บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 310

บทที่ 310 ตัวเลือกสองทาง

ชิงต้ายจดจำคืนนี้ให้ขึ้นใจ

ตั้งแต่เกิดมา ก็มีเพียงแต่กู้อ้าวเวยเท่านั้นที่อยากให้นางหนีออกจากคฤหาสน์หลังโตไปยังศาลาแปดเหลี่ยม

กู้อ้าวเวยเล่าเรื่องคนชุดขาวผู้นั้นให้ชิงต้ายฟังโดยไม่ตกหล่นสักคำ หลังจากนั้นกลับฟังเสียงร้องนั้นไม่ได้แล้ว นางเอาบันไดพาดกับกำแพงอย่างอาจหาญ ด้อมๆ มองๆ เข้ามายังวิหารชิงเฟิงแห่งนี้

ประตูบานใหญ่ของวิหารชิงเฟิงปิดสนิท หลานเอ๋อร์อุดหูหลับตานั่งยองๆ อยู่มุมกำแพง เสียงร้องด้านในกลับไม่หยุดลง

“เปิดประตูออกเสีย” กู้อ้าวเวยถูกชิงต้ายพยุงเอาไว้ ดวงหน้าทั้งหมดซีดเซียว

หลานเอ๋อร์หยัดตัวลุกขึ้น อ้าปากกว้าง “พระชายาจิ้ง ท่านไม่ได้...”

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้น หลานเอ๋อร์ยังจำได้ว่าร่างกายนางมีแผล จึงกระวีกระวาดเปิดประตูออกให้นาง และปิดมันลงอย่างระวัง นำพวกนางมายังด้านในห้อง

คนที่เพิ่งสูญเสียลูกไปวันนี้ปัจจุบันแขนขาทั้งสี่ถูกมัดตายกับเตียง มีคราบน้ำตาทั่วใบหน้า

ก็แม้แต่ชิงต้ายยังนึกเวทนา แต่กู้อ้าวเวยกลับทำเพียงนั่งลงอยู่ข้างโต๊ะด้านข้าง เห็นนางร้องไห้สักพักก่อนหันมาจ้องตนไม่วางตา จึงเอ่ยเสียงแผ่ว “ร้องไห้ เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ที่สุดแล้ว”

“ท่านเอาลูกข้าคืนมา...เป็นท่านใช่ไหม” กู้จี้เหยาครวญคราง สบมองนางตรงๆ “ท่านริษยาที่ข้ามีลูกแล้วใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงหันมาวางยาให้ข้า”

“ถ้าเป็นข้าจริงๆ ข้าจะบอกความจริงกับท่านอ๋องเท่านั้น” กู้อ้าวเวยพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ นวดข้างไหล่ที่เริ่มปวด ก่อนเอ่ยต่อไป “เจ้ากับข้าต่างรู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร ตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะร้องอย่างไร ก็เสียลูกไปแล้วอยู่ดี”

กู้จี้เหยานอนราบลงไปกับเตียงคล้ายกับโรยแรง ก่อนหัวเราะเย็นๆ “เช่นนั้นท่านเข้ามาเพื่ออะไรกัน...”

“เจ้ามีตัวเลือกสองทาง หนึ่ง ข้าจะไปร้องขอเมตาจากท่านอ๋องให้ปล่อยเจ้าออกไปจากวังอ๋องเพื่อหาสามีใหม่ สอง ข้าปรับสมดุลร่างกายให้เจ้าหายดีแล้ว เจ้าต้องอยู่ในวังอ๋องนี้เพื่อต่อกรกับซูพ่านเอ๋อต่อไป” กู้อ้าวเวยควานหาบนร่างกายเป็นวงกลม จึงสังเกตว่าก่อนหน้าที่ตนจะปีนกำแพงมาไม่ได้พกอะไรมาเลยสักอย่าง จึงมองชิงต้ายอย่างจนปัญญา

ชิงต้ายถอนหายใจ “คุณหนู ครั้งหน้าก่อนท่านจะมาให้บอกข้าก่อนว่าท่านจะทำอะไร ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเตรียมข้าวของให้ท่านได้”

กู้อ้าวเวยยิ้มเจื่อน ชิงต้ายถอนหายใจอีกครั้ง รีบวิ่งออกไปข้างนอก เตรียมปีนกำแพงไปเอาพวกขวดกระป๋องเหล่านั้นหยิบกลับมาด้วย หลานเอ๋อร์ยังมองดูอยู่ด้านข้าง กู้อ้าวเวยกลับโบกมือให้นาง “เจ้าเองก็ตามไปเถิด”

หลานเอ๋อร์ปราดมองกู้จี้เหยาที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้า และรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปเพื่อแก้สายพันธนาการเหล่านั้นออกให้กู้จี้เหยาเล็กน้อย ก่อนนั่งลงริมเตียงมองไปที่นาง “ไม่ว่าเจ้าจะเลือกข้อไหน ข้าก็จะช่วยเจ้า เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าก็ต้องช่วยข้าหนึ่งเรื่อง”

“ได้” กู้จี้เหยาดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงแหบพร่าไปหมด

“หากเลือกข้อสอง ก็จงมุ่งใจต่อกรกับซูพ่านเอ๋อ ถ้าเจ้าเลือกข้อแรกหมายจะออกไป ก็ไปบนยุทธภพเพื่อตามหาคนๆ หนึ่งให้ข้า เจ้าเลือกข้อไหน” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ ในดวงตาคู่นั้นกลับผสานอารมณ์ทั้งมวลเอาไว้ถึงขั้นมองดูกู้จี้เหยาด้วยจิตใจสงบนิ่งได้

สองพี่น้องสบสายตากันเนิ่นนาน จู่ๆ กู้จี้เหยาก็ร้องครวญคราง ปาดน้ำตาที่ทะลักออกมาหนึ่งที ก่อนกล่าวพลางยิ้ม “ข้าอยากสู้กับซูพ่านเอ๋อ ข้าไม่อยากไปไหน”

“ดี ข้าจะช่วยเจ้ารักษาชีวิต ปรับสมดุลร่างกาย และช่วยเจ้าปกปิดความลับ แต่เรื่องทุกอย่างเจ้าจะต้องไปคิด ไปทำเอาเอง” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง

กำลังนึกอยากออกไป กู้จี้เหยากลับคว้าแขนเสื้อของนางเอาไว้

“พี่สาว ข้าชอบซ่านจินจื๋อจริงๆ นะ” น้ำเสียงของกู้จี้เหยาแผ่วเบา น้ำตาไหลลงมาอย่างสิ้นหวัง แต่ในน้ำเสียงสั่นเครือของนางกลับเจือแววหัวเราะ “พูดมาแล้วก็ช่างน่าขัน ข้าร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่กลับไม่ใช่เพื่อลูกน้อยแสนรันทดของข้าคนนั้น ข้าแค่ตำหนิเขาว่าเหตุใดถึงไม่มาเยี่ยมข้าสักหน่อย...”

กู้อ้าวเวยแน่นิ่งอยู่กับที่ แสงเทียนเบื้องหน้าไหววูบเล็กน้อย วูบจนหัวใจทั้งดวงของกู้อ้าวเวยสะท้านขึ้นมา

แต่เสียงหัวเราะของกู้จี้เหยากลับแผ่วลงเรื่อยๆ “ข้ารู้ว่าเขามองไม่เห็นข้า แต่ข้าก็ยังชอบเขา ท่านรู้หรือเปล่า เมื่อก่อนเขามาที่เรือนข้า แนบหูบนท้องของข้าเพื่อฟังเสียงดิ้นในท้อง ข้าก็ดีใจจนเอ่อล้นแล้ว”

“แต่ว่าสุดท้าย เขาพูดมาหนึ่งประโยค” กู้จี้เหยาแหงนหน้าขึ้นน้อยๆ “เขาบอกว่า อยากให้ข้าส่งลูกให้ท่านรับเลี้ยง ให้เรียกท่านว่าท่านแม่”

หัวใจเหมือนกับถูกมดกัดเบาๆ หนึ่งที

กู้อ้าวเวยเหลียวกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อ กู้จี้เหยากลับยังคงพึมพำคนเดียว “ข้าบอกว่าไม่ยินดี ตอนนั้นเขาทำเพียงถอนหายใจหนึ่งเฮือก บอกให้ข้าดูแลตัวเองให้ดี”

“ท่าน...ท่านจะมอบเขาให้ข้าได้หรือไม่”

เมื่อคำพูดสุดท้ายสิ้นสุดลง กู้อ้าวเวยถึงกับพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว รู้สึกเพียงว่ามดในหัวใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที ราวกับว่าสายใยรักนับไม่ถ้วนกำลังพันยุ่งเหยิงกับนางอยู่แน่น

ซ่านจินจื๋อนึกอยากให้ลูกของกู้จี้เหยากลายเป็นลูกของตน แต่เมื่อครู่ตนกลับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะจากไป

น่าขันที่สุดในโลก

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กู้อ้าวเวยไม่ต้องการเหลียวหลัง ทำเพียงกุมมือของกู้จี้เหยาเอาไว้เบาๆ “ในหัวใจของเขามีแต่ซูพ่านเอ๋อ ต่อให้ข้าหลีกทางให้ เจ้าก็ไม่ได้รับมันมา”

“ข้ายังมีลมหายใจ ไม่สู้จนถึงที่สุด แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสู้ไม่ได้” กู้จี้เหยาร้องไห้ขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง “จากนี้ไปข้าจะไม่เป็นปฏิปักษ์กับท่านอีกแล้ว ขอเพียงท่านหลีกทางให้ข้า ได้หรือไม่ พี่สาว”

“เจ้าไปแย่งมาเถิด” กู้อ้าวเวยค้ำไม้เท้าหยัดตัวลุกขึ้น ไม่หันไปมองสีหน้าของกู้จี้เหยา “ทุกคนล้วนมีชีวิตของตัวเอง”

กู้จี้เหยากัดเรียวปากอย่างเอาตาย แต่ทำได้เพียงมองนางจากไปอย่างเงียบเชียบ

ผ่านไปสักพัก หลานเอ๋อร์ก็ยกพวกขวดกระป๋องและตำรับยาจำนวนไม่น้อยวิ่งเหยาะๆ เข้ามา กู้จี้เหยาเช็ดน้ำตาบนหน้าจนแห้งไปตั้งนานแล้ว ทำเพียงนั่งพิงอยู่บนเตียง แววไร้เดียงสาสุดท้ายในดวงตาก็มลายหายไปตั้งนานแล้วเช่นเดียวกัน

“หลานเอ๋อร์ ไปเชิญหมอจากจี้ซื่อถางมาให้ข้า” กู้จี้เหยาเอ่ยเสียงแผ่ว

หลานเอ๋อร์รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และไปปลุกคนใช้ในเรือนไปแทน ตนกลับมาที่ข้างกายของกู้จี้เหยา เอ่ยพลางยิ้ม “เมื่อครู่ชิงต้ายบอกข้าแล้ว บอกว่าพระชายาจิ้งไม่มีกะใจจะแย่งความโปรดปราน วันหน้าท่านก็มีโอกาสแล้ว”

“ข้ารู้ ดังนั้นจะต้องสำเร็จภารกิจตอนนี้ให้เร็ว ข้าต้องพักฟื้นร่างกายจนหายดี และไปทวงชีวิตมาจากซูพ่านเอ๋อ” ในดวงตากู้จี้เหยามีแววเย็นเยียบแวบขึ้นมาหลายเสี้ยว แต่หลานเอ๋อร์กลับไม่ได้มองเห็นมัน

ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยปีนข้ามกำแพงมากับชิงต้ายอย่างยากลำบาก ได้ยินเสียงเย็นหวิวลอยมาจากทางด้านหลัง “บาดเจ็บอยู่ท่านยังกล้าปีนกำแพง”

ทั้งสองเกือบหัวคะมำลงไป ร่างกายกลับถูกคนยกขึ้นมาเสียก่อน และโรยตัวลงในเรือนอย่างแผ่วเบา

ชิงต้ายทรงตัวให้มั่น เห็นคนข้างกายคว้ากู้อ้าวเวยขึ้นไปแบกใส่หลังด้วยมือเดียว ทำเพียงหัวเราะ “คุณหนูมักจะชอบรนหาเรื่องเสมอ เจ้าก็รู้นี่นา ฟ้าใกล้สางแล้ว ข้าจะไปห้องครัวเพื่อหาของกินหน่อย”

กู้อ้าวเวยอิงอยู่บนแผ่นหลังของกุ่ยเม่ย ก่อนถอนใจ “อยู่กับพวกเจ้ามานานแล้ว พวกเจ้าก็เหมือนแม่ของข้าเลยเชียว”

กุ่ยเม่ยถอนหายใจ “เลิกก่อเรื่องหน่อยได้ไหม ท่านยังสัญญาว่าจะพาข้าไปชมโลกภายนอกอยู่นะ หากตอนนี้ท่านเล่นเอาตัวเองตายขึ้นมาจะทำอย่างไร”

“อย่าพูดคำว่าตาย รีบถอนทิ้ง” กู้อ้าวเวยลูบกระหม่อมเขาด้วยหน้าซีด

กุ่ยเม่ยกลอกตาขาว แต่ก็ยังแค่นเสียงถอนคำอยู่หลายที

ถูกส่งมาบนเตียงนอน กู้อ้าวเวยตะแคงตัวแล้วก็ผล็อยหลับไป

ต่างจากซ่านจินจื๋อ ขอเพียงเป็นสถานที่ที่มีชิงต้ายและกุ่ยเม่ยอยู่ นางก็สบายใจหาใดเปรียบแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์