บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 319

บทที่ 319 อยู่เป็นเพื่อนเจ้า

“ฮัดชิ่ว------”

กู้อ้าวเวยเพิ่งตื่น ก็เกิดอาการจามอย่างแรง

ซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างๆพลันลืมตาตื่น เห็นกู้อ้าวเวยลูบจมูกเบาๆกำลังปีนไปได้ครึ่งทาง ก็ช้อนร่างนางเข้ามาในอ้อมแขนใหม่ กู้อ้าวเวยร่างแนบกับแผ่นอกของเขาพลันถลึงตาใส่ “เมื่อครู่ท่านว่าหม่อมฉันใช่ไหม?”

“เปล่าสักหน่อย นอนอีกสักครู่เถิด” ซ่านจินจื๋อตบหลังของนาง

“ท่านนอนเถิด” กู้อ้าวเวยยกมือเขาออก “วันนี้ข้าต้องไปปรับสภาพร่างให้กู้จี้เหยา ยังต้องนำเรื่องที่บิดาถูกถอดจากตำแหน่งแล้วส่งเข้าเรือนจำบอกแก่นางด้วย มิเช่นนั้นนางจะตำหนิข้าได้”

กู้อ้าวเวยพลิกตัวออกจากร่างเขาด้วยความคุ้นเคยคล่องแคล่ว กลายเป็นว่านำการเคลื่อนไหวของเจ้าแมวสองตัวมาเรียนรู้ในจินตนาการ

กู้อ้าวเวยไม่ว่าจะโดนกักบริเวณหรือไม่ ก็มักจะยุ่งง่วนอยู่เสมอ

ซ่านจินจื๋อกลับต่างออกไป เขานอกจากการสู้เพื่อราชบัลลังก์ คืนวันที่เหลือในปีนั้นก็คือการฝึกวิชาบนยอดเขากับซูพ่านเอ๋อร์

ตอนนี้เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว เขาคล้ายกับว่าไม่มีสิ่งใดอื่นเลยนอกจากซูพ่านเอ๋อร์ แต่เมื่อได้อยู่กับกู้อ้าวเวย เขากระทั่งสามารถจำแนกสมุนไพรได้สองสามชนิด ยังได้รู้ว่าขนมเจ้าไหนอร่อย หรือแม้แต่เรื่องซุบซิบนินทาในเทียนเหยียน

กู้อ้าวเวยนำสมุนไพรและเข็มเงินมาที่วิหารชิงเฟิง แล้วยังนำเรื่องที่บิดาถูกถอดตำแหน่งบอกกับกู้จี้เหยา กู้จี้เหยาไม่ได้ตื่นตระหนกอย่างที่คาดไว้ ่กลับเหลือบมองกู้อ้าวเวยด้วยแววตาเรียบเฉย “ข้ารู้อยู่นานแล้ว”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”กู้อ้าวเวยยิ้มขื่น นำสมุนไพรส่งให้หลานเอ๋อร์กับชิงต้าย “เขาแต่เดิมก็ไม่สนใจทั้งเจ้าทั้งข้า”

“อืม” กลับมองไม่เห็นถึงอารมณ์บนใบหน้าของกู้จี้เหยา

กู้อ้าวเวยไม่กล้ากล่าวอะไรต่อ เพียงฝังเข็มจับชีพจรให้นาง ปรับสภาพร่างกายให้เหมาะสมดี

ตอนที่จากมา กู้อ้าวเวยรู้สึกได้ว่านางแปลกไปจริงๆ

หลานเอ๋อร์หมอบอยู่ข้างเตียงอย่างเชื่องเชื่อ เห็นใบหน้ากู้จี้เหยาเผยความรวดร้าว พลันผงกศีรษะ “ก็เป็นเสียแบบนี้ ไม่อาจยอมให้ผู้อื่นได้เห็นอารมณ์ของท่าน แม้แต่คุณหนูใหญ่เองก็ไม่ได้”

“ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะชนะซูพ่านเอ๋อร์”กู้จี้เหยาบดกรามแน่น บีบน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นให้ไหลคืนกลับไป

“สมควรมีโอกาสอีกมาก แต่ท่านไม่ริษยาคุณหนูใหญ่แล้วหรือเจ้าคะ?”หลานเอ๋อร์เอียงคอถามไถ่

“นางปฏิบัติดีต่อข้าจริงๆ ข้าไม่อาจตำหนินาง” กู้จี้เหยาส่ายศีรษะน้อยๆ “สิ่งที่ท่านแม่สอนให้ข้าล้วนใช้การไม่ได้ ข้ายังต้องเรียนรู้จากนาง เพื่อใหได้รับการดูแลเอาใจใส่จากท่านอ๋อง”

หลานเอ๋อร์พยักหน้าระรัว ดีร้ายอย่างไรนายของตนก็นับว่าเปิดใจแล้ว แล้วจะกล่าวอย่างไร นางกับกู้อ้าวเวยก็ยังเป็นพี่น้องกัน บิดาสูญเสียซึ่งอำนาจ พวกนางพี่น้องต่างก็พึ่งพิงอยู่ในจวนอ๋อง ไม่ต่อสู้ในรังเดียวกันย่อมเป็นการดี

การเปิดใจของกู้จี้เหยา กู้อ้าวเวยกลับไม่รู้เห็น ตอนที่นางกลับจวน กุ่ยเม่ยนำข่าวมาบอกว่าเจิ้งฉิงคุนได้ไปจัดการเรื่องนี้แล้ว ถ้อยคำที่ฝากให้ซู่เมิ่งก็ได้บอกซู๋โหย่วเว่ยแล้ว ยังบอกอีกว่าเมื่อคืนที่หลิ่วเอ๋อร์พบว่าคนต่างแยกย้ายไปแล้วจึงไม่ได้มา วันนี้ยามบ่ายจะมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

กู้อ้าวเวยรับทราบ เมื่อกลับมาถึงวิหารเฟิ่งหมิงของตน กลับว่างเปล่านานแล้ว

สาวรับใช้ติดตามบอกกับนาง “แม่นางซูโวยวายใคร่พบท่านอ๋อง ท่านอ๋องจึงได้ไปแล้ว และได้ส่งคนไปซื้อของอร่อยที่ร้านอาหารป่ายเว่ยส่งมาให้ท่านด้วยเจ้าค่ะ”

“อืม” กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปด้วยความเฉยเมย

เวลาแบบนี้หากยังไม่ออกโรง ก็ไม่ใช่ซูพ่านเอ๋อร์แล้ว

เพียงแค่เป็นความหดหู่ในใจอย่างหนึ่ง ที่ไม่เคยจะลบออก

นางกับซ่านจินจื๋อทั้งคู่ดูเหมือนจะรู้อยู่แก่ใจว่าสักวันต้องแยกจาก ซ่านจินจื๋อในตอนนั้นตอบกลับตนด้วยความเงียบงัน แต่นางทราบดีว่าระหว่างนางกับซูพ่านเอ๋อร์ ซ่านจินจื๋อสุดท้ายแล้วก็จะเลือกเพียงซูพ่านเอ๋อร์

พลันถอนหายใจเสียงอ่อย นางกลับถึงห้องมองดูที่นอนที่ไม่ได้จัดให้เรียบร้อย เหม่อมองอยู่ชั่วครู่จึงหันกลับมาที่โต๊ะทำงานของตน ยุ่งง่วนขึ้นมาอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน ซ่านจินจื๋อกล่าวพลางร้องสะอื้นถึงแผลเป็นที่เหลือรอยบนต้นขา ในใจกลับรู้สึกสับสนปนเป

เขาไม่สามารถอดกลั้นการพร่ำบ่นร่ำไห้ที่ไม่จบไม่สิ้นของซูพ่านเอ๋อร์อยู่นานแล้ว ในทางกลับกันเขากลับยิ่งพึงพอใจช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับกู้อ้าวเวยเสียมากกว่า

“ได้” ซ่านจินจื๋อขัดจังหวะด้วยใบหน้าบูดบึ้งกับการกล่าวโทษพร่ำบ่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของนาง พลันกล่าวเสียงค่อย “แน่นอนว่าข้าไม่รังเกียจเจ้า”

“แต่ท่านไม่เคยมาเยี่ยมพ่านเอ๋อร์ พ่านเอ๋อร์รู้ว่าในตอนแรกไม่สมควรลงมือกับกู้จี้เหยา แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าข้า.....” ซูพ่านเอ๋อร์ที่กำลังบีบน้ำตาอธิบาย กลับเห็นสีหน้าของซ่านแปลกไปยิ่งกว่าเดิม จึงรีบหยุดเสียงร่ำไห้ พลันจับและมองใบหน้าของเขา “พี่จื๋อ ทำไมท่านดูแปลกไป ใช่ว่าไม่สบายหรือไม่?”

การกระทำนั้นราวกับเป็นเด็กน้อย

ซ่านจินจื๋อวูบไหวเล็กน้อย ในชั่วอึดใจกลับค่อยๆผลักนางออก ใช้แขนประคองไหล่นางแล้วเอ่ยถาม “พ่านเอ๋อร์ เจ้ามีสิ่งใดที่ชื่นชอบ หรือมีเรื่องใดที่อยากจะทำหรือไม่?”

“มีสิ ข้าชอบพี่จื๋อ อยากเคียงข้างท่านไปชั่วชีวิต”ซูพ่านเอ๋อร์ยิ้มตากลมโต ยกไหล่ของซ่านจินจื๋อ และโถมตัวเข้าสู่อ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา “ข้าชั่วชีวิตนี้มีเพียงแค่ท่านเท่านั้นนะพี่จื๋อ”

ยามตระกองกอดหญิงงามในอ้อมแขน ใบหน้าซ่านจินจื๋อกลับเย็นชาดุจน้ำแข็ง

นอกจากความทรงจำเหล่านั้นกับซูพ่านเอ๋อร์ ในความเป็นจริงเขากลับไม่มีความทรงจำหลังจากที่ซูพ่านเอ๋อร์เติบใหญ่อีกเลย

เขาจำสิ่งน่าสนใจยามที่ท่องทะเลสาบกับนางไม่ได้ และก็จำไม่ได้ว่าของขวัญที่ซูพ่านเอ๋อร์ตั้งใจเลือกชื่อนั้นชื่อว่าอะไรบ้าง

แต่เขากลับจดจำดวงตาคู่นั้นของกู้อ้าวเวยได้

ความนิ่งสงบเป็นเกราะกำบังภายนอกในยามปกติ เมื่ออยู่ต่อหน้ากุ่ยเม่ยกับชิงต้ายก้จะขี้เล้นทะเล้นเป็นเด็กน้อย หรือจะเป็นความเด็ดเดี่ยวยามเผชิญกับอันตราย และสิ่งที่ทำให้เขาตัดใจไม่ขาดมากที่สุด ยามที่กู้อ้าวเวยพูดเรื่องใดก็ตาม มุมปากจะเป็นเส้นโค้งอย่างตั้งอกตั้งใจ

พลันดันร่างซูพ่านเอ๋อร์ออกอย่างแผ่วเบา “ข้ายังมีธุระ ต้องขอตัวก่อนแล้ว”

กล่าวจบ เขาพลันสาวเท้ามุ่งสู่วิหารเฟิ่งหมิง ซูพ่านเอ๋อร์กลับนั่งอย่างเหม่อลอยอยู่บนเบาะฟูก ขณะมองดูเงาแผ่นหลังของซ่านจินจื๋อลับไปจากสายตา พลันกัดฟันแน่น

นางเห็นดวงตาซ่านจินจื๋ออย่างแจ่มชัด ทว่าไร้ซึ่งเงาร่างของนางไปนานแล้ว

ขณะที่ซ่านจินจื๋อเข้าสู่วิหารเฟิ่งหมิง กู้อ้าวเวยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโต๊ะป้อนปลาตากแห้งให้เจ้าแมวเหมียวทั้งสอง เจ้าพุทราโก้งโค้งเหยียบอยู่บนไหล่ของนาง ส่วนเจ้าปายเสากำลังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของนาง นางกำลังป้อนอาหารเจ้าแมวทั้งสอง ทั้งยังหัวเราะพึมพำกับตนเอง “พวกเจ้าถูกกุ่ยเม่ยเลี้ยงจนอ้วนพีขนาดนี้ วันพรุ่งก็กินหัวไชเท้าผักกาดขาวแทนแล้วกัน”

เจ้าแมวสองตัวส่งเสียงร้อง มาว มาว ขึ้นมา พุทราย่ำบนศีรษะของนาง กู้อ้าวเวยก็มิได้สนใจ

ขณะกำลังหยอกล้อกับแมว เสียงของซ่านจินจื๋อพลันแว่วขึ้นมาจากด้านหลัง “ไม่นับเป็นอะไรหรอก”

กู้อ้าวเวยสะดุ้ง พุทราเหลือบมองซ่านจินจื๋อแล้วหมอบบนศีรษะของกู้อ้าวเวย ปายเสากระโดดขึ้นมาบนไหล่ของนาง กู้อ้าวเวยกระเถิบอย่างระมัดระวังนั่งพิงกับหน้าต่าง พลันแย้มยิ้ม “ตอนข้านั่งขัดสมาธิ ปายเสาถึงจะยอมมา”

“กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายล่ะ?”ซ่านจินจื๋อโดยปกติจะไม่แตะต้องแมว เจ้าตัวน่ารักๆพวกนี้ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร จึงแค่ชำเลืองมอง เพียงเข้าห้องเดินมาหานาง

“พวกนั้นไปเชิญคณะละครแล้ว ชิงต้ายบอกว่าข้ากระทั่งโรงละครก็ไม่เคยไป ขายหน้าแย่แล้ว พอดีถือโอกาสช่วงพักผ่อนจึงไปเชิญคณะละครมาที่จวน”

ซ่านจินจื๋อพยักหน้า ดึงเก้าอี้ของนางมานั่ง

“ท่านไปไม่เยี่ยมซูพ่านเอ๋อร์แล้ว?” กู้อ้าวเวยจ้องมองเขา

“ไม่ไปแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” ซ่านจินจื๋อโบกมือปฏิเสธ และจ้องมองนาง

กู้อ้าวเวยใบหูแดงซ่าน ลูบปลายจมูกโดยไม่ได้พูดอะไร มีเพียงเจ้าพุทราที่อยู่บนไหล่แยกเขี้ยวใส่ซ่านจินจื๋อ----แย่งเจ้านายข้า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์