บทที่ 355 ดีขึ้นมาหน่อย
จะว่าไปแล้วก็เป็นเจตนาสวรรค์ แม่หม้ายจู้เดิมทีอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับฝูงชน วันหน้าพอทำกิจการไปได้ดีจึงค่อยย้ายสถานที่ ตอนนี้กลับกลายเป็นหลักฐานหนักแน่นพอจะขจัดความอยุติธรรมไปได้ ส่วนหยุนฝูตอนนั้นที่เกิดเรื่องเดิมนึกอยากหลบหนี ปัจจุบันได้รับผิดต่อพระพักตร์ฮ่องเต้แล้ว ซ้ำยังนำลายมือของหยุนชิงหยางมาโดยเฉพาะ แสดงว่าจดหมายของแคว้นเจียงเยี่ยนฉบับนั้นแปดถึงเก้าในสิบส่วนเป็นเท็จ
เพียงแต่แหล่งกบดานในปัจจุบันของหยุนชิงหยางยังไม่แน่ชัด ส่วนแคว้นเจียงเยี่ยนก่ออาชญากรรมหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้ยังเกิดเรื่องร่วมมือศัตรูกบฏประเทศแบบนี้ขึ้นมาอีก ฮ่องเต้ทรงรอบคอบอยู่บ้าง ถึงได้ให้ซ่านเซิ่งหานสอบสวนเรื่องนี้ต่อไปอย่างชัดเจน แม้ว่าตระกูลหยุนจะถูกใส่ความตกเป็นแพะรับบาป นั่นก็แสดงว่ายังมีคนลอบติดต่อกับแคว้นเจียงเยี่ยนในที่ลับอยู่แน่ ถึงได้มาสาดน้ำสกปรกใส่ตระกูลหยุน
ซ่านจินจื๋อรับฟังอย่างเงียบเชียบ ในใจสงบราบเรียบ
ในเมื่อตอนนี้เขาได้รับสิ่งที่ตนต้องการแล้ว ย่อมไม่อาจขัดขวางให้กู้อ้าวเวยชำระความอยุติธรรมให้กับตระกูลหยุนแน่
หัวใจทั้งดวงของกู้อ้าวเวยก็ค่อยๆ โรยตกกลับมาที่หน้าท้อง กระตุกแขนเสื้อของกุ่ยเม่ยอย่างดีอกดีใจ “ข้าบอกแล้วไงว่าเรื่องราวยังมีจุดพลิกผัน”
กุ่ยเม่ยรีบตะครุบมือของนางปัดออกไป หน้าดำคร่ำเครียด “ท่านอ๋องและองค์ชายสามยังอยู่ด้วยนะ”
ถูกกุ่ยเม่ยชิงชังหลายครั้งจนเรียนรู้จะคุ้นชินกับมันตั้งนานแล้ว กู้อ้าวเวยทำเพียงหัวเราะแบบเด็กๆ ก่อนคล้องแขนกับเขา “ไปพาชิงจือมา คืนนี้ข้าจะเหมาพลุดอกไม้ไฟ รอประเดี๋ยวค่อยไปทานอาหารสักมื้อที่ร้านอาหารเสียนฝู”
กุ่ยเม่ยมองซ่านจินจื๋อกับซ่านเซิ่งหานแวบหนึ่งอย่างพิพักพิพ่วน ก่อนรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากบัญชาสิ่งเหล่านี้แล้ว กู้อ้าวเวยหยัดตัวขึ้น ปัดเศษฝุ่นบนลำแขนของตนออกเบาๆ และยิ้มให้กับซ่านเซิ่งหาน “รบกวนองค์ชายสามให้ความช่วยเหลือมากๆ หน่อยแล้ว แต่หากข้าขอบคุณท่านด้วยตัวเอง ท่านอ๋องคงจะหั่นข้าเป็นชิ้นๆ ท่านจงหันไปร้องหาการเชิดชูจากเขาดีกว่า”
กล่าวจบ นางทำเพียงเชิดปลายคางใส่ซูพ่านเอ๋ออย่างได้ใจ ครู่ต่อมาก็เผ่นไปไม่เหลือเงาแล้ว
ซ่านเซิ่งหานกลับรู้สึกว่ากู้อ้าวเวยผู้ที่ทำให้คนมองไม่ออกเช่นนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก เขายกมุมปากยิ้มบางๆ สีหน้าของซ่านจินจื๋อกลับอึมครึมเข้าไปใหญ่ ฝืนกลั้นความโกรธพลางมองไปทางซ่านเซิ่งหาน “คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายสามจะกระตือรือร้นเพียงนี้ แม้แต่เผือกเผาลวกมือก็ยังสามารถรับไว้ได้”
“เสด็จอาก็ช่างสัพยอก พระชายาจิ้งน่าสนใจขนาดนี้ ต่อให้เป็นเหลี่ยมภูเขาทะเลเพลิงข้าเองก็ยินดีที่จะลงไป” ซ่านเซิ่งหานหันหน้ากลับมา ในดวงตากลับเป็นแววน้ำค้างแข็ง สภาพอารมณ์ของทั้งสองเหมือนกับจะพอฟัดพอเหวี่ยงกันได้เลยทีเดียว
สี่ดวงตาสบประสาน ซ่านจินจื๋อไม่เคยเห็นซ่านเซิ่งหานเหิมเกริมเยี่ยงนี้มาก่อน แต่อีกแง่ ในใจของเขาย่อมต้องเริ่มกังวลขึ้นมาบ้างเป็นธรรมดา ดวงตาค่อยๆ หรี่ลง “พูดมาเช่นนี้ เจ้าชอบเวยเอ๋อสินะ?”
“หากไม่มีเสด็จอาอยู่ก่อนหน้า บางทีข้าอาจจะลงมือแล้วก็ไม่แน่เหมือนกันนะ” ซ่านเซิ่งหานกล่าวจบ น้ำค้างแข็งบนใบหน้าพลันมลายหายไปจนสิ้น เขากลับมาเป็นองค์ชายสามผู้ทรงสง่าอ่อนโยนอีกครั้ง “ผู้โอบอ้อมอารี ย่อมดีเสมอนั่นแหละ หากเสด็จอาอยู่ท่ามกลางความสุขแล้วยังไม่รู้จักสุข ไม่สู้ประสานมือคารวะเอาสุขนั้นให้ผู้คนจะดีกว่า...”
“ตอนนี้นางบ้าบอคลุ้มคลั่ง ส่วนไหนที่ว่าดี?” ซูพ่านเอ๋อกำที่เท้าแขนแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย
ซ่านเซิ่งหานส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แทบไม่เห็นซูพ่านเอ๋อผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนนี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด แม้แต่เยว่ที่อยู่ข้างกายก็ยังอุดปากหัวเราะเบาๆขึ้นมา รูม่านตาสว่างพราวคู่นั้นมองไปทางซูพ่านเอ๋อ และเจือแววดูแคลนอยู่หลายขนัด “บางคนหลังจากผ่านประสบการณ์มากมายเกินไปก็อาจจะซึมเศร้าได้ แต่กับบางคนหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย กลับมองทะลุแล้ว นี่ก็คือสุขนั่นเอง”
กล่าวจบ ซ่านเซิ่งหานก็พาเยว่ทำความเคารพก่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่จื๋อ คำพูดนี้ของพวกเขาหมายความอย่างไร” ซูพ่านเอ๋อไม่เข้าใจ ลอบตะครุบท่อนแขนของซ่านจินจื๋อเงียบๆ
ซ่านจินจื๋อไม่เปล่งวาจา รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว
ซ่านเซิ่งหานอยากบอกนางว่า กู้อ้าวเวยเป็นสมบัติที่หายาก นางไม่อาจซึมเศร้าถูกคนบดขยี้ได้ ในทางกลับกันยิ่งมองยิ่งทะลุ และมองไกลกว่าพวกเขาคนใดๆ เสียอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...