สรุปเนื้อหา ตอนที่ 361 คิดวางแผน – บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่
บท ตอนที่ 361 คิดวางแผน ของ บุบผาร้อยเสน่ห์ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 361 คิดวางแผน
ฝนตกหนักไม่หยุด ในเมื่อเยว่นำคำไปเปิดเผยต่อนางแต่เนิ่นๆ วันหน้าก็จะได้ไม่ก่อเรื่องขึ้น
วันนี้ฝนตกหนัก ในวัดมีผู้ลี้ภัยเข้ามามากมาย เสียงดังเอะอะ สตรีที่เข้ามาขอพรล้วนไม่กล้าออกไปด้วยกลัวว่าโรคของผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะแพร่มายังตนเอง
กู้อ้าวเวยเองก็หาข้ออ้างเรื่องป่วยไข้ แล้วแอบมาอยู่ในห้องของเยว่
ฉางอีฉินเห็นดังนั้นก็มีสีหน้าไม่สู้ดี กู้อ้าวเวยมองดูจดหมายที่เยว่นำมาอย่างถี่ถ้วน ดูไม่เข้าใจเล็กน้อย "องค์ชายสามเพิ่งจะมาถึง ช่วงภัยน้ำท่วมคงน่าจะยังมาไม่ถึงสินะ"
"ยังไม่ถึง แต่ว่าฝนจะเริ่มตกในอีกไม่กี่วัน อีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้ก็จะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว" เยว่พยักหน้า สิ่งที่อยู่ในจดหมายนั้นนางได้อ่านหมดแล้ว เป็นเพียงเรื่องของการซ่อมแซมเส้นทางน้ำและการจัดการกับภัยน้ำท่วมเท่านั้น เพราะแยกเป็นหลายจุดทั้งยังเขียนมาสิบกว่าแผ่นเลยดูหนาอยู่บ้าง
กู้อ้าวเวยอ่านไปด้วยเขียนไปด้วย ผ่านไปสักครู่ถึงจัดการเรียบร้อยแล้วจึงส่งสู่มือเยว่ "คงไม่ง่ายนักถ้าจะสร้างเขื่อนที่สถานที่เหล่านี้ อย่างอำเภอปี่ขวยนั้นพื้นที่ค่อนข้างสูง รอบด้านมีแม่น้ำหลากสาย ตัวอำเภอปี่ขวยนั้นน้ำไม่ท่วม แต่ด้านปลายน้ำนั้นจะประสบกับภัยพิบัติ การขุดเขาถมดินกลับยิ่งทำให้น้ำไหลเชี่ยว จะเป็นการดีกว่าถ้าขุดด้านปลายน้ำแล้วลงต้นไม้เยอะหน่อย ขุดลอกคูคลองให้ถึงเขตอำเภอที่อยู่ข้างเคียงก็ได้แล้ว อีกอย่างหลายเขตอำเภอที่อยู่ข้างเคียงนั้นก็ไร้ฝนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว การระบายน้ำไปยังถือว่าเป็นประโยชน์..."
จัดการเรื่องราวของแทบทุกที่ทีละอย่างๆ โชคดีที่ปกติกู้อ้าวเวยก็ดูแลกิจการบ้านเมืองอยู่แล้ว นอกจากเยว่กับฉางอีฉินที่พูดจุดที่ไม่ถูกต้องอยู่ไม่กี่คำอยู่เป็นนิจแล้ว เวลาส่วนใหญ่ก็จะเป็นกู้อ้าวเวยที่เป็นคนพูด
หารืออยู่ถึงสามชั่วยามเต็มก็ยังไม่เสร็จสิ้น ฉางอีฉินเริ่มทนนั่งต่อไม่ไหว "อีกหนึ่งเดือนถึงจะเกิดภัยน้ำท่วมนี้ อีกสักพักค่อยมาหารือกันดีกว่าหรือไม่? "
"พวกเจ้าพักเถอะ" กู้อ้าวเวยเพิ่งเห็นว่าทั้งสองคนนั้นเรี่ยวแรงดูไม่เป็นไหวแล้ว จึงเรียกกุ่ยเม่ยเบาๆ: "หยิบแผนที่มาอีกแผ่น แล้วก็เอาบันทึกประวัติท้องถิ่นมาให้ข้าสักหลายๆ เล่ม มีที่ราบลุ่มบางแห่งยากจะป้องกัน มันจะดีกว่าถ้าอพยพผู้คน ยังมีผู้คนที่อยู่ข้างเคียงแม่น้ำสายนี้อีก เกรงว่าน้ำจะพัดพาสัตว์ทั้งหลายลงไปจากต้นน้ำแล้วจะทำให้เกิดโรคระบาด "
กุ่ยเม่ยเร่งรีบนำสิ่งของมาให้ ขณะที่เยว่กับฉางอีฉินกำลังพักหายใจ
กู้อ้าวเวยอ่านดูอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วกุมขมับ "กุ่ยเม่ย พื้นที่ตรงนี้ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกใช่หรือไม่ ดูเหมือนจะมีหินเยอะ ถ้าลงปลูกในปีนี้ อีกปีสองปีให้หลังคงต้องเสียของแล้ว "
กุ่ยเม่ยเองก็แอบมองดูแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าลงด้วยเพราะได้เรียนรู้ไปไม่น้อย "จริงๆ แล้วทำพื้นหญ้าคงดีไม่น้อย เมื่อถึงเวลาแม้ว่าจะระบายน้ำออกไม่ได้ก็คงไม่ถึงกับรั่วไหลไปทั่ว"
"ฟังดูสมเหตุสมผล ครั้นจะสร้างเขื่อนเกรงว่าหมู่บ้านเหล่านี้จะจ่ายไม่ไหว ถ้าหากชักน้ำที่ระบายออกขายให้กับเมืองข้างเคียงแล้วใช้เงินพวกนี้สร้างเขื่อนนั้นก็ดีเลย" กู้อ้าวเวยกัดด้ามพู่กันเบาๆ
กุ่ยเม่ยตีเบาๆลงที่ศีรษะของนาง "ห้ามกัดด้ามพู่กัน ชิงจือเลียนแบบสิ่งผิดๆ จากเจ้าไปหมด"
"เข้าใจแล้ว" กู้อ้าวเวยกุมหน้าผากแล้วเขียนไปด้วยพูดไปด้วย "อยู่ที่นี่อย่างไรก็ไม่มีธุระอันใด อีกชั่วครู่เจ้าให้สวีเชินทำหมั่นโถวมาสักหน่อย เอาผักดองอร่อยๆ ด้วยนะ"
"อืม ว่าแต่หลายวันมานี้เจ้าไม่ได้ฝึกมีดเลย อีกสักครู่ข้าจะเอามาให้มิเช่นนั้นฝีมือจะตกเอา" กุ่ยเม่ยพยักหน้ารับแล้วเร่งรีบเดินออกไปข้างนอก
"ก็ดี ครั้งนี้ฝึกมือซ้าย รอจนฟ้าโปร่งข้ายังต้องตามอาจารย์น้อยสวีเชินไปเก็บกวาดลานด้านหลัง"
เยว่กับฉางอีฉินฟังคำพูดของคนทั้งสองแล้วสบตากัน
กุ่ยเม่ยเพียงกล่าวกับเยว่และฉางอีฉินเล็กน้อย แล้วจึงแบกกู้อ้าวเวยจากไปอย่างระมัดระวัง
รอจนทั้งสองจากไป เยว่นึกย้อนถึงคำพูดเมื่อคืนแล้วเขียนทุกสิ่งลงไป ฉางอีฉินกลับพูดขึ้น "ดูๆ ไปแล้ว ความสัมพันธ์ของกู้อ้าวเวยกับข้ารับใช้กุ่ยเม่ยคนนั้นดูเหมือนจะดียิ่ง เหตุใดฝ่าบาทถึงได้ชมชอบหญิงสาวที่ปล่อยตัวเช่นนี้"
"พวกเรารอสังเกตการณ์ไปก่อน หากว่ากู้อ้าวเวยหาได้ชอบฝ่าบาทจริงๆ พวกเราก็เบาใจได้" เยว่ไหวมือต่อนาง "ฮูหยิน เจ้ากับข้ามาหารือกัน จดหมายนี้เกรงว่าจะต้องเขียนทั้งวัน"
ฉางอีฉินรีบรุดเข้ามาช่วยเขียน
ส่วนเรื่องราวทางด้านกู้อ้าวเวยย่อมไม่มีผู้ใดรับรู้ รอจนตื่นขึ้นก็เป็นยามพลบค่ำเสียแล้ว กู้อ้าวเวยจัดการกับสำรับเย็นอย่างเร่งรีบแล้วสวมผ้าคลุมหน้ากระโดดออกไป ทำการตรวจรักษาให้กับผู้อพยพเหล่านั้นอย่างถ้วนถี่โดยมิได้บอกชื่อแซ่
ขณะที่กุ่ยเม่ยคอยเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างกายนางก็ยังไม่ลืมเตือน "ตอนที่เจ้านอนหลับ ฮัวหลีได้ไปหากู้จี้เหยาแล้ว ไม่กี่วันก่อนหลานเอ๋อร์ชี้แนะกู้จี้เหยาตามที่คาด ไม่เห็นนางมีท่าทีแปลกใจ"
กู้อ้าวเวยพยักหน้ารับพลางพูดขึ้น "ไม่เลวเลย ถึงตอนนั้นกู้เฉิงต้องติดต่อกู้จี้เหยาอย่างแน่นอน กู้จี้เหยาก่อเรื่องจนตำหนักอ๋องจิ้งไม่อาจอยู่อย่างสงบอีกครั้ง เพียงแค่เตือนเมิ่งซู่สักหน่อย ให้เขารับรู้เรื่องนี้ จะอย่างไรก็เหลือจุดอ่อนไว้สักจุด"
"กลับไปค่อยว่ากัน พวกเราอยู่อีกราวห้าวันจึงจะจากไป เพียงแต่ท่านอ๋องแปลกยิ่งนัก จะให้ซูพ่านเอ๋อออกจากอารามไป๋หม่าไปอยู่เป็นเพื่อนนางให้ได้" กุ่ยเม่ยพูดเสียงเบา
กิริยาของกู้อ้าวเวยสั่นไหวเล็กน้อย ชั่วประเดี๋ยวก็ยิ้มออกมาอย่างจนใจ "ซ่านจินจื๋อนั้นกลัวว่าข้ากับซูพ่านเอ๋อจะก่อเรื่อง ทว่าที่ไม่ได้ให้ข้าไปแต่กลับให้ซูพ่านเอ๋อเป็นคนไป เกรงว่าความรู้สึกที่มีต่อข้าคงไม่เลวนัก อย่างไรเสียร่างกายของซูพ่านเอ๋อนั้นก็กำลังอ่อนแอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...