บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 297

บทที่ 297 จางเหยียงซาน

”คุณหนูคะ ท่านอ๋องติดต่อกับสำนักเยียนหยู่เก๋อด้วยนะ ถ้าท่านช่วยคุณหนูฉีหรัวเอาสำนักเยียนหยู่เก๋อกลับมา จะทำให้ท่านอ๋องสงสัยไหมคะ” ชิงต้ายมองออกจุดยากของเรื่องนี้พอดี

“เพราะฉะนั้น ฉันต้องระมัดระวังมากขึ้น ลงทุนไปมากขนาดนี้ ยังไงก็ต้องได้อะไรกลับมาบ้าง” กู้อ้าวเวยเก็บใบสัญญาที่ยังไม่ได้เซ็นรับไว้ พูดด้วยเสียงเบา ว่า “การที่ฉีหมิงส่งข่าวให้แก่ท่านอ๋อง ฉีหรัวกับฉีหลินยังไม่รู้เรื่องนะ ต้องดึงเขามาร่วมด้วย ฉันจึงสามารถรู้จักมากกว่านี้”

“ท่านจะทำยังไงครับ” กุ่ยเม่ยถาม

กู้อ้าวเวยส่ายหัว กำลังปวดหัว พูดว่า “ช่วงนี้ ซ่านจินจื๋อไม่อยู่ ฉันคิดว่าจะส่งเสริมกองกำลังให้มากขึ้น และกดขี่ซูพ่านเอ๋อบ้างในตำหนักอ๋อง แถมที่เรื่องของคุณแม่ยังไม่แก้ไขด้วย เพราะฉะนั้น แต่ก่อน เมื่อฉีหรัวคุยเรื่องนี้กับฉัน ฉันยังงุนงงอยู่เลย”

ทุกคนปวดหัวเหลือเกิน ถ้าฆ่าฉีหมิง แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของฉีหรัว แต่ถ้าเขาไม่สละตำแหน่งนี้ ฉีหรัวจะไม่มีโอกาสรับตำแหน่งแทนเขาได้ ทำยากมาก

ข้างนอกฝนตกหนัก ยิ่งอยู่ยิ่งหนาว กู้อ้าวเวยให้เขาสองคนกลับไปพัก เธอเองขึ้นไปบนเตียงพักผ่อน เลิกคิดเรื่องวุ่นวายพวกนี้ มันต้องค่อยๆจัดการไปทีละเรื่อง

วันต่อมาตอนเช้า กู้อ้าวเวยไปเดินดูที่ห้องสอบก่อน และไปนั่งกินบะหมี่หยางชุนที่ร้านแผงลอย ชิงต้ายบอกว่าจะไปซื้อทับทิม กุ่ยเม่ยจึงนั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอ

ฝนตกไม่เห็นหยุด กู้อ้าวเวยสงสัย ถามว่า “แคว้นชางหลาน ฝนตกบ่อยมากเหรอ”

“เป็นเมืองที่ฝนตกบ่อยมากจริง แต่ก่อนที่ตั้งชื่อเมืองว่า ชางหลาน ก็เพราะว่าฝนตกบ่อยนีละครับ” กุ่ยเม่ยพยักหน้า และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆที่กู้อ้าวเวยไม่เคยได้ยินด้วย สองคนคุยกันไปสักพัก

ได้ยินเสียงวุ่นวายมาจากข้างๆ แม้ว่าฝนตกหนักมาก แต่ก็เห็นผู้คนไปรวมกันอยู่ตรงโน้น

กู้อ้าวเวยหันไปมอง รู้สึกปกติ ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่มีใครเสียชีวิต เธอไม่อยากจะไปก้าวก่าย เสียเวลา กินบะหมี่หยางชุนเสร็จแล้ว ซื้อซาลาเปาใส่ผักสองลูก พูดว่า “ เดี๋ยวฉันจะไปเขาหยินซาน ฉันไม่มีกังฟู คุณอาจจะต้องอุ้มฉันขึ้นไปแล้วนะ”

“คุณจะไปดูสุสานของหยุนหว่านฮูหยินเหรอครับ” กุ่ยเม่ยเช็ดปาก เอาเสื้อคลุมยาวของกู้อ้าวเวยซ่อนไว้ที่หน้าอก เดี๋ยวขึ้นไปบนภูเขา ถ้าเจอฝนจะได้ไม่เปียกมาก

มองดูเสื้อที่อยู่หน้าอกของเขา กู้อ้าวเวยรู้สึกตลกและหัวเราะขึ้น

กุ่ยเม่ยสีหน้าไม่ค่อยดี พูดว่า “ผมทำเพื่อคุณนะนิ”

“ดีมาก แม่กุ่ยเม่ย” กู้อ้าวเวยหัวเราะอีก เห็นสีหน้าของกุ่ยเม่ย เธอจึงรีบลุกขึ้นไปจ่ายเงิน และใส่ผ้าคลุมหน้า พูดว่า “แต่ก่อน คุณบิดาให้คนไปเฝ้าอยู่ตรงโน้น วันนี้เป็นวันที่สอบคัดเลือกขุนนาง แถมฝนตกด้วย เขาน่าจะไม่มีเวลาสนใจฝั่งนี้หรอก”

กุ่ยเม่ยพยักหน้า ตามกู้อ้าวเวยเดินออกไปนอกเมือง

ตรงโน้นยังมีผู้คนรวมกันคุยอะไรอยู่อย่างวุ่นวาย กู้อ้าวเวยหยุดเดินอย่างไม่รู้ตัว มองดูไปข้างในอย่างแปลกใจ เห็นคนที่หน้าคุ้นๆ กำลังถูกคนอื่นผลักล้มไปที่บ่อโคลน และยังกอดอีกคนหนึ่งไว้ที่อ้อมอกอดอย่างแน่น”

เจ้าของร้านคนนั้นทิ้งเงินทอนออกไป ชี้หน้าผู้ชายคนนี้และด่าว่า “พี่สาวของแกบ้าไปซะแล้ว ตอนนี้ยังตายเพราะคนที่ไม่ดี ใครจะกล้าจ้างแกต่อละ”

“เงินเดือนของผม” ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนพื้น และอุ้มผู้หญิงที่ไม่มีชีวิตแล้วไว้ แววตาเต็มไปด้วยความโหดร้าย

“ยังกล้าขอเงินเดือนนั้นเหรอ แต่ก่อน ที่พวกเรายอมจ้างแกมาทำงานก็ถือว่าบุญคุณแล้วนะ คนที่มาจากตลาดน้อยอย่างแก...”

“พูดจาดีหน่อยเถอะ ถือว่าทำบุญให้แก่ลูกหลานแล้วกัน” กู้อ้าวเวยผลักคนข้างๆออกไป ถือร่มและยืนอยู่ข้างๆผู้ช้ายคนนั้น ช่วยตรวจชีพจรให้ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอด เธอถอนหายใจ และกางร่มให้พวกเขา สั่งให้กุ่ยเม่ยว่า “ไปซื้อโลงศพมา และซื้อชุดสีขาวของผู้หญิงกับชุดสีดำของผู้ชายมาด้วย”

“รู้จักเหรอคะ” กุ่ยเม่ยถาม

“รู้จัก คุณรีบไปเถอะ ฉันรออยู่ที่นี่” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างตั้งใจ รีบโบกมือกับกุ่ยเม่ย เธอเอาผ้าคลุมหน้าออกมา และไปคลุมหน้าให้ผู้หญิงคนนั้น

เจ้าของร้านเห็นแล้ว ถ่มน้ำลายและปิดประตูอย่างเสียงดัง

ผู้คนข้างๆเห็นไม่มีอะไรแล้ว จึงพากันจากไป

แต่ผู้ชายคนนั้นยังอุ้มผู้หญิงนั้นอย่างแน่น และจ้องมองประตูที่ปิดไว้ด้วยสายตาโหดร้าย

“จางเหยียงซาน” กู้อ้าวเวยเรียกเขา

เขาเป็นคนที่วางยาพิษกับหู้ปู้เซ่อหลาง มีความกล้าหาญมาก เสียดายที่ชาวโลกไร้น้ำใจต่อกัน หลังจากเขาจากไปแล้ว ไม่เคยกลับมาหากู้อ้าวเวยเลย วันนี้ได้เจอ แต่พี่สาวบ้าของเขาเสียชีวิตแล้ว

จางเหยียงซานหันไปมองเธอ ถามว่า “ทำไมคุณจะช่วยผมครับ”

“เพราะคุณเป็นมนุษย์ ฉันก็เหมือนกัน” กู้อ้าวเวยยื่นร่มในมือให้เขา เธอเองลุกขึ้นและพูดว่า “คุณรออยู่นี่ ฉันไปซื้อรถก่อน”

จางเหยียงซานถือร่มไว้อย่างงุนงง มองดูหญิงที่อยู่ในอ้อมกอด ไม่พูดอะไรสักคำ

กู้อ้าวเวยไปซื้อรถที่ซอยข้างๆ และไปซื้อพวกเครื่องสำอางที่สำนักเยียนหยู่เก๋อด้วย จึงเดินกลับมาพร้อมตากฝน ช่วยจางเหยียงซานอุ้มหญิงคนนั้นขึ้นรถ กุ่ยเม่ยพาคนแบกโลงศพกลับมาพอดี และซื้อเงินกระดาษมาด้วย

“ไปร้านขายโลงศพ ฉันจะช่วยเธอแต่งตัวก่อน” กู้อ้าวเวยพูด สองสามคนจึงเดินไปยังร้านโลงศพด้วยกัน

ถึงร้านขายโลงศพ จางเหยียงซานจ้องมองหน้าพี่สาวของเขาตลอด ไม่เคยมองไปที่อื่น กู้อ้าวเวยช่วยเธอเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อย จึงหันไปมองจางเหยียงซานและถามว่า “พี่สาวของคุณจะฝังอยู่ที่ไหน บอกให้คนรับใช้แล้วกัน”

“ใช้เงินไปเท่าไหร่ครับ เดี๋ยวผมเอามาคืนให้” จางเหยียงซานกำกำปั้นอย่างแน่น

“ฉันไม่เอาเงินหรอก ฉันอยากให้คุณไปทางที่ถูกต้อง ช่วยตรวจรักษาไข้ให้แก่ชาวบ้าน ทำดีต่อชาวบ้าน” กู้อ้าวเวยมองหน้าเขาอย่างไม่มีอารมณ์

จางเหยียงซานมองหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชา พูดว่า “แต่ก่อน คุณห้ามผมแก้แค้นกับหู้ปู้เซ่อหลาง เดี๋ยวนี้ คุณยังจะมาห้ามผมแก้แค้นเพื่อพี่สาวของผมอีกเหรอคะ”

“หู้ปู้เซ่อหลางเป็นคนชั่วร้าย วันหลังย่อมมีคนจัดการเขาเอง” กู้อ้าวเวยตอบเขา และหยิบเอาเงินห้าตะลึงให้เขา พูดว่า “ดูแลตัวเองให้ดีๆ ในอนาคต ถ้าคุณอยากจะช่วยตรวจรักษาไข้ให้ชาวบ้าน มาหาฉันที่ร้านยาเหย้าได้ ฉันรับปากไว้ว่า คุณต้องร่ำรวยมั่งมีและแก้แค้นได้สำเร็จแน่นอน”

พูดจบ กุ่ยเม่ยที่อยู่ด้านหลังเดินมาข้างหน้า ใส่เสื้อคลุมยาวที่ไม่เปียกให้เธอ

กู้อ้าวเวยพยักหน้า ตบหัวตัวเองและพูดว่า “ตอนนี้ฝนตกหนัก พาฉันไป เร็วๆ”

ยังไม่ออกจากประตู จางเหยียงซานวิ่งตามมาและพูดว่า “ถ้าได้แก้แค้นจริงๆ ให้ผมทำยังไงก็ได้”

กู้อ้าวเวยถูกเขาจับเสื้อไว้ หันไปมองหน้าเขา คิดสักพัก และพูดว่า “ได้ พอดีฉันมีเรื่องต้องการคนช่วย คุณเอาใบสัญญานี้ไปหาฉีหรัวที่สำนักเยียนหยู่เก๋อ บอกว่า คุณเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องของสำนังเยียนหยู่เก๋อเอง”

จางเหยียงซานเงียบสักพัก จึงพยักหน้าและตอบว่า “ได้ครับ แต่คุณต้องช่วยผมแก้แค้น”

“ได้ค่ะ แต่ตอนนี้ฉันต้องไปแล้วนะ” กู้อ้าวเวยยิ้มและพยักหน้า จริงๆ ที่ให้จางเหยียงซานไป เป็นการเสี่ยงเฉยๆ อยากรู้ว่าจะจัดการเรื่องฉีหมิงนั้นได้ไหม

มองดูกู้อ้าวเวยจากไป จางเหยียงซานหลับตา และลืมตา ในแววตาสะอาด ไร้เดียงสา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์