บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 346

บทที่ 346 โทษของตระกูลหยุน

หิมะปลิวล่องลอย ภายในตำหนักอ๋องจิ้งมีเงาคนมากมาย

แม่นมที่ฉีหรัวส่งมาเป็นหญิงกลางคนอายุราวสี่สิบเกือบห้าสิบปี กู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ยต่างเรียกนางว่าท่านน้า ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้เด็กจะป่วยง่าย ก็เลยให้อำนาจนางในการดูแลเต็มที่ เรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มสั่งการคนรับใช้ไปได้โดยตรงเลย

แต่ข่าวคราวที่ตระกูลหยุนทรยศขายชาติกลับถูกสองคนนี้ยับยั้งเอาไว้ได้

กู้อ้าวเวยหิ้วตะกร้าอาหารด้วยตัวเองแล้วค่อยๆ เดินไปทางวิหารเฟิ่งหมิงอย่างช้าๆ คลุมผ้าคลุมแนบชิดตัว ด้านหลังมีสาวใช้ในบ้านกลุ่มหนึ่งจะเข้ามาแย่งนางถือ แต่นางเคยชินเสียแล้ว ไม่ยอมให้ใครแตะต้องอาหารการกินของวิหารเฟิ่งหมิงเด็ดขาด ก็เดินกลับไปอย่างเคร่งขรึม

แค่ที่หน้าประตูทางเข้าของวิหารเฟิ่งหมิง ซูพ่านเอ๋อยืนถือเตาอังมือเล็กๆ และขนสุนัขจิ้งจอกสีเงินบนบ่า สาวใช้กางร่มให้นาง มองไปทางกู้อ้าวเวยอย่างท่าทีที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม

“หากไม่ต้องการบางสิ่งก็คงไม่เดินทางมาหา” กู้อ้าวเวยเดินมาถึงใต้หลังคา ผลักประตูแล้วก็จะเดินเข้าไปด้านใน

“เจ้าไม่อยากรู้สถานการณ์ของตระกูลหยุนหรือ” ซูพ่านเอ๋อเปิดปากอย่างเรียบเฉย หันตัวไปมองนาง” แค่เจ้าตามข้ามา ข้าก็สามารถพาเจ้าออกจากตำหนักได้ รู้ข่าวคราว”

” งั้นเจ้าก็เป็นพวกมีเส้นสายโยงใยอยู่ทั่วเสียจริงๆ” กู้อ้าวเวยหัวเราะด้วยเสียงราบเรียบหนึ่งเสียง บนใบหน้ายังมีท่าทีลังเลอยู่

ที่จริงแล้วน้าจางบอกเรื่องราวต่างๆ แก่นางไม่น้อย แต่นางก็ติดต่อน้าจางให้ไปหาองค์ชายสามเพื่อขอความช่วยเหลือนานแล้ว เพียงแค่คนของซ่านจินจื๋อจับตาดูอย่างเข้มงวดเท่านั้น นางก็ไม่กล้าจะให้น้าจางออกไปสืบข้าวได้

บัดนี้ได้รู้ข่าวคราวแค่ครึ่งเดียว นางก็เป็นกังวลเสียจริงเชียว

“ออกไปกับข้า ไม่มีใครตำหนิเจ้าได้” ซูพ่านเอ๋อหันตัวกลับมา ค่อยๆ เกี่ยวมือของนาง “ไปเถอะ”

กู้อ้าวเวยคิดไปมา ในเมื่อซูพ่านเอ๋อทำเช่นนี้ ตระกูลหยุนต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเป็นแน่ ซูพ่านเอ๋อมั่นใจว่าตนเองจะรอดจากการถูกตรวจสอบจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้แน่นอน อีกทั้งยังคิดว่าตัวเองสามารถออกจากตำหนักอ๋องไปได้เพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน

เอากล่องอาหารที่อยู่ในมือส่งมอบให้แก่มือของกุ่ยเม่ย นางก็ก้าวตามซูพ่านเอ๋อไปติดๆ อย่างต่อเนื่อง

ด้านข้างยังมีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามากางร่มให้นาง สองคนเดินออกไปด้วยกัน กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นอย่างเหม่อๆ กลับได้สัมผัสเพียงแค่น้ำฝนอยู่ในมือ สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างค่อยๆ ยิ้ม “รอถึงพรุ่งนี้ก็จะได้สัมผัสถึงหิมะแล้ว เกรงว่าหิมะนี้จะตกประมาณครึ่งเดือนได้”

กู้อ้าวเวยจึงดึงมือกลับ ดึงเสื้อคลุมมาปิดไหล่เอาไว้ให้แนบชิด

ซูพ่านเอ๋อมองนางด้วยความประหลาดใจ “ดูเจ้าจะไม่ตื่นเต้นแม้แต่นิดเลย”

“แม้ว่าจะเป็นข่าวร้าย ก็ต้องรอให้ข้าได้ยินก่อนแล้วค่อยตื่นเต้นกังวลแหละ” กู้อ้าวเวยเงยหน้ากลับมามองนางด้วยรอยยิ้ม สัมผัสร่มกระดาษเบาๆ สลัดชิ้นส่วนของคริสทัลหลุดออกมา

ซูพ่านเอ๋อกลับมองไปที่นางด้วยท่าทางกัดกรามอย่างจริงจัง คิดในใจว่าอีกเดี๋ยวดูสิว่าเจ้าจะยังอวดดีเช่นนี้อยู่หรือเปล่า

แต่บัดนี้ ซูพ่านเอ๋อกลับพานางมาที่ม่านบังตาในสถานที่อันหรูหราห้องหนึ่ง และทำท่าทางให้นางเงียบๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ด้านนอกฉากบังตาก็มีหญิงสาวไม่น้อยออกมา ราวกับว่าพวกนางได้รับข่าวคราวจากซูพ่านเอ๋อแล้วจึงมา เพียงแค่ยังไม่เจอซูพ่านเอ๋อ ดังนั้นจึงเกิดการถกเถียงกันขึ้นมา

แต่พอนั่งลง หญิงสาวทุกคนก็คุยจ้อกันสักพัก หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไปที่หัวข้อหลัก

“จะว่าไป ตระกูลหยุนนี้ก็แปลกจริง ที่แคว้นชางหลานก็รับรองพวกเขาดีอยู่แล้ว ทำไมจึงยังไปร่วมมือกับแคว้นเจียงเยี่ยนอีกกันนะ”

“นี่ไม่ใช่ว่าลูกหลานตระกูลหยุนจะไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้แล้ว”

“ได้ยินมาว่าตระกูลหยุนแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นผู้หญิงที่เป็นผู้สืบทอดตระกูล มิน่าถึงเทียบไม่ได้กับตระกูลอื่นๆ”

คนหลายคน คนโน้นพูดคำ คนนี้พูดคำ กู้อ้าวเวยเห็นถึงความจริงเบื้องหลังฉากกั้นห้องนี้ ยื่นมือออกไปหยิบขนมเปี๊ยะพุทรามากินด้วยตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์