บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 339

บทที่ 339 อำลาด้วยเหล้ามงคล

“คุณหนูคะ ลมพัดมาแรง ระวังเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”

ตื่นขึ้นมาทันใดนั้น เหมือนยังได้ยินเสียงพูดของชิงต้ายอยู่

ต่อหน้า เป็นเตียงที่อยู่ในห้องนอนของร้านยาเหย้า ภาพดอกไม้พลัมกับภาพดอกไม้ชากุระแขวนที่ผนัง และได้กลิ่นยาอ่อนๆกับกลิ่นหอมเครื่องสำอางนิดหน่อย หน้าต่างเปิดไว้ข้างหนึ่ง ลมพัดเข้ามาเบาๆ

เธอนวดหน้าผากตัวเอง

ที่จริง เป็นฝันร้ายเฉยๆ

แต่เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและเปิดประตูเดินออกไป คนที่นั่งอยู่หน้าประตูไม่ใช่ชิงต้ายที่ชอบใส่ชุดสีฟ้าหรือชุดสีเขียวอ่อนอีกแล้ว แต่เป็นกุ่ยเม่ยที่ใส่ชุดดำ เขาถือดาบยาวและนั่งอยู่หน้าประตู หนวดไม่โกน ขอบตาดำ และดวงตาก็แดงมาก

กู้อ้าวเวยเหมือนจะพูดอะไร แต่ยังไม่ทันพูด น้ำตาไหลลงมาซะแล้ว

กุ่ยเม่ยลุกขึ้น และตบไหล่ของเธอเบาๆ พูดว่า “ท่านนอนหลับทั้งสามวันสามคืน”

“สุดท้าย ผมก็พาชิงต้ายหนีไปไม่ได้ ขอโทษครับ” กุ่ยเม่ยถอนหายใจ กอดเธอติดกับไหล่ตัวเอง และปล่อยเธอร้องไห้

กู้อ้าวเวยก้มหน้า และเอนไหล่ของเขา ถามว่า “คุณเชื่อว่า ชิงต้ายเป็นสายลับไหม”

“ไม่ครับ เธอพูดแบบนั้นเพื่อปกป้องท่านครับ” กุ่ยเม่ยคิ้วขมวด

เขาเคยทำงานให้กับซ่านจินจื๋อ เขาไม่เคยใส่ใจชีวิตของคนใดคนหนึ่ง เพราะซ่านจินจื๋อบอกเขาว่า คนพวกนั้น สมควรตาย แต่ตอนนี้ เขาพึ่งมารู้ครั้งแรก ชีวิตของคนเรามีความสำคัญขนาดนี้

สิ่งที่กู้อ้าวเวยสร้างขึ้นมานั้น สู้กับชีวิตของชิงต้ายไม่ได้

แต่ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้ เพราะกู้อ้าวเวยเป็นคนที่ฉลาดและมีเทคนิคการแพทย์เหนือกว่าคนอื่น กลับทำให้เธอเป็นผู้ต้องสงสัยในการวางยาพิษให้กับซูพ่านเอ๋อ และทำให้ชิงต้ายต้องยอมรับความผิดทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง

สิ่งที่ไร้สาระและตลกที่สุด คือ กู้อ้าวเวยพูดความจริง แต่ซ่านจินจื๋อกลับไม่เชื่อ เขาเชื่อแต่ที่เขาไปตรวจสอบมา

“แล้วอีกอย่าง เธอรู้จักตัวเองเป็นสมาชิกในตระกูลจูมาตั้งนานแล้ว” กุ่ยเม่ยพูดเบาๆ รู้สึกกู้อ้าวเวยขยับตัวเพราะตกใจ กุ่ยเม่ยพูดต่อ แต่เสียงพูดเหมือนจะร้องไห้ ว่า “กลัวว่าท่านจะไม่เชื่อใจเธอ จึงให้ผมปิดบังไว้ ถ้าผมบอกท่านตั้งแต่แรก...”

กู้อ้าวเวยตกใจและยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับสักนิด เงยหน้าขึ้นทันที ยากที่จะเชื่อเรื่องนี้ เห็นสายตาของกุ่ยเม่ยเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความรู้สึกผิด

สักพัก เธอนั่งลงตามกรอบประตู มองดูแสงพระอาทิตย์ที่แจ่มใสในยามฤดูใบไม้ร่วง หัวใจนิ่งเฉยไม่คิดอะไร “เธอน่าจะเตรียมตัวพร้อมรับผิดชอบแทนข้ามาตั้งนานแล้ว เธอฉลาดขนาดนั้น ต้องเดาออกว่า สักวันซ่านจินจื๋อต้องรู้จักความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับโหวเซ่อ ข้าเป็นคนที่ทำร้ายเธอเอง...”

มองดูมือของตัวเอง กู้อ้าวเวยรู้สึกตลกมาก

เธอน่าจะพาชิงต้ายกับกุ่ยเม่ยจากไปตั้งแต่แรก ถ้างั้น ชิงต้ายก็จะไม่เสียชีวิต

กุ่ยเม่ยนั่งยอง เช็ดน้ำตา พูดว่า “คุณหนูฉีฝากคนมาบอกว่า หยินเชี่ยวกับฉีหลินจะแต่งงานกันแล้วอีกไม่กี่วัน”

“พวกเขาพูดว่า ยังไงก็ต้องให้ชิงต้ายได้ดื่มเหล้าในงานแต่ง”

กุ่ยเม่ยพูดด้วยเสียงเบา แต่กู้อ้าวเวยร้องไห้ขึ้นอย่างเสียงดัง กุ่ยเม่ยนั่งลงข้างๆของกู้อ้าวเวย ปล่อยให้กู้อ้าวเวยร้องไห้จนดวงตาแดงและบวมไปหมดทั้งสองข้าง ร้องจนน้ำตาแห้ง เขาจึงจับเอามือของเธอ พูดว่า

“โดนลมพัดมานาน เดี๋ยวจะไม่สบายนะ” เขาพึ่งพูดจบ กู้อ้าวเวยมองหน้าเขาด้วยสายตาอย่างยากที่จะเชื่อ กุ่ยเม่ยนวดตาเบาๆ พูดว่า “หลังจากนี้ ท่านเป็นคุณหนูของผม ผมจะดูแลท่านพร้อมรับหน้าที่แทนชิงต้ายไปด้วยกัน”

กู้อ้าวเวยลุกขึ้นพร้อมกับกุ่ยเม่ย และเกือบร้องไห้อีก

พากู้อ้าวเวยกลับไปนอนบนเตียง กุ่ยเม่ยถือดาบยาวและนั่งลงริมเตียง พูดว่า “เธออยากให้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะครับ”

“ข้ารู้” กู้อ้าวเวยหลับตา “แต่ข้าไม่อยากอยู่นี่ต่อแล้ว เราจากไปเถอะ”

“ได้ครับ ท่านไปที่ใด ผมจะตามไปที่นั่น” กุ่ยเม่ยยิ้มและพยักหน้า เอ็นขาเตียง และพักผ่อนนอนหลับสักที

กู้อ้าวเวยก็ไม่ได้ฝันร้าย เหมือนปกติ ชิงต้ายใช้มืออบอุ่นตบไหล่เธอเบาๆเพื่อปลอบใจเธอให้สบายใจขึ้น

เธอไม่ปล่อยให้ซูพ่านเอ๋อผ่านไปง่ายๆแน่

ผ่านไปสองสามวัน ซ่านจินจื๋อนึกว่ากู้อ้าวเวยจะเศร้าใจเพราะเรื่องนั้นต่อไป หรือจะพาชิงต้ายที่เป็นมนุษย์สุกรในคุกใต้ดินจากไป แต่กู้อ้าวเวยกลับให้กุ่ยเม่ยไปช่วยเตรียมงานแต่งของหยินเชี่ยวกับฉีหลิน เธอเองเอากับข้าวและไปที่คุกใต้ดินทุกวัน

อยู่ในคุกใต้ดิน ไม่มีใครสนใจชิงต้ายทั้งนั้น

มีแต่กู้อ้าวเวย ไปคุยกับเธอทุกวัน เล่าเรื่องสนุกๆให้เธอฟัง และยังตรวจชีพจรให้เธอด้วย รักษาสุขภาพร่างกายให้เธอ เอาของกินอร่อยๆให้เธอกิน

แม่ว่าเธอพูดไม่ได้ แต่เหลือหูกับจมูกยังไม่ตัดออกเพราะกู้อ้าวเวย

วันต่อวัน กู้อ้าวเวยไม่มองหน้าของซ่านจินจื๋อกับซูพ่านเอ๋อเลยสักนิด ทุกวัน ถ้ามาถึงตำหนักอ๋องแล้ว เธอเดินตรงไปยังคุกใต้ดิน เมื่อกลับไปก็ไม่แวะที่ไหน เกือบวิ่งออกไปด้วยซ้ำ

จนถึงเทศกาลตังโจ่ย(เทศกาลฤดูหนาว) เป็นวันจัดงานแต่งของหยินเชี่ยวกับฉีหลิน คึกคักมาก

มีแต่กู้อ้าวเวย พอร่วมงานแต่งเสร็จแล้ว ก็ถือเหล้าขวดหนึ่งมาที่คุกใต้ดิน นั่งลงข้างหน้าชิงต้าย

“วันนี้ หยินเชี่ยวกับฉีหลินแต่งงานกันแล้ว”

เสียดายที่คุณไม่ได้เห็นกับตา เขาสองคนมีความสุขมาก”

“ปกติ พุทรากับปายเสาจะกลัวคนข้างนอกใช่ไหม แต่วันนี้ เกือบไปคว้าหน้าของเจ้าบ่าว ดุเหลือเกิน”

เล่าเรื่องตั้งหลายเรื่อง สีหน้าของชิงต้ายจึงดูอ่อนโยนลง

กู้อ้าวเวยหัวเราะ แต่เห็นเธอแอบเช็ดน้ำตาอยู่ ป้อนเหล้าให้ชิงต้ายดื่มนิดหน่อย และเล่าต่อ “พวกเขาบอกว่า ถ้าวันหลังได้ลูกสาว จะตั้งชื่อเหมือนคุณ ไม่รู้ว่า คุณจะถือสาไหม”

ชิงต้ายเหมือนได้ยินจริงๆ พยายามจะออกเสียง

กู้อ้าวเวยเกือบทนไม่ไหวและร้องไห้ขึ้นมา เล่าเรื่องราวในงานแต่งต่อ

เล่าจนถึงตอนเช้าในวันต่อไป กู้อ้าวเวยจึงไปจากคุกใต้ดิน

หลังจากวันฤดูหนาวไปสามวัน ชิงต้ายเสียชีวิตที่คุกใต้ดิน กู้อ้าวเวยในฐานะเป็นพระชายาจิ้ง เอาศพของชิงต้ายไปเผา และเอาโกศของเธอกลับมา ค้นหาเจอสุสานของคนที่ชิงต้ายชอบ แล้วจึงฝังโกศของเธอไว้ที่นั่น

องค์ชายสี่ไม่ออกจากบ้านทุกวัน จนถึงวันนี้ ทุกคนมารวมกันที่ตำหนักอ๋อง แต่องค์ชายสี่ไม่ปรากฎตัวเหมือนเดิม มีแต่ลี่วานคนเดียวมาแทนองค์ชายสี่

กู้อ้าวเวยเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามานั่ง ไม่มองหน้าใครสักคน

“กู้อ้าวเวย ชิงต้ายหักหลังคุณแล้ว คุณยังทำดีกับเธอขนาดนั้นเหรอ” ซูพ่านเอ๋อยิ้มและพูดอย่างเยาะเย้ย

กู้อ้าวเวยลุกขึ้นมา สวิงแขนเสื้อ ผงยาสีขาวปลิวลงใส่อาหารที่วางบนโต๊ะ มองหน้าของซูพ่านเอ๋อด้วยสายตาที่มีจิตสังหาร พูดว่า “คิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าคุณจริงๆเหรอ”

ลี่วานเอาเข็มเงินตรวจยาพิษ เข็มกลายเป็นสีม่วง “คุณวางยาพิษจริงอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์