บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 37

ตอนที่ 37 ยาใกล้ชิด

ณ ด้านนอกของกระโจม เซียวไห่ได้ออกคำสั่งให้ทหารออกไปตรวจสอบเรื่องนี้บริเวณรอบสนามล่าสัตว์ 

รัชทายาทของกษัตริย์ทุกพระองค์ต่างก็มานั่งรวมตัวกันบนเนินเขาเพื่อปรึกษาหารือกัน เมื่อกุ้อ้าวเวยรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองดีขึ้นแล้ว จึงได้รีบย่าวก้าวตรงไปยังข้างกายของซ่านจินจื๋ออย่างรวดเร็ว แล้วพูดเสียงเบาๆว่า : “พิษที่อยู่ในพระวรกายขององค์ชาย 4 ยังออกไปไม่หมดเพคะ อีกทั้งเรายังไม่เห็นม้าของเขาในตอนไปที่นั้นด้วย”

ซ่านจินจื๋อมองไปทางนาง : “ยังมีตรงไหนที่ไม่ดีอีกไหม?”  

“สัตว์ป่าตัวนั้นน่าจะทานอะไรบางอย่างเข้าไป” กุ้อ้าวเวยได้นำเข็มเงินด้ามหนึ่งขึ้นมาจากผ้า เข็มเงินได้เปลี่ยนสี นางจึงพูดต่อว่า : “นี่คือเลือดที่อยู่บนมีด ถึงแม้ว่าพิษจะไม่มากมายนักก็ตาม แต่มั่นใจได้ว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์ป่าคลุ้มคลั่งเพคะ”

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ   

“ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกผู้อื่นโดยเด็ดขาด” ซ่านจินจื๋อแย่งเข็มเงินและผ้ามาจากนาง จากนั้นก็ม้วนแล้วเก็บไปบนเอวของเขา  

ซ่านจินจื๋อได้เรียกนายทหารชั้นสูงสองสามคนมาตรงหน้า  แล้วออกคำสั่งให้คนข้างกายพากุ้อ้าวเวยกลับไปบนเนินเขา แต่มีคนไม่น้อยกำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนที่ต้องนั่งอยู่บนพระที่นั่งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เหลือเพียงแค่ซู๋เซ่อของฮองเฮาที่นั่งอยู่เพียงผู้เดียว ด้วยใบหน้าผ่อนคลาย

ซูพ่านเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างกายได้ยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็มองไปทางกุ้อ้าวเวย : “ท่านพี่กุ้ ทำไมถึงต้องไปตรวจสอบเรื่องในป่านั้นกับท่านพี่จื๋อด้วยละเพคะ? ภายในพระบรมวงศานุวงศ์มีแต่ความเจ้าเล่ห์และเพทุบายมากมาย เกรงว่าจะเสี่ยงเป็นอันตรายแก่ชีวิตนะเพคะ”  

“เป็นหมอต้องช่วยคน เป็นหลักการของฟ้าดินที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ถึงจะเป็นขุนนางในพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าก็จะปฏิบัติตนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน” กุ้อ้าวเวยมองไปทางนางด้วยสายตาดูหมิ่น จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าดื่มไปจนหมด

ตั้งแต่สมัยโบราณจนมาถึงปัจจุบัน หากสามารถจัดตั้งองค์ที่มีอำนาจ มันก็หลีกเลี่ยงเรื่องการหลอกลวงซึ่งกันและกันไม่ได้ ไม่ว่ากุ้อ้าวเวยจะเคยอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงมาก่อน หรือว่านางจะเคยอยู่ในโรงหมอมาก่อน เรื่องนี้นางกลับเคยพบเจอมามากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้ แต่กลับจัดการเรื่องที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ในที่สุด 

ปมคิ้วนางได้ขมวดขึ้นมา แก้วสุราที่อยู่ในมือก็ได้กระทบไปบนโต๊ะ องครักษ์สองสามคนของซ่านจินจื๋อได้ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นนางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงได้ถามไปหลายประโยค : “พระชายาต้องการอะไรหรือพะยะคะ?”  

“ไม่มีอะไร เพียงแค่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้” กุ้อ้าวเวยฟื้นคืนสติกลับมา จากนั้นก็มองไปยังที่ไกลๆจนกระทั่งสายตาได้ไปหยุดลงบนเนินเขาอีกด้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ที่นั้นมีคนที่สอนนางขี่ม้าวันนี้นั่งอยู่  

องครักษ์สองสามคนล้วนแล้วแต่ไม่มีที่มาที่ไป จนกระทั่งซูพ่านเอ๋อเองก็มองไม่ออก แต่นางกลับกลับยื่นตัวออกไปเติมเหล้าให้นาง : “ท่านพี่กุ้คงจะตกใจกับเหตุการณ์นี้มากเลย......”  

“ต่อให้นำคนที่ถูกสับแล้วมาวางในมือของข้า ข้าก็ไม่กลัว” กุ้อ้าวเวยขี้เกียจที่จะคุยกับคนที่เสแสร้งแกล้งทำผู้นี้ จึงได้กวาดสายตาไปรอบๆ สุดท้ายก็มาหยุดลงตรงที่นั่งของหู้ปู้เซ่อหลาง หู้ปู้เซ่อหลางยังพาบุตรชายและบุตรสาวมาด้วย แต่ กว่างเสียนกลับจ้องเขม็งมาที่นาง 

ซึ่งคาดไม่ถึงว่านางเพิ่งจะค้นพบว่ากำลังเผชิญหน้ากับกว่างเสียนที่กำลังกระตุกยิ้มมุมปากอยู่ในตอนนี้ นางจึงได้ยืนขึ้น : “วันนี้น่าจะไม่สามารถล่าสัตว์ได้แล้ว แถวนี้มีสถานที่ที่สามารถพักผ่อนหย่อนใจได้อยู่ ข้าต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี”  

เสื้อผ้าบนตัวของนางได้ถูกนางฉีกขาดไปด้วยตัวเองแล้ว กระโปรงก็ยังเปื้อนเลือดเล็กน้อยอีกด้วย แต่ดูเหมือนซูพ่านเอ๋อจะไม่ได้คิดที่จะเตือนนางเลยสักนิด โชคดีที่นางเองมีปฏิกิริยาตอบสนองเองว่าเช่นนี้อาจจะไม่ค่อยงดงามนัก

เมื่อตามองครักษ์ไปจนมาถึงลานของตำหนักข้างสนามล่าสัตว์ ด้านนอกเป็นลานเล็กที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้อ๋องจิ้งออกไป  หยินเชี่ยวและชิงต้ายนำเสื้อผ้ามาให้แก่นางนางจึงได้ถอดเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อสักครู่ออก ใส่แค่เพียงเสื้อสะอาดๆชุดหนึ่ง ตรงข้อเท้ากลับปรากฏรอยบาดแผลเล็กๆหลายบาดมากมาย

นางจึงได้โค้งตัวลงไปทาโอสถบนแผลเหล่านั้นแก่นาง ส่งผลให้ผมสยายลงมา จากนั้นก็ใช้ชิ้นผ้าที่เปียกหมาดเช็ดไปบนตำแหน่งที่เปียกโชกและตรงส่วนอื่นๆอย่างละเอียด

 “จึ๊ก--------” 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์