บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 331

บทที่ 331 ข้าไม่อนุญาต

วันต่อมา กู้อ้าวเวยตัดสินใจเองโดยไม่ได้ขออนุญาตจากใคร เก็บกระเป๋าทั้งใบเล็กและใบใหญ่ของวิหารเฟิ่งหมิงกับลานที่ไม่รู้ชื่อ ย้ายไปร้านยาเหย้า หัวหน้าพ่อบ้านห้ามไม่ได้ ไปรายงานเรื่องนี้กับซ่านจินจื๋อ

สำหรับเรื่องนี้ ซ่านจินจื๋อไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่า ตามใจเธอ

กู้อ้าวเวยดูไม่มีความคิดถึงที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะนี้ แม้ว่าจะคิดถึงแค่ไหนหรือรักแค่ไหนก็ตาม เธอไม่ยอมอยู่กับซ่านจินจื๋อต่อไปอีกแล้ว แค่อยากจะหากกันไปอย่างเรียบร้อย

แล้วอีกอย่าง ถ้าเธอย้ายไปร้านยาเหย้าแล้ว ก็จะไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับซ่านจินจื๋ออีก ถือว่าเป็นสัญญากับซ่านจินจื๋อแล้วกัน

เดินเข้าไปร้านยาเหย้า กู้อ้าวเวยทำตัวอย่างจริงจัง ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานและพูดกับชิงต้ายว่า

“ข้างล่างยาสมุนไพรนี้ มีกล่องไม้เก่าๆสองกล่อง ไปเอามาให้ข้าหน่อย”

ชิงต้ายพยักหน้า จำได้ว่ามีกล่องไม้ธรรมดาๆอยู่สองกล่อง ครั้งที่แล้ว กล่องไม้นั้นแตกไปกล่องหนึ่ง เธอเอวคิดว่าจะไปซื้อกล่องใหม่ที่คล้ายกันมาเปลี่ยนให้ แต่เห็นกู้อ้าวเวยเอาแท่นไม่ที่สภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มาติดไว้บนกล่องที่แตก และเก็บไว้ที่โน่น ไม่สนใจเลย

เอากล่องสองกล่องนั้นวางบนโต๊ะ กู้อ้าวเวยสังเกตจุดที่ตัวเองเคยซ่อมแซม จึงเปิดกล่อง

ชิงต้ายกำลังสงสัยอยู่ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องนั้น กุ่ยเม่ยเดินเข้าใกล้มองดู “เลือดมังกร ถุงน้ำดีหงส์”

“เสียงเบาหน่อย” กู้อ้าวเวยเตือนเขาด้วยเอานิ้วชี้ต่างฉากกับปาก และชิงต้ายใช้มือปิดปากกุ่ยเม่ยไว้ เธอมองหน้ากู้อ้าวเวยด้วยตาโตมาก เหมือนแสดงความหมายว่า สิ่งของมีค่าขนาดนี้ ท่านเก็บไว้ที่นี่ได้ไง

“สถานที่อันตรายที่สุด ก็คือ สถานที่ปลอดภัยที่สุด” กู้อ้าวเวยเอาถุงน้ำดีหงส์ใส่ในแก้วที่วางอยู่ข้างๆ และใช้น้ำยาที่ดูแปลกๆแช่ไว้ ตัดเอารากของเลือดมังกรนั้น แช่เข้าไปในเหล้ายา จึงเอายาสมุนไพรที่ยังไม่ได้บดใส่เข้าไปในกล่องนั้น ปิดกล่องและเก็บไว้ที่มุมที่ไม่มีใครสนใจ

กุ่ยเม่ยผลักชิงต้ายออกไป พูดว่า “แต่ก่อน ทำไมท่านไม่เอาออกมาครับ ถ้ารักษาซูพ่านเอ๋อหายดี ก็จะไม่มีเรื่องวุ่นวายพวกนั้นเกิดขึ้น”

“ปัญหา มันจะเข้ามาหาเราเอง” กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างไร้ทางเลือก และพูดต่อ “เอารากของเลือดมังกรผสมกับยาสมุนไพร สามารถเป็นยาที่รักษาโรคระบาดได้ ถ้าเอาให้ซ่านจินจื๋อ เขาต้องให้ข้าเอาให้ซูพ่านเอ๋อทั้งหมด”

คุยกันสักพัก กู้อ้าวเวยนวดข้อมือที่ปวดเมื่อยเบาๆ พูดว่า “ที่สำคัญ ยาพวกนี้ เป็นยาดีที่สามารถรักษาคนที่เป็นไข้ป่วยหนักได้หายดี เอาให้ซูพ่านเอ๋อนั้น ไม่คุ้มค่าหรอก”

กุ่ยเม่ยไม่รู้จะพูดอะไรดี

เมื่อพวกเขากำลังยุ่งจัดของในร้านยาเหย้า ชิงต้ายวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และพร้อมถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยยาสมุนไพร ยื่นต่อหน้ากู้อ้าวเวย และพูดว่า “จางเหยียงซานส่งมาค่ะ บอกว่าจะมาเรียนการแพทย์”

กู้อ้าวเวยมองดูยาที่อยู่ในตะกร้า ไม่ใช่ยาที่หายากมีค่าเท่าไหร่

“ให้เขาเข้ามาเถอะ” กู้อ้าวเวยสั่งกุ่ยเม่ยเอาตะกร้าไปเก็บไว้ด้วยสายตา

ชิงต้ายพาจางเหยียงซานเข้ามา เทียบกับแต่ก่อนที่เป็นสภาพเย็นชา โศกเศร้า ตอนนี้ จางเหยียงซานจะดูดีขึ้นตั้งเยอะ ได้กลิ่นหอมจากตัวเขา และเสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นผ้าที่มีคุณภาพดีมาก

ดูท่าทาง เขากับฉีหรัวน่าจะเข้ากันได้ดีอยู่ กลับเพราะเธอเองประมาท ลืมจางเหยียงซานคนคนนี้ไป

ล้างมือให้สะอาด กู้อ้าวเวยยังไม่ทันพูดอะไร แต่จางเหยียงซานคุกเข่าลงต่อหน้ากู้อ้าวเวย ทำให้เธอตกใจและเดินถอยหลังไป รู้สึกแปลกใจ และถามว่า “ คุณทำอะไร ข้าได้ช่วยคุณแก้แค้นแล้วนะ”

แม้ว่าเข่าผู้ช่ายมีค่าดั่งทองคำ แต่จางเหยียงซานคุกเข่าลงและสีหน้าไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ จ้องมองหน้ากู้อ้าวเวย และตอบว่า “แก้แค้นให้พี่สาวได้สำเร็จแล้ว ผมยอมรับ นมัสการท่านในฐานะอาจารย์ ในอนาคต ไม่ว่าท่านสั่งอะไร ผมจางเหยียงซานก็จะทำตามคำสั่งทั้งหมด และเรียนรู้ทุกอย่างที่ท่านสอน”

กู้อ้าวเวยคิ้วขมวด และพูดว่า “การที่ข้าจมตีหู้ปู้เซ่อหลางเป็นเรื่องง่ายๆสบายๆ ตอนนี้ คุณบิดาของข้าก็ถูกประหารชีวิตแล้ว และตัวข้าก็ถูกไล่ออกจากตำหนักอ๋องด้วย ถ้าคุณตามอยู่กับข้า จะไม่มีโอกาสในการทำงานแน่นอน”

“ผมไม่คิดว่าจะไปทำงานแบบนั้นอยู่แล้ว” จางเหยียงซานจ้องมองเธอต่อ และพูดว่า “ผมไม่รู้จะไปทำอะไร มีแต่เทคนิคการแพทย์เฉพาะทางด้านยาพิษนี่ละครับ”

ช่วยพี่สาวแก้แค้นได้สำเร็จแล้ว ตอนนี้ เขาทำงานให้ฉีหรัว จริงๆ ก็ถือว่าใช้ชีวิตอย่างร่มเย็นเป็นสุขแล้ว เหลือแต่ฝีมือที่ผลิตยาพิษนี้ ยังไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร เขาเองย่อมไม่อยากจะไปทำร้ายคนอื่นแน่ จึงมาหากู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยมองหน้าเขา คิดสักพัก จึงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าอยากจะมีคนมาเรียนและเผยแพร่เทคนิคการแพทย์ออกไปพอดี แต่ไม่ต้องเลี้ยงน้ำชาหรอก มาดูอันนี้ให้ข้าก่อน”

จางเหยียงซานตกใจนิดหน่อย รีบเดินเข้าใกล้และมองดู เห็นกู้อ้าวเวยกำลังอ่านหนังสือที่ได้ระบุโรคระบาดที่รักษายากตามบันทึกในแต่ละท้องถิ่น และข้างบนได้เขียนวิธีรักษาโรคไว้ด้วย แต่กู้อ้าวเวยอ่านอย่างตั้งใจ

จางเหยียงซานรู้สึกแปลกใจ “ใบยารักษานี้ ไม่มีปัญหาครับ”

“แต่มียาสมุนไพรสองชนิดที่ในใบยารักษาโรคนี้ ที่ปลูกยาหากจากสถานที่ที่เกิดภัยพิบัติโรงระบาดไกลมาก ถ้าสามารถหายาสมุนไพรที่อยู่ใกล้นี้ได้ ไม่เพียงแต่สามารถประหยัดเงินได้เท่านั้น และยังสามารถช่วยคนรักษาโรคได้อีกมากมาย” กู้อ้าวเวยอ่านและไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าใช้เทคนิคการแพทย์สมัยใหม่ ยังสามารถใช้วิธีที่ใช้พิษต้านพิษถ้วงเวลาไว้ก่อนได้ แล้วค่อยไปเอายามารักษาให้หายดี

จางเหยียงซานเกาหัวด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจ กู้อ้าวเวยช่วยอธิบายไปทีละข้อ

กุ่ยเม่ยกับชิงต้ายกำลังช่วยกันเก็บยาสมุนไพรอยู่ เมื่อถึงตอนเย็น เขาสองคนทานข้าวกันเอง เหลือแต่กู้อ้าวเวยกับจางเหยียงซานคุยกันเรื่องการแพทย์ทั้งคืน

เงาดำที่อยู่บนต้นไม้ที่หากไกลนั้นก็หายตัวไป

กลับไปถึงตำหนักอ๋อง และเล่าเรื่องจางเหยียงซานที่เกิดขึ้นในร้านยาเหย้าอย่างรายละเอียด

ซ่านจินจื๋อคิ้วขมวด “เธอบอกว่าเธอจะช่วยซ่านเซิ่งหาน ตอนนี้ยังมีอารมณ์คุยเรื่องการแพทย์กับคนอื่นอยู่เหรอ”

ซูพ่านเอ๋อไอเบาๆ เห็นถ้วยยาวางไว้ข้างๆ เธอได้ยินแล้ว แค่ยิ้มเฉยๆ พูดว่า “ท่านพี่จื๋อคะ ครึ่งเดือนนี้เป็นต้นมา ท่านพี่ได้ลองใจองค์ชายสามไม่รู้กี่ครั้งแล้ว องค์ชายสามดูไม่ค่อยฉลาดเหมือนแก่ก่อนนะ แสดงให้เห็นว่า กู้อ้าวเวยได้ช่วยองค์ชายสามไปแค่ไหนอย่างชัดเจน”

“พ่านเอ๋อพูดถูก” ฟังซูพ่านเอ๋อพูดแล้ว สีหน้าของซ่านจินจื๋อจึงดูอ่อนโยนขึ้น

ช่วงเวลาที่ยาวนาน ซ่านจินจื๋อลองใจองค์ชายสามอย่างบ่อยมาก แต่ไม่รู้ทำไม องค์ชายสามไม่ได้ตั้งใจปิดบังไว้ เหมือนจะยอมรับเรื่องพวกนี้ และไม่มีการห้ามด้วย

แต่ช่วงเวลาที่ซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยอยู่ได้ด้วยกันนั้น ผ่านไปเหมือนฝัน ซ่านจินจื๋อกลับมาเป็นสภาพเย็นชาเหมือนเดิม เมื่อเห็นหน้าซูพ่านเอ๋อกับกู้จี้เหยา จึงทำให้เขาดีใจขึ้นหน่อย นอกจากต่อสู้กับองค์ชายสามแล้ว เขาลืมกู้อ้าวเวยคนคนนี้จริงๆ

“กู้อ้าวเวยฉลาดหลักแหลมขนาดนั้น ถ้าให้เธอช่วยองค์ชายสามต่อ ก็เหมือนเสือติดปีกจะทำให้องค์ชายสามแข็งแรงขึ้นมากนะ” รวมทั้งกู้จี้เหยาที่กำลังเอาน้ำซุปมาส่งก็ยังพูดแบบนี้

“แล้วคุณจะเอายังไง เธอเป็นญาติพี่น้องของคุณที่อยู่บนโลกนี้คนเดียวเท่านั้นแล้วนะ” ซูพ่านเอ๋อเห็นกู้จี้เหยาแล้วอยากโมโหมาก

ซ่านจินจื๋อมองเธอเป็นตัวแทนกู้อ้าวเวยเฉยๆ

กู้จี้เหยาคิ้วขมวด พูดว่า “ถ้าพี่สาวชอบใช้ชีวิตอย่างอิสนะ ปล่อยเธอจากไปเลยดีไหมคะ”

“ข้าไม่อนุญาต” ซ่านจินจื๋อมองหน้าเธอสองคนอย่างโหดร้าย เธอสองคนเงียบ และไม่กล้าพูดอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์