บทที่ 281 บิดเบือนข้อเท็จจริง
พิราบขาวกระพือปีกเหินบินโดยไร้เงา
กู้อ้าวเวยหมอบอยู่ริมหน้าต่าง สวมผ้าคลุมไหล่สีขาวราวหิมะขณะมองดูกุ่ยเม่ย
กุ่ยเม่ยปิดบานประตูคล้ายทำเป็นไม่เห็นนกพิราบส่งสาส์นตัวนั้นแล้วเดินมายังเบื้องหน้ากู้อ้าวเวยด้วยอย่างแช่มช้า ก้มหน้ามองนาง “หากกระหม่อมขัดขวางไว้ วันหน้าท่านก็ไม่ต้องการกระหม่อมแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่” กู้อ้าวเวยพยักศีรษะพลางหยิบกระดิ่งเหล็กออกมาจากถุงผ้าแล้วส่งให้กับกุ่ยเม่ย “ข้ากำจัดพิษบนผิวหน้าออกไปแล้ว เจ้าพกมันไว้จะสามารถไปที่ตระกูลหยุนได้ทุกเมื่อ”
กระดิ่งเหล็กอันเย็นยะเยือกพุ่งเข้าสู่มือ แต่ทว่าลวดลายสลักบนผิวหน้ากลับคล้ายเหล็กร้อนนาบฝ่ามือของกุ่ยเม่ย
กุ่ยเม่ยมองนางด้วยความอับจน “ท่านไม่กลัวว่าบั้นปลายชีวิตให้หลังกระหม่อมจะหนีไปแต่งภรรยามีบุตรงั้นหรือ?”
“ก็หนีไปซี่ ข้าเพียงผู้เดียวก็สามารถ”กู้อ้าวเวยทำท่าแบสองมือด้วยความจนปัญญา “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือกด้วยตนเอง เจ้าในเมื่อเลือกข้าแล้ววันหน้าก็อย่าได้หนีไปตามอำเภอใจแล้ว”
“กระหม่อมกลับไปจะทูลท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ” กู้อ้าวเวยหรี่ตามอง ในที่สุดก็ปีนลงจากขอบหน้าต่างลงมาด้วยความเกียจคร้าน ยืนมองดูกุ่ยเม่ยแล้วก็ชำเลืองมองขอบฟ้า “เจ้ารู้ไหมว่าข้าส่งจดหมายให้ใคร?”
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” กุ่ยเม่ยส่ายหน้าด้วยความเชื่องเชื่อ
“องค์ชายสาม” กู้อ้าวเวยยกมุมปากพลันหัวเราะเอ่ย “ทุกอย่างข้าล้วนพูดไว้ชัดเจนมาก หากเขาแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยก็ยังไม่สามารถแก้ไขเพื่อประชาชน เช่นนั้นวันหน้าข้าก็จะเปลี่ยนหุ้นส่วนที่ดีกว่านี้”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง กุ่ยเม่ยมองกู้อ้าวเวยด้วยความเหลือเชื่อ
เขามักจะติดตามข้างกู้อ้าวเวยอยู่เสมอ แทบไม่มีผู้ใดทราบ แม้กระทั่งซ่านจินจื๋อเองก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้
……
ตลอดห้าวันเต็ม ที่ฉีเหยียนป่ายไม่พบร่องรอยของคนเหล่านั้น เพียงพบไม้แกะสลักของเทพภูเขาประหลาด
วันนี้รถม้าขององค์ไทเฮาเสด็จล่าช้า คนทั้งเมืองเยว่ซานต่างโผล่หัวกันออกมาดูแต่ก็ยังคงระมัดระวังอย่างมาก ซ่านจินจื๋อควบนั่งอยู่บนม้าสีเข้ม ติดตามรถม้าเข้ามายังเมืองเยว่ซานอย่างช้าๆ
องค์ไทเฮาทรงเลิกผ้าม่านเอ่ยกับซ่านจินจื๋อ “ยังไม่ไปดูพระชายาเจ้าอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” ซ่านจินจื๋อประสานมือเคารพ ควบม้ามุ่งไปยังตำหนัก
ตลอดเส้นทางกลับปลอดโปร่งไร้อุปสรรค เมืองเยว่ซานเป็นจุดสำคัญทางทหารที่เขาปลุกปั้นขึ้นมากับมือ ฉีเหยียนป่ายตลอดจนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆล้วนเป็นคนที่เขาคัดสรรอย่างละเอียด และก่อตั้งเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่อย่างลับๆ และพลเมืองที่แท้จริงแทบทุกรายล้วนเป็นครอบครัวนายทหาร ดังนั้นทุกสิ่งจึงล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อเขามาถึงลานด้านหน้า กู้อ้าวเวยแต่งกายในชุดคลุมยาวขนห่านสีเหลืองอร่าม ปกปิดใบหน้า กำลังอุ้มกล่องไม้ขนาดใหญ่นั่งอยู่ตรงที่ขั้นบันได
สองสายตาประสานกัน ซ่านจินจื๋อลงจากม้าอย่างสง่างามเดินมาที่เบื้องหน้านาง “นั่งอยู่หน้าประตูนี่กำลังรอใคร?”
“รอท่านไง” กู้อ้าวเวยกล่าวจบได้นำกล่องไม้อันหนักอึ้งยัดเข้าในอ้อมแขนเขาพลันเอ่ยต่อ “โหวเซ่อปรากฎตัวขึ้นแล้ว ข้างในนี้มีหมอนโอสถสองใบกับสมุนไพรบางส่วน ท่านนำกลับไปให้ซูพ่านเอ๋อร์ใช้เถอะ อย่ารอจนถึงเวลาที่นางถูกวางยาพิษลึกลับอีก”
เมื่อเสร็จแล้วกู้อ้าวเวยนำหมวกคลุมสวมใส่ หันย้อนกลับไปเรียกกุ่ยเม่ยออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...