บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 373

บทที่ 373 ไม่ได้ง่าย  

พูดถึงตรงนี้ ลี่วานเพิ่งจะพูดถึงอาจารย์คนนี้ว่าเป็นคนต่างเมือง ชายหญิงไม่แน่ชัด และเดิมแล้วคนในสกุลของลี่วานก็มีคนศึกษาวิชาการแพทย์ คนที่ดูแลนางเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาการแพทย์ให้นางตั้งแต่เล็ก แต่เมื่อเติบโตขึ้น ก่อนที่จะต้องการเข้ามายังวังหลวง อาจารย์คนนี้ก็ตกลงมายังหน้าประตูของนาง เขาถูกทารุณ

หลังจากรอคอย ทุกอย่างก็ดูจะสมเหตุสมผล อาจารย์ได้สอนให้นางปรุงพิษและใช้พิษ แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าอาจารย์คนนี้แท้จริงแล้วทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเบื้องหลังของนางนั้นมีกำลังมหาศาล อีกทั้ง ลี่วานยังพูดถึงเรื่องที่จะพาอาจารย์คนนั้นไปพบซ่านจินจื๋อ

กู้อ้าวเวยได้ฟังจนจบ ก็ยิ่งประหลาดใจ “งั้นก็พูดได้ว่า เจ้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอาจารย์ของเจ้าถึงต้องทำร้ายองค์ชายสี่”

“ฉันกลัวจริง ๆ! ก่อนที่ฉันจะมาถึงที่นี่ อาจารย์และเสด็จแม่ล้วนคิดให้องค์ชายได้สืบราชบัลลังก์ แต่เมื่อมาถึงที่นี่จริง ๆ แม้ว่าข้าจะทะเลาะกับองค์ชายมาโดยตลอด แต่ในความเป็นจริงเรื่องมันก็เป็นเพราะเสด็จแม่แอบทำอะไรหลายอย่างให้กับองค์ชายสี่ ข้าไม่ใช่คนโง่ เรื่องที่เสด็จแม่ทำก็เพื่อทำให้องค์ชายสูญเสียความจำ แต่ข้าไม่ต้องการแบบนั้น แต่ก็ถูกเสด็จแม่กดดัน องค์ชายไม่เข้าใจข้า ตอนนั้นข้าเชื่ออาจารย์มาก...” พูดถึงท่อนนี้ ลี่วานก็รู้สึกเศร้าเช่นกัน

ความคับข้องใจเหล่านี้ กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงมาก่อนเลย เดิมทีนางเคยคิดว่าลี่วานทำไปก็เพราะถูกยศถาบรรดาศักดิ์บดบังตา

“งั้นตอนนี้เจ้าก็เชื่อข้าแล้วเหรอ” กู้อ้าวเวยยักคิ้ว

มือทั้งสองของลี่วานค่อยๆบิดปากกระบอกแขนเสื้อของตนเอง พร้อมกัดฟันแน่น “ อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็ไม่มีทางทำร้ายเขา”

พูดถึงจุดนี้ อารมณ์ของกู้อ้าวเวยก็ค่อยๆดีขึ้นเล็กน้อย “ถึงตอนนี้เจ้าก็คงจะเห็นชัดแล้วสินะ รออีกหน่อยข้าจะจัดคนส่งไปยังตำหนักอ๋องจิ้ง....”

“ไม่ได้!” ลี่วานรีบส่ายหน้า “ข้าไม่สามารถรับรองได้ว่าอาจารย์จะไม่อยู่ในตำหนักอ๋อง”

กู้อ้าวเวยไตร่ตรอง ในช่วงเวลาที่เอาแน่นอนไม่ได้ เสียงของประตูที่ถูกกระแทกดังขึ้นเบาๆ ฉีหรัวได้เดินเข้ามาพร้อมเสื้อผ้า “อาการขององค์ชายสี่เป็นอย่างไรบ้าง”

ลี่วานเอนกายลงพร้อมเช็ดน้ำตา กู้อ้าวเวยตบหลังของนางเบาๆ สุดท้ายก็ตามฉีหรัวไปยังห้องรับแขก

นั่งลงไป กู้อ้าวเวยได้เล่าเรื่องของลี่วานและองค์ชายสี่อีกครั้ง ฉีหรัวขมวดคิ้วทันที “ลี่วานจริงจังขนาดนั้นจริงหรือ”

“ใช่ ข้ามาหาเจ้าก็เพื่อจะมาบอกเจ้าเรื่องนี้” พูดจบ ฉีหรัวก็หยิบเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นไว้ในมือของกู้อ้าวเวย “สิ่งนี้พ่อของข้าซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด แต่ตอนนี้อ๋องจิ้งไม่ค่อยเชื่อพวกเรา ยากที่จะยืนยันความจริงเท็จ”

กู้อ้าวเวยชำเลืองมองอย่างรวดเร็ว บนนั้นเขียนถึงเรื่องที่พวกเขาจะสรรหาคนจำนวนหนึ่งให้มาพบ และยังต้องการหมออีกจำนวนมาก และกำลังคนแต่ละกลุ่มประเภท

“นี่คือเรื่องจริง” กู้อ้าวเวยนำจดหมายนั้นส่งคืนให้กับนาง นำเรื่องที่ซ่านจินจื๋อปกปิดการแพร่ระบาดรายงานไป

ฉีหรัวตบไปที่โต๊ะ “ข้าคิดว่าอ๋องจิ้งทำสงครามเพื่อประเทศชาติ สามารถปกป้องปวงประชาได้ในที่สุด แต่จะทำอย่างไร! มีกำลังคนไม่พอจะไปทำอะไรได้!”

“ไม่มีปัญหา วันพรุ่งนี้ผู้ลี้ภัยที่อยู่ในความดูแลขององค์ชายสามก็จะเข้าไปเมืองเทียนเหยียนเพื่อฟ้องร้อง แม่นางของทิงเฟิงโหลจะไปปกป้อง เมื่อเข้าไปในเมืองจะมีรถม้าของหวางโม่และเจิ้งฉิงคุนมาคอยรับ ความไม่เป็นธรรมนี้ จะต้องมีการอุทธรณ์แน่นอน” กู้อ้าวเวยก็พูดอย่างจริงจัง คิดดูแล้ว นางจึงพูดต่อไป “ยังมีเรื่องขององค์ชายสี่ ลี่วานบอกว่าตำหนักอ๋องจิ้งไม่ปลอดภัย ถ้าหากเขาอยู่กับท่านที่นี่”

“วางใจเถอะ สำนักเยียนหยู่เก๋อของพวกเราไม่ใช่เด็กอมมือ ปกป้ององค์ชายองค์นึงข้ามั่นใจได้” ฉีหรัว พยักหน้าตอบรับคำ นี่คือการทำเพื่อคนโปรดของอ๋องจิ้ง

กู้อ้าวเวยรู้สึกวางใจ ฉีหรัวเกาคางเบาๆ แล้วพูดต่อไป “ข้ายังต้องช่วยเจ้าคอยดูลี่วาน แม่นางคนนี้มักจะโหดร้ายเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ดันว่าง่ายเสียอย่างนั้น แต่หากไม่ต้องมายั่วยุอะไรจะเป็นการดีที่สุด”

“อย่างนั้นก็ขอบคุณเจ้ามาก ๆ” ในที่สุดจิตใจของกู้อ้าวเวยก็ปล่อยวางลงได้ จึงไม่อยู่ต่อให้เนิ่นนาน นางจึงกลับไปยังตำหนักพร้อมกับกุ่ยเม่ย

เพียงแต่น่าเสียดายว่าคืนนี้ชะตาฟ้าลิขิต ตอนที่เข้าประตูตำหนักอ๋องมา กู้อ้าวเวยได้พบกับกู้จี้เหยาที่รออยู่นานแล้ว และยังมีฮัวหลีที่อยู่ในชุดสีดำ นางกำลังดูเหมือนวิ่งไปมาอย่างวุ่นวาย และดวงตาของกู้จี้เหยาทั้งดวงก็เริ่มมีสีแดงก่ำ มีแต่หลานเอ๋อร์ซึ่งกำลังยืนสงบเงียบอยู่ข้างๆที่รู้ความจริงชำเลืองมองไปยังกู้อ้าวเวย

“ดึกแล้ว พวกเจ้ายังอยู่ในห้องโถงรอข้ากลับมาอยู่อีกเหรอ” กู้อ้าวเวยเหลือบไปมองแม้บ้านที่อยู่ข้างกาย “ตำหนักขององค์ชายสี่เพิ่งจะถูกไฟไหม้ เจ้ายังกล้าให้คนแปลกหน้าเข้ามาอีกเหรอ”

“พระชายาเพคะ พวกเราเคยพบกันมาแล้วก่อนหน้านี้ ที่มาวันนี้ ก็เพื่อจะนำคำของนายท่านมาแจ้งให้ทราบ” ฮัวหลี ดึงเสื้อคลุมบนศีรษะของนางลง เผยให้เห็นปิ่นมุกที่ร้อยขึ้นประดับอยู่บนศีรษะ ค่อยๆพูดอย่างเบาๆ “องค์ชายสี่ไม่ภักดีต่ออ๋องจิ้ง”

“หากซ่านจินจื๋อได้ยินคำพูดนี้ หัวของเจ้าคงหลุดจากบ่า” กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเฉยเมย และใช้ให้แม่บ้านข้างกายออกไป เดินไปอยู่ข้างกายของกู้จี้เหยา “เจ้ายังเป็นเด็กเป็นเล็ก จะไปรู้เรื่องอะไรกัน”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ฮัวหลีก็รู้ได้ว่าพระชายาไม่ได้เป็นอะไรเลย

“เครื่องประดับบนศีรษะของข้ามีมูลค่ามาก พระชายาคิดว่าข้าเป็นเพียงสาวใช้จริง ๆหรือ” พูดจบฮัวหลี ก็มองสำรวจไปยังเสื้อผ้าราคาถูกบนร่างกายของกู้อ้าวเวย

“มูลค่าของมันไม่ได้รับรองว่าเจ้าจะเป็นสาวใช้ที่มีภูมิหลังเช่นไร” กู้อ้าวเวยมองนางอย่างเฉื่อยชา จิตใจของนางแตกต่างจากตอนที่อยู่ใน อารามไป๋หม่า

ฮัวหลีกัดฟัน ปกติแล้วนางไม่เคยโกรธใครมาก่อนเลย จึงลุกขึ้นยืนเพื่อต้องการคำอธิบาย

“คราวนี้เป็นกู้จี้เหยาได้ดึงนางไว้เขย่าเบาๆ และพูดกับกู้อ้าวเวย “องค์ชายสี่ไม่จริงใจกับท่านอ๋อง พี่สาวก็ต้องระวังด้วย”

“ท่านอ๋องจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า แต่องค์ชายสี่เป็นสหายของข้า และสาวใช้คนหนึ่งก็ไม่มีสิทธิมาพูดจาให้ร้ายต่อหน้าข้า”

“เจ้า!”

“กู้อ้าวเวย เรื่องนี้สำคัญด่วนมากนะ” กู้จี้เหยาดึงตัวฮัวหลีไว้แน่น

“เรื่องภายในบ้านของกู้เฉิงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า อย่าพาข้าไปเกี่ยวด้วยเลย” กู้อ้าวเวยพูดประโยคนี้จบก็รีบออกไป จริง ๆแล้วในคืนนี้ที่นางรู้สึกหงุดหงิดวิตกกังวลก็เป็นเพราะเรื่องนี้ จึงยิ่งไม่อยากจะไปรู้ความในใจของฮัวหลี

แต่ประโยคนี้ก็ทำให้ฮัวหลีและกู้จี้เหยาต้องตกตะลึง

กู้อ้าวเวยจะรู้เรื่องได้อย่างไร หรือนี้เป็นเพียงบททดสอบ

ฮัวหลีตามกู้อ้าวเวยไปอย่างใกล้ชิดเพื่อจะสอบถามเรื่องราวให้ชัดเจน กลับได้เห็นจากมุมหนึ่ง กุ่ยเม่ยในชุดสีดำได้กระโดดลงมา อยู่ข้างกายของกู้อ้าวเวย กระซิบอย่างเบาๆ “อย่าไปโกรธเลย ลี่วานไม่ได้มีเจตนา พักผ่อนเถอะ”

มองไปยังกุ่ยเม่ย จิตใจของกู้อ้าวเวยก็กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ได้พบเจ้า ข้าค่อยสบายใจหน่อย”

ฮัวหลี หรี่ตาลง ระหว่างกู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ยไม่ธรรมดาแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์