บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 38

ตอนที่ 38 ขจัดพิษ

เมื่อนำเสื้อผ้าใส่เรียบร้อยแล้ว กุ้อ้าวเวยก็เช็ดผมต่อ  

ส่วนซ่านจินจื๋อก็นำเสื้อที่เปื้อนไปด้วยเลือดถอดออกมาไว้ด้านข้าง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับร่างกายของกุ้อ้าวเวยแล้ว ร่างกายของเขาไม่มีแม้แต่รอยฟกช้ำเลยสักนิดเดียว

“ดูมากพอแล้วหรือไม่?” ซ่านจินจื๋อได้ค้นเสื้อผ้าที่สะอาดอีกชุดหนึ่งขึ้นมาใส่  

“ก็ดีเพคะ” กุ้อ้าวเวยดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ทำได้เพียงแค่ตัวแข็งทื่อพลางเงยหน้าขึ้นไปจ้องเขม็งบนหลังคาอยู่ตรงที่นั่งตัวเดิม ทำไมหยินเชี่ยวและชิงต้ายยังไม่นำเสื้อผ้ามาอีกกันนะ?

รอจนกระทั่งซ่านจินจื๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จรีบร้อยแล้วถอยจากไปแล้ว ชิงต้ายเพิ่งจะหอบเสื้อผ้ามาถึงช้า จึงมองไปทางนางอย่างจนปัญญา : “ฮ่องเต้กำลังตรวจสอบอาการบาดเจ็บขององค์ชาย 4 อยู่เพคะ กำลังสำรวจของที่อยู่ในรถม้า หม่อมฉันและหยินเชี่ยวจึงได้ทำการอธิบายอยู่นานมากเพคะ พวกเขาถึงจะเชื่อว่าสิ่งที่พวกเราไปนำมาไม่ใช่ยาพิษ ด้วยเหตุนี้จึงได้มาสายเพคะ” 

“แต่มั่นใจได้ว่าในนี้ไม่มียาพิษ”  กุ้อ้าวเวยมองนางอย่างจนปัญญา ชิงต้ายส่ายหน้า จากนั้นก็นำเสื้อผ้าวางลงบนมือขอฝนาง

ชุดกระโปรงที่เต็มไปด้วยลายห่านสีเหลืองชุดหนึ่ง กุ้อ้าวเวยมองไปทางนางด้วยความประหลาดใจ : “ชุดนี้ไม่ใช่ของข้า”

“นี่เป็นชุดที่คุณท่านกุ้นำออกมาจากตู้เสื้อผ้าของคุณหนูจี้เหยา และยังให้หม่อมฉันบอกพระชายาว่าหลังจากวันนี้ไปจะต้องอยู่ภายในตำหนัก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้นำไปเปรียบเทียบกับซูพ่านเอ๋อได้ คุณท่านยังบอกอีกว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะยังไงไม่อนุญาตให้ท่านไปทรงม้าได้อีก เพราะมันไม่เหมาะสมเพคะ”

กุ้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงห้านสีเหลืองชุดนี้อย่างว่าง่าย และปล่อยให้ชิงต้ายมวยผม และแต่งหน้าให้แก่นาง คนที่อยู่ในกระจกได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าชุดที่นางใส่จะดูธรรมดา แต่บัดนี้กลับดูสง่างามมากทีเดียว

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ง นางนำของที่เหลือมาจัดการให้เรียบร้อย แล้วกลับไปยังเนินเขาใหม่อีกครั้ง กลางป่ายังมีคนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย ส่วนฮ่องเต้ที่ไม่รู้กลับมานั่งบนพระที่นั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูเหมือนว่ากำลังตรัสสั่งอะไรบางอย่างอยู่   

นางนั่งลงข้างกายของซ่านจินจื๋อ รู้สึกแค่เพียงท้องที่หิวมาก ๆ  จึงทำได้เพียงแค่ยื่นหน้าออกไปครึ่งหนึ่งแล้วถามชิงต้ายว่า : “หยินเชี่ยวละ?” 

“ไปนำพระกระยาหารมาให้ท่านเพคะ หม่อมฉันจะไปตามกลับมาเพคะ” ชิงต้ายพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ กุ้อ้าวเวยจึงได้เผยรอยยิ้มออกมาทันใด ก่อนจะรั้งชิงต้ายไว้ : “เดี๋ยวค่อยไปเรียกกลับมา ข้ายังอยากเรียนขี่ม้าอยู่”  

“เพคะ” ชิงต้ายพยักหน้าทันที แต่กลับพบว่าซ่านจินจื๋อกำลังจ้องเขม็งไปทางกุ้อ้าวเวยอยู่ จึงได้รีบก้มหน้าลงแล้วถอยจากไปทันที ไม่กล้าเงยหน้าแต่อย่างใด  

กุ้อ้าวเวยมองตามนางไป เมื่อเห็นว่าใบหน้าของซ่านจินจื๋อที่ดูหม่นหมอง จึงได้ถามขึ้นว่า : “ทำไมถึงได้มองข้าแบบนี้ละ?”

“ไม่อนุญาตให้ทรงม้า เดี๋ยวเจ้าต้องตามข้าไปกระโจม ดูพิษบนร่างกายของหยวนเอ๋อว่าจะขจัดพิษออกจากไปให้หมดได้อย่างไร” ซ่านจินจื๋อมองนาง 

“ท่านพี่จื๋อ ได้ให้เมี่ยวหารไปดูมาแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องให้ท่านพี่กุ้ไปอีกรอบ?” ซูพ่านเอ๋อมือแข็งทื่อขึ้นทันใด จึงได้รีบหันกลับมา  

กุ้อ้าวเวยเองก็พยักหน้าตาม ซ่านจินจื๋อกลับจ้องเขม็งไปทางนาง ซึ่งนางก็ทำได้เพียงแค่ตอบตกลงเท่านั้น

ซูพ่านเอ๋อแสดงสีหน้าสิ้นหวัง เมื่อซ่านจินจื๋อเห็นจึงได้ปลอบใจอย่างเบาๆ 

แต่เมื่อผ่านไปสักครู่ ฮ่องเต้าก็ได้ลุกออกจากพระที่นั่งไป ซ่านจินจื๋อพานางออกไปเช่นเดียวกัน ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนน กุ้อ้าวเวยจึงได้หัวเราะเยาะเย้ยออกมาเบาๆ : “ท่านอ๋องรู้ว่าฮ่องเต้เองก็เคยไปมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะพาเมี่ยวหารที่อยู่ข้างกายของซูพ่านเอ๋อ จึงได้เรียกข้ามาใช่ไหม”   

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์