยส่ายหัว พุทราได้เกาเสื้อผ้าบนหน้าอกของเขาชอบเขามาก

กู้อ้าวเวยท้อใจ ได้แต่ตามชิงต้ายไปเข้าในเก็บอง

ฉีหลินมาเข้าใกล้หยินเชี่ยว ถามนางเบาๆว่า: “ข้าคงไปตำหนักอ๋องไม่ได้หรอมั้ง”

“หากเจ้าบอกว่าตนเองไปเป็นคนใช้ ท่านอ๋องก็จะให้เจ้าเข้าล่ะ”หยินเชี่ยวผลักหน้าของเขาทิ้ง แก้มแดงเล็กน้อยว่า

“พอถึงตอนนั้นข้าไปหาเจ้า ไปที่พักก่อนนะ”

“ได้”ฉีหลินพยักหน้าอย่างยิ้มระรื่น เข้าใกล้ไปสนิทสนมกันสักหน่อยถึงจะกลับไปรอบตัวซ่านเชียนหยวน

ซ่านเชียนหยวนเห็นพวกเขาทั้งสองกระหนุงกระหนิง เกลียดจนฟันคัน ฉีหลินเห็นเข้า ก็เงยหน้าขึ้นอย่างลำพองใจ:! “

ท่านก็อย่าอิจฉาเลย ข้าเป็นแค่คนธรรมดา ท่านเป็นถึงพระราชวงศ์”

“เจ้าคิดว่าข้าอยากเป็นพระราชวังหรือ”ซ่านเชียนหยวนหมดกำลังใจในทันที ถอนหายใจเบา ๆ

กุ่ยเม่ยนั่งยองๆตัวลงข้างๆแมวทั้งสองตัว ยากที่จะจำได้ไปให้อาหารหยินเอ๋อ กลับมาเห็นฉีหลินกำลังปลอบใจซ่านเชียนหยวน

แปลกใจเล็กน้อยในใจ หากใครบางคนสามารถส่งเมียให้เขาคนหนึ่ง ก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง

เขากำลังคิดเพ้อเจ้อ กู้อ้าวเวยจัดการของเสร็จ เรียกพวกเขาก็ได้ขึ้นรถม้ารีบด่วน กลับมาถึงวิหารเฟิ่งหมิงของตำหนักอ๋อง

เรียกคนใช้มาทำความสะอาดห้องรับแขกหลายห้อง

ตอนที่ชิงต้ายกำลังจัดของ แปลกใจว่า: “คุณหนู เชือกแดงที่องค์ชายหกให้ท่านไปไหนแล้ว?ยังอยู่ในตัวหรือไม่?”

“โยนแล้ว”กู้อ้าวเวยกล่าวอย่างไม่ตั้งใจ

“ทำไมถึงโยนแล้วล่ะ เมื่อก่อนเห็นเจ้าเก็บรักษามันอย่างดี”ชิงต้ายตกตะลึง

“เก็บมันไว้ก็เปล่าประโยชน์”นางไม่อยากบอกเรื่องนี้กับชิงต้าย หากชิงต้ายไปหาของกลับมาเพื่อนาง ซ่านจินจื๋อจะไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่

ชิงต้ายไม่กล้าถามต่อไป แค่นึกถึงเรื่องอื่นๆ: “ขณะนี้ในลานมีคนอยู่เยอะ คุณหนูท่านอยาก……”

ซูพ่านเอ๋อไม่ได้เป็นคนโง่ ถ้าคุณหญิงไม่ไหวนางจะทำอย่างไงดี…..”

“แย่งได้ก็แย่ง ถ้าแย่งไม่ได้ก็ไม่บังคับ”กู้อ้าวเวยกลับคิดปล่อยวางไปเยอะเลย

แม้ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนซูพ่านเอ๋อทานยาพิษอะไร แล้วไปประสบอะไรมาบ้าง แต่ที่นางรู้อยู่อย่างเดียว นั่นคือ ซูพ่านเอ๋อมีลูกไม่ได้

ส่วนรักของซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้อยู่ที่นางคนเดียวแต่นานแล้ว

อีกทั้งซูพ่านเอ๋อจะไม่รู้ได้ไงว่าท่านพี่จื๋อของนางนั้นเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นแล้ว

แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ นางทนความเจ็บปวดตัดใจได้ แต่ซูพ่านเอ๋อทำไม่ได้

เลยทำได้แค่คลอเคลียในนั้นแล้วทิ้งตัวจมลงมหาสมุทรแห่งทุกข์ทรมานนั้นเอง

“คุณหนู ข้ายิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าใจท่านแล้ว เหมือนว่านอกจากเรื่องของอ๋องจิ้งแล้ว ท่านสามารถคาดเดาได้ทุกเรื่องและบริหารได้ในเอื้อมมือ แต่ตอนนี้

สรุปท่านคิดอยากจะแก้แค้นเอาคืน หรืออยากจะเซฟตระกูลหยุนไว้    หรืออาจ......”ชิงต้ายไม่พูดต่อ

นางเห็นสายตากู้อ้าวเวยนั้นสว่างสไวบริสุทธิ์

กู้อ้าวเวยหันมายิ้มให้นาง นั่นเป็นรอยยิ้มที่ไร้สิ่งแปลกปลอมใดๆ:“ข้านึกถึงอะไร ก็ทำสิ่งนั้น”

นางดูออกแต่เช้า ถ้าจะทำเรื่องทุกอย่างโดยความตรึงเครียดซีเรียส มักจะล่มตลอด

แต่ถ้าทำเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำโดยความสบายใจ ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร เรื่องที่นางอยากทำก็ถูกทำด้วยสำเร็จลุล่วงอยู่แล้ว

“ได้เลย”ชิงต้ายถอนหายใจแล้วมองไปที่นอกหน้าต่าง ยิ้มพูดว่า:“ช่วงนี้จะมีเรื่องน่าสนุกร้อนแรงอีกแล้วสิ”

กู้อ้าวเวยยิ้มตามเช่นเดียวกัน:“ใช่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์