บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 288

บทที่ 288 ไปกราบไหว้ที่เขาหยินซาน

นางเป็นฝ่ายเริ่มลงมืออย่างอุกอาจ รุกตั้งคำถามซ่านจินจื๋อ เช่นนี้ก็จะสามารถขจัดความสงสัยของเขาที่มีต่อตนได้

ในขณะเดียวกันก็แกล้งทำเป็นหึง ไม่เพียงสามารถช่วยให้ซ่านจินจื๋อเกี่ยวโยงเรื่องนี้ถึงโหวเซ่อ ยังสามารถช่วยให้ซ่านจินจื๋อจดจำตนได้

“สุดท้ายนี้ เพียงปล่อยให้ใต้เท้ากว่างเข้าใจว่าพิษชนิดนี้ซ่านจินจื๋อเป็นผู้ลงมือก็พอแล้ว”

กู้อ้าวเวยยกมุมปากเบาๆ มือหนึ่งถือขนมไส้พุทรา อีกมือหนึ่งนำห่อกระดาษเล็กๆสองห่อกับจดหมายอีกหนึ่งฉบับส่งให้กุ่ยเม่ย “เจ้าจงนำของสิ่งนี้ไปส่งถึงในจวนขององค์ชายรองอย่างลับๆ”

“กระหม่อมเพิ่งแอบมองพวกท่านเมื่อสักครู่ กลับไม่เห็นท่านอ๋องสงสัยในตัวท่าน”กุ่ยเม่ยรับของนำมาเก็บอย่างระมัดระวัง

“เขานิสัยขี้ระแวง หากข้าไม่บอกว่านี่เป็นพิษของข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเฉิงซานก็จะลอบเข้ามาค้นสูตรปรุงยาของข้าเช่นกัน ถึงเวลาที่ถูกพบเบาะแสร่องรอย เกรงว่าเขาจะไม่เชื่อข้าอีกตลอดชีวิต”กู้อ้าวเวยนึกขำ กระทั่งยังพนันขันต่อกับกุ่ยเม่ยคอยดูว่าคืนนี้เฉิงซานจะมาหาสูตรปรุงยาหรือไม่

เมื่อคลี่คลายเรื่องนี้แล้ว กู้อ้าวเวยยังต้องการไปช่วยร้านยาจี้ซื่อถาง แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้แก้ไขเกือบจะเสร็จดี และหมออีกหลายคนก็ไม่หวังให้นางทำงานหนักมากเกินตัวจึงให้นางกลับไป

เมื่อนางขึ้นโดยสารรถม้าก็สั่งพลขับทันที “ไปจวนเฉิงเสี้ยง”

พลขับลำบากใจ “แต่ ท่านอ๋องทรงรับสั่งไว้ว่าจะร่วมมื้อพระกระยาหารด้วยกันกับท่าน ตอนบ่ายยังต้องเสด็จประพาสวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ตนเพิ่งจะแสดงท่าทางหึงหวงออกไป ตอนที่เดินจากมาก็ยังแสร้งทำเป็นเข้าใจผิดจนเขาอึดอัด หากกระตือรือร้นมากเกินไปเกรงว่าจะไม่ค่อยดีนัก

“ข้าไปจวนเฉิงเสี้ยงด้วยมีธุระสำคัญกว่า”

“พ่ะย่ะค่ะ” พลขับลอบหันกลับไปชำเลืองมอง หันเปลี่ยนทิศทางรถม้า

ณ จวนเฉิงเสี้ยง กู้อ้าวเวยพบกู้เฉิงในห้องหนังสือ อีกฝ่ายคล้ายกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับบางเรื่องอยู่ เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยสีหน้ากลับดูไม่ดีนัก

“ข้าอยากไปไหว้ท่านแม่” กู้อ้าวเวยเอ่ยปากอย่างไม่อ้อมค้อม “แต่ข้าไม่คิดอยากทราบเรื่องราวของนาง ข้าคิดว่าข้อเรียกร้องนี้ไม่ได้มากเกินไป”

บรรยากาศเงียบสงัดอยู่ชั่วครู่ หลังจากที่รอจนกู้เฉิงมีปฏิกิริยาตอบสนองจึงได้วางของทุกสิ่งที่อยู่ในมือลง “เจ้าได้ยินอะไรมาบ้าง?”

“พวกนางคล้ายว่าล้วนปิดปากไม่พูดถึงเรื่องนี้”

“ที่พวกนางทำนั้นไม่ผิด เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรพวกนี้ มารดาของเจ้าไม่ได้อยู่ทั้งในโถงบรรพบุรุษและสุสานบรรพบุรุษ นางไม่คู่ควรจะได้รับการกราบไหว้จากพระชายาจิ้งเช่นเจ้า” สีหน้ากู้เฉิงผ่อนคลายลงมาก

เขาทันใดนั้นจับมือของกู้อ้าวเวยราวกับบิดาผู้เมตตา ดึงนางมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ “นางมีแต่จะเอาคำนินทามาสู่เจ้า”

เมื่อเผชิญหน้ากับความอ่อนโยนอย่างฉับพลันของกู้เฉิง กู้อ้าวเวยยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยน “คำนินทาที่ข้าประสบมาสมควรไม่น้อย ต่อให้ท่านไม่บอกข้า อาศัยความช่วยเหลือของท่านอ๋องข้าก็สามารถจนเจอ””

“ใครสอนให้เจ้าขู่ขวัญบิดากัน?” สีหน้าของกู้เฉิงมืดครึ้มลงทันใด ช่างแตกต่างกับเมื่อสักครู่ราวกับคนละคน

“แน่นอน” ข้ายังสามารถนำเรื่องของเด็กในท้องกู้จี้เหยาบอกล่าวท่านอ๋องด้วย”กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ข้าไม่ได้ถือท่านเป็นบิดามานานแล้ว แต่ว่าท่านเดือนที่แล้วเพิ่งรับเงินมาแปดพันตำลึง นำตำแหน่งข้าหลวงจังหวัดหูโจวไปทอดขาย ตำแหน่งน้อยใหญ่ที่ขายไปก็ไม่น้อย ลูกสาวล้วนช่วยท่านจดไว้

กู้เฉิงหน้าเปลี่ยนสีโทสะพลุ่งพล่าน “คนมา พาคุณหนูไปไหว้หยุนฮูหยิน!”

“ขอบคุณท่านพ่อ” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างชอบใจ

……

นอกชานเมืองมีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า ‘หยินซาน’ เมื่อเดินข้ามภูเขาจะมีหมู่บ้านเล็กๆบริเวณเชิงเขาที่หาเลี้ยงชีพด้วยการประมง

และหลุมฝังศพของหยุนหว่านได้ตั้งอยู่กลางไหล่เขาหยินซาน เรือนอกของกู้เฉิงที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาหยินซานได้รกร้างไปนานแล้ว ทว่าการตกแต่งภายในกลับประณีตอย่างยิ่ง

กู้อ้าวเวยส่งคนรับใช้ทั้งหมดกลับ เพียงนำกุ่ยเม่ยติดตามขึ้นเขาไป

บนภูเขาหยินซานไม่มีถนน คนที่สัญจรไปมาล้วนใช้เป็นทางลัด

“ได้ยินมาว่าที่แห่งนี้มีผียายเฒ่า เป็นวิญญาณพยาบาทที่คลานขึ้นจากน้ำ วันแล้ววันเล่าจะคอยออกมาป้วนเปี้ยนในตอนที่บนเขาหยินซานไร้แสงดวงตะวัน ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเกิดพืชที่เป็นพิษและแมลงพิษมากมาย และเนื่องจากผียายเฒ่าตนนี้ชอบแปลงกายลักษณะเป็นหญิงสาวแรกรุ่นสูบกินพลังชีวิตของบุรุษ ผู้คนจึงไม่กล้าขึ้นมา เพียงทราบแค่ว่าที่นี่มักจะมีหมอกปกคลุมอยู่เสมอจึงง่ายที่จะถูกพิษ” กุ่ยเม่ยกล่าวเสียงกระซิบ

“เช่นนั้นท่านพ่อไยยังตั้งเรือนนอกไว้ในสถานที่แบบนี้ แปลกประหลาดยิ่ง” กู้อ้าวเวยจับข้อมือของกุ่ยเม่ยไว้ ถึงแม้นางจะร่ำเรียนวิทยายุทธ์มาบ้าง แต่หนทางบนภูเขาหยินซานช่างประหลาดเหลือทน

“นี่เรียกว่าตำหนักเจิ้นหุน (ตำหนักผู้พิทักษ์) ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานให้แก่ใต้เท้าเฉิงเสี้ยง ความหมายคือให้เฉิงเสี้ยงรับใช้เพื่อประเทศชาติ ออกนั่งบัญชาการเทียนเหยียนปกป้องความสงบสุขของราษฎร นอกจากนี้ ตำหนักเจิ้นหุนถือกำเนิดและดับไปพร้อมๆกับเฉิงเสี้ยง หากวันใดที่เฉิงเสี้ยงทรยศไร้เมตตามโนธรรม ก็จะส่งคนมาขุดตำหนักเจิ้นหุนให้เรียบปล่อยให้ผียายเฒ่าไปเอาชีวิตใต้เท้าเฉิงเสี้ยง”กุ่ยเม่ยพร่ำพรรณนาขึ้นมาตามในหนังสือ พลันนำตัวกู้อ้าวเวยดึงมากข้างกาย

“ฮ่องเต้องค์ก่อนค่อนข้างน่าสนใจนะ” กู้อ้าวเวยหายใจหอบ เมื่อปราดตามองเส้นทางบนภูเขาพลันประหลาดใจ “แต่ที่เจ้าเล่ามา ท่านพ่อให้คนนำโลงศพของท่านแม่ขึ้นมาได้อย่างไร”

“น่าจะใช้เชือกจูงขึ้นมา เกรงว่าคงไม่ต้องการรบกวนความสงบของมารดาท่านจึงได้ค้นหาสถานที่เช่นนี้”

กู้อ้าวเวยทอดถอนใจพลันยู่ปาก “ข้าทำไมรู้สึกว่าทุกคนต่างก็คิดว่าท่านพ่อต้องรักใคร่เห็นใจท่านแม่ข้า?

“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ถึงแม้ในเมืองจะไม่มีผู้ใดกล่าวถึงแต่ท่านหยุนหว่านมารดาท่านยังเป็นโฉมสะคราญขึ้นชื่อแห่งชางหลาน ก็เฉกเช่นเดียวกันกับท่าน ยามนั้นในมือล้วนกุมความสำคัญแห่งราชวงศ์ไว้ไม่น้อย หลังจากนั้นใต้เท้าเฉิงเสี้ยงในท้ายที่สุดแล้วไม่อาจไม่สนใจที่นางหนีตามไปกับคนรัก จึงนำนางมากักตัวไว้ที่นี่ ทั้งยังหวาดเกรงว่านางจะนำความลับเหล่านั้นไปโพนทะนา”กุ่ยเม่ยตอบอีกฝ่ายรวดๆ

กู้อ้าวเวยโง่งมจนพูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ทุกคนต่างรู้กันทั่ว กู้เฉิงสามารถปิดบังนางไว้อย่างแนบเนียน

เมื่อถึงกลางไหล่เขา ที่แห่งนี้เห็นได้ชัดว่าถูกคนขุดลงไปบางส่วน หลุมฝังศพของหยุนหว่านถูกจัดการฝังไว้ที่นี่ ข้างหลุมฝังศพยังมีวัชพืชขึ้นไม่น้อย

กู้อ้าวเวยรู้สึกจนใจ นำสุราชิงเหมยที่ซื้อมาก่อนหน้านี้รินสองจอกแล้ววางไว้เบื้องหน้าป้ายหลุมศพ หยิบขนมที่ตนชื่นชอบจัดแจงอย่างระมัดระวังแล้วค่อยๆวางไว้ที่หน้าหลุมศพ

กุ่ยเม่ยชักดาบออกมาจากเอวคิดอยากทำความสะอาดจัดการวัชพืชเหล่านี้

กู้อ้าวเวยกลับขวางเขาไว้ “อย่าได้รบกวนความสงบมารดาข้าเลย ให้หญ้าโตอย่างนี้ดีแล้ว”

กู้อ้าวเวยปูผ้าสีฟ้าน้ำทะเลบนพื้น คุกเข่าลงที่เบื้องหน้าป้ายหลุมศพของหยุนหว่านพลันโขกศีรษะสามครั้ง จากนั้นพับผ้าสีฟ้าน้ำทะเลเรียบร้อยแล้ววางหน้าหลุมศพ พลันเอ่ยเสียงค่อย “ลูกชอบดื่มสุราชิงเหมย ชอบทานขนมพุทรากับขนมโก๋ชั้น สี่ที่ชอบที่สดคือสีฟ้าผืนน้ำกับสีเขียวมรกต ที่ผ่านมามีความสุขดีเพียงแต่ทำให้ชื่อเสียงโฉมสะคราญของท่านแม่ต้องเสื่อมเสีย

ได้กล่าววาจาพร่ำเพ้ออยู่สักพัก ก่อนที่กู้อ้าวเวยจะไปได้ให้กุ่ยเม่ยถอยออก พลันก้มศีรษะมองหลุมศพที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืชกล่าวกระซิบ “หากท่านแม่พบน้ำผึ้งสีขาวหรือแรดที่ใต้ปรโลก โปรดช่วยกู้อ้าวเวยถ่านทอดวาจาสักประโยค

“ชาติหน้าขอให้ไปอยู่ครอบครัวดีๆ ชาตินี้ล้วนเป็นบิดาที่กระทำผิดต่อพวกท่าน ข้าจะทำให้บิดาของเจ้าชดใช้คืนทีละคน ทีละคนด้วยตัวเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์