บทที่ 357 บังเอิญพบ ณ อารามไป๋หม่า
“ฮ่องเต้ค้นบ้านยึดทรัพย์มีคนมาจำนวนมาก แต่อีกฝ่ายกลับงัดพลิกข้าวของแบบลวกๆ ตอนที่หยุนฝูกลับมาพูดถึงเรื่องนี้ องค์ชายสามสงสัยว่าคนที่มีอำนาจในราชสำนักเป็นคนทำ ถึงสามารถทำได้อย่างไม่มีช่องโหว่ให้น้ำหยดเลยแบบนี้” แม่หม้ายจู้เอ่ย
คราวนี้กู้อ้าวเวยถึงได้ตอบสนองกลับมา ฮ่องเต้ค้นบ้านยึดทรัพย์จะต้องล้อมรอบสถานที่แห่งนั้นไว้สามชั้นทั้งนอกในอย่างแน่นอน เนื่องจากหลิ่งหนานตระกูลหยุนอยู่ห่างไกลซ้ำยังครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะนำข้าวของทั้งหมดกลับมาเทียนเหยียน ถึงได้เลือกจะส่งทหารไปรักษาการณ์แทน
หากต้องการตัดผ่านพลทหารเหล่านี้เพื่อให้ได้รับใบสั่งยาด้านใน แล้วยังไม่ถูกคนสังเกตเห็น ย่อมต้องแปลกประหลาดอย่างแน่นอน
“ข้าจะพยายามจับข้อสังเกตสักหน่อย” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ในใจกลับมีความคิดหนึ่งอยู่แล้ว
ตอนที่กู้เฉิงสู่ขอท่านแม่ในคราแรกก็บอกว่าเพราะความรัก แต่ปัจจุบันแม้แต่ลูกสาวอย่างนางผู้นี้ยังโยนเข้าหลุมเพลิงโดยไม่ไยดี นับว่าก็ไม่ได้รักหยุนหว่านจริงๆ ใคร่ครวญโดยถี่ถ้วนแล้ว บางทีปีนั้นกู้เฉิงอาจจะทำเพื่อสถานะของตระกูลหยุนและสูตรลับตระกูลหยุนถึงได้สู่ขอหยุนหว่านก็เป็นได้
ตอนนั้นกระทั่งยังให้หยุนชิงหยางสร้างอาคารหนึ่งแห่งภายในจวน เห็นชัดว่าให้ความสำคัญยิ่งนัก
“มีเงื่อนงำแล้วหรือ” แม่หม้ายจู้ดวงตาสว่างวับขึ้นมา
“ยังพูดตอนนี้ไม่ได้ เรื่องดังกล่าวต้องหารือกันอีกยาว” กู้อ้าวเวยรีบส่ายหน้า บนโลกใบนี้กลัวก็แต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่ากู้เฉิงยังไม่ตาย แล้วไหนจะความสัมพันธ์ของกู้เฉิงและกู่เซิงคนนี้อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซ่านจินจื๋อไม่ได้กะเทาะการเสแสร้งของกู่เซิง ก็ไม่รู้ว่าวางอุบายอะไรอยู่
แม่หม้ายจู้ย่อมเชื่อมั่นกู้อ้าวเวยอยู่แล้ว ทำเพียงพยักหน้าและจากไป บอกว่าจะไปพึ่งใบบุญขอพักอาศัยที่โรงเตี้ยมปาฟางของหยินเชี่ยวก่อนชั่วคราว ผ่านไปสักพักรอจนฮ่องเต้ลอบบัญชาอย่างลับๆ จึงจะสามารถออกจากเทียนเหยียนได้โดยสมบูรณ์ คนอื่นๆ ก็ปล่อยตัวหมดแล้ว และพักในเรือนเล็กๆ ในเมือง
กู้อ้าวเวยรีบส่งตั๋วเงินเข้าไปให้ “มีเด็กจำนวนมากขนาดนั้น อย่าได้แออัดกันเชียว”
แม่หม้ายจู้รับตั๋วเงินนั้นมาอย่างสง่าผ่าเผย พลางพยักหน้าติดๆ “หากว่าไปไม่ได้ในเร็ววัน ข้าก็จะหาอาจารย์สักคนมาสอนหนังสือ จะไม่ให้พวกเขาต้องทนลำบากแน่”
ส่งแม่หม้ายจู้ด้วยสายตา คราวนี้กู้อ้าวเวยก็วางใจกับเรื่องของตระกูลหยุนแล้ว
……
สามวันให้หลัง รถม้าสามคันของตำหนักอ๋องจิ้งควบปุเลงๆ มุ่งหน้าเดินทางไปยังอารามไป๋หม่า
ไปเพื่อจุดธูปหอมสวดภาวนาให้แก่ประชาชนที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติก่อนหน้านี้ และยิ่งไปสวดอ้อนวอนต่อพระโพธิสัตว์ว่าอย่าให้อุทกภัยปีนี้มีสถานการณ์รุนแรงเลย ซึ่งนับว่าเป็นการทำเรื่องดีๆ ให้แก่ตำหนักอ๋องจิ้ง รีบรุดไปในห้าหกวัน อืดอาดครึ่งค่อนเดือนจะต้องพำนักที่อารามไป๋หม่า ไม่เช่นนั้นคงต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ทั้งสามคนอยู่บนรถม้าคนละคัน ต่างฝ่ายต่างไม่ล้ำเส้น มีเพียงกู้อ้าวเวยที่อุ้มชิงจือเกาะอยู่ริมหน้าต่าง มองไปยังทิวทัศน์ของภูมิทัศน์แห่งนี้ ดวงตาของชิงจือเปล่งประกายสดใส คว้าปลายนิ้วของกุ่ยเม่ยเอาไว้ “บิน!”
ชิงจือเป็นถึงลูกหลานของป่ายเหลากุ่ยในยุทธภพ สำหรับวิทยายุทธ์แล้วคงไม่ได้ฮึกเหิมแบบธรรมดา
กู้อ้าวเวยยัดชิงจือเข้าไปในอ้อมอกของกุ่ยเม่ย พลางผลักเขา “วิชาตัวเบาก็ดี ขี่ม้าก็ดี หยินเอ่อไม่ได้สาวกีบวิ่งมาตั้งนานแล้ว”
หยินเอ๋อที่อยู่นอกรถม้าพ่นเสียงรอดรูจมูกหนึ่งที กุ่ยเม่ยทำได้เพียงอุ้มชิงจือออกไปเที่ยวเตร่ กระเตงขึ้นกระโดดลงไปมา
ตลอดการเดินทางมีกู้อ้าวเวยตัวก่อเรื่องทั้งคน ท่านป้าจางกับกุ่ยเม่ยต่างไม่ได้พากันว่างงานเลย แม้แต่คนขับรถม้าที่ติดสอยมาด้วยก็ถอนหายใจติดๆ กัน แทบจะทอดถอนลมหายใจชั่วชีวิตออกมาจนหมดเกลี้ยงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...