บทที่ 356 ผิดที่ครอบครองหยก
เรื่องที่ตระกูลหยุนร่วมมือกับศัตรูกบฏประเทศมีจุดหักเห และเกิดเป็นการตกอกตกใจกันทั่วทั้งประเทศ
ถึงแม้ฮ่องเต้จะอภัยโทษให้คนของตระกูลหยุนเป็นการชั่วคราวแล้ว แต่อีกด้านกลับส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเสาะหาคนที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้นี้อีกครั้ง แม้กระทั่งองค์ชายอายุยังน้อยหลายพระองค์ก็ได้เริ่มค้นหาด้วยเช่นกัน
ส่วนหลายวันนี้ เมิ่งซู่ดำรงตำแหน่งหู้ปู้เซ่อหลางชั่วคราว และกู่เซิงก็ได้นั่งบนตำแหน่งเฉิงเสี้ยงอย่างสมมาพาควรด้วยเช่นกัน ธรณีประตูในจวนของเด็กหนุ่มผู้โดดเด่นสองคนนี้แทบจะถูกเหยียบจนพัง แต่ทั้งสองต่างแสดงความอ่อนน้อมออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ยิ่งได้ใจประชาชนจำนวนไม่น้อยเข้าไปใหญ่
และสถานการณ์ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อันเนื่องมาจากการล่มสลายขององค์ชายหลายพระองค์กับการร่วงจากตำแหน่งของขุนนางราชสำนักซ่านจินจื๋อก็เริ่มยุ่งง่วนขะมักเขม้นกับเรื่องเหล่านี้ โดยมีซูพ่านเอ๋อคอยเคียงข้างทุกคืนวัน แต่ในใจของซ่านจินจื๋อกลับยิ่งรู้สึกละอายต่อกู้อ้าวเวยมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ ซูพ่านเอ๋อเห็นซ่านจินจื๋อส่งคนไปมอบข้าวของให้ทางวิหารเฟิ่งหมิงอีกแล้ว จึงเอ่ยเสียงเบา “ท่านพี่จื๋อ ถ้าหากกู้อ้าวเวยรู้เข้าว่าเป็นท่านที่ก่อภัยให้ตระกูลหยุน...”
“เวลานี้ไม่เหมาะจะเปิดเผย” ซ่านจินจื๋อโอบนางเข้าสู่อ้อมอก ก่อนกล่าวต่อไป “อีกอย่างข้าติดหนี้นางมากเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ควรจะชดเชยให้เป็นอย่างดี”
“แต่ว่าท่านพี่จื๋อ นางไม่ได้แยแสท่านเลยแม้แต่น้อย วันๆ เอาแต่ก่อปัญหาในเมืองเทียนเหยียนนี้อยู่เลยนะ” ซูพ่านเอ๋อตำหนิหนึ่งที ตบเบาๆ เข้าที่ทรวงอกของซ่านจินจื๋อ “ได้ยินว่าหลายวันก่อนนางเหมาเรือสำราญท่องทะเลสาบ ตอนที่ลงเรือได้ยินคนกลุ่มหนึ่งนางไม่รู้จักรอบคอบรัดกุมเอาแต่ออกมาข้างนอกอยู่ได้ นางตรงเข้าไปกำนัลเงินให้ผู้คน ซ้ำยังบอกว่าพวกเขาพูดได้ดี คนในเทียนเหยียนต่างบอกว่านางแปลกพิลึกยิ่งนัก”
ซ่านจินจื๋อก็แปลกใจแต่ยังคงปั้นหน้านิ่งกับเรื่องดังกล่าว คนที่ติดตามกู้อ้าวเวยกับข่าวสารที่ส่งมาในแต่ละวันล้วนแปลกพิสดาร ตัวอย่างเช่นนางแย่งชามของขอทาน พาคนไปยังโรงหมอและตรวจวินิจฉัยโรคให้ผู้อื่นซ้ำยังควักเงินให้เขาอีก นางยังไปดื่มจนเมามายที่ร้านเหล้าของหวางโม่กับเจิ้งฉิงคุน ทำลายเครื่องวาดเขียนอันล้ำค่าของหวางโม่จนถูกคนหามออกมา
เรื่องราวพิลึกพิลั่นอะไรต่างๆ คล้ายกับว่านางจะทำลงไปแล้วเกือบหมด
มื้อเที่ยงวันนี้ หลายคนมาร่วมโต๊ะกันได้อย่างไม่ง่ายดายนัก กู้อ้าวเวยจำต้องเกร็งศีรษะนั่งลงไป กู้จี้เหยาที่อยู่ข้างกายเอ่ยเสนอ “ทุกครั้งยามถึงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ชางหลานมักจะเกิดอุทกภัยอย่างหนัก หลายวันมานี้มีสตรีบรรดาศักดิ์ไม่น้อยไปสวดภาวนาที่อารามไป๋หม่า ไม่สู้พวกเราก็ไปสวดภาวนากันสักตั้งดีหว่า อย่างไรเสียก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับตำหนักอ๋องจิ้งด้วย”
ถ้อยวาจานี้ของกู้จี้เหยากล่าวได้อย่างเหมาะควร และทำให้ซ่านจินจื๋อต้องมองนางใหม่ ยามปกติตอนที่มีซูพ่านเอ๋ออยู่ก็ไม่ใคร่สนใจสิ่งเหล่านี้ กู้อ้าวเวยก็ไม่ยี่หระกับเรื่องจุดธูปบูชาพระรัตนตรัยด้วยเช่นกัน
“อาหารเจที่อารามไป๋หม่าไม่เลวเลย ไปสักหน่อยก็ไม่เสียหาย” กู้อ้าวเวยแย้มยิ้ม
ในใจซูพ่านเอ๋อไม่ยินดีไปสถานที่แห่งนั้น แต่เห็นว่าซ่านจินจื๋อคล้ายจะชื่นชอบข้อเสนอนี้ จึงเอ่ยเสียงแผ่ว “ถูกต้อง สวดภาวนาขอพรเพื่อเหล่าประชาชนผู้ประสบภัยก็เป็นเรื่องสมควร”
เห็นว่าไม่กี่คนพูดกันไปมาก็ลงความเห็นมาดมั่น ซ่านจินจื๋อจึงส่งคนไปคอยคุ้มกันตลอดทาง
ส่วนในเวลานี้ สายตาของกู้อ้าวเวยกลับโปรยตกไปที่เบื้องหน้าของซ่านจินจื๋อ “ท่านอ๋อง ฤดูใบไม้ผลิปีกลายก็ไม่ได้เห็นท่านจัดการเรื่องอุทกภัย ปีหน้าเรื่องราวเปลี่ยนแปลง ขุนนางราชสำนักยุ่งง่วน ท่านควรจะไปใช่หรือไม่”
“อืม” ซ่านจินจื๋อมองนาง “เจ้ามีความคิดเห็นอะไรอีกหรือ”
“เพียงแต่อยากเตือนเพิ่มหนึ่งประโยค การควบคุมอุทกภัยไม่ใช่เรื่องง่าย” กล่าวประโยคนี้จบ กลับมีเพียงกุ่ยเม่ยที่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่เข้าใจ
ประโยคนี้ ก็เป็นคำแนะนำอันภักดีที่กู้อ้าวเวยบอกกับองค์ชายสาม เหตุใดถึงได้มาบอกซ่านจินจื๋อด้วยเล่า
“เข้าใจแล้ว” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า และคีบหมูตุ๋นใส่ลงในชามของกู้อ้าวเวย “เจ้าผอมขนาดนี้ ต้องบำรุงดีๆ หน่อย”
กู้จี้เหยากับซูพ่านเอ๋อจดจ้องที่นาง กู้อ้าวเวยเอาหมูตุ๋นเอาไปในปาก ค้ำใบหน้าพลางยิ้ม “ข้าอยู่ตำหนักอ๋องก็ผอมขึ้นทุกที แต่ยังดีที่มีท่านอ๋องคอยดูแล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...