บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 382

บทที่ 382 เรื่องราวนอกเหนือไปจากความคาดหมาย

“ข้าเป็นชายารอง ไม่ควรมายุ่งอย่างนั้นรึ”กู้จี้เหยาค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น ราวกับความผยองพวกนั้นได้กลับมาอีกครั้ง

“อย่างนั้นก็พูดมาซิ ว่าเจ้าคิดจะทำเยี่ยงไร?”เสียงของกู้อ้าวเวยไม่ค่อยดังนัก ย่อกายนั่งลงตรงหน้าของกู้จี้เหยา จ้องมองไปที่กู้จี้เหยา “เจ้าแค่ทำให้ท่านอ๋องพึงพอใจก็พอแล้ว ถ้าหากว่าครั้งหน้าพบลี่วานเข้าอีก ก็ให้เอาโยนออกไปก็พอ”

“ท่านพี่ จิตใจของท่านมันช่างอำมหิตเกินไปแล้ว โชคดีที่ว่านางในปีนั้นที่อยู่ข้างกายเจ้าเพียงช่วงเวลาหนึ่ง”กู้จี้เหยาส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับเสียอกเสียใจ

ประโยคคำพูดเช่นนี้ กู้อ้าวเวยกลับเบนสายตาหยุดตรงที่ฮัวลี๋

ถ้านับกันตามนิสัยของกู้จี้เหยาแล้ว นางจะจะไม่มายุ่งกับเรื่องวุ่นวายพวกนี้แน่ ๆ อีกทั้งหลานเอ๋อร์เองก็มีเป้าหมายถัดไป เตรียมพร้อมจะตีจากไปได้ตลอดเวลา ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมาช่วยกู้จี้เหยาจัดการปัญหาพวกนี้

ถ้าเช่นนั้นคนที่ทำให้ลี่วานเข้ามาในตำหนักร้องห่มร้องไห้ ก็เหลือเพียงแค่ ฮัวลี๋

ฮัวลี๋โดนกู้อ้าวเวยมองด้วยสายตาที่เย็นชา ใจก็มีความรู้สึกหวาด ๆ หวั่น ๆ ขึ้นมา รีบเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พระชายาจ้องมองมาที่หม่อมฉันทำไมเพคะ ?”

“อย่ามายุ่งเรื่องในครอบครัวขององค์ชายสี่ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วอย่ามาหาว่าข้าทำให้คนทุกคนของตระกูลกู้หัวต้องหลุดออกจากบ่า”กู้อ้าวเวยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าคิดว่าพวกเรามีท่านพ่อคนเดียวกัน แล้วจะตัดความสัมพันธ์กันไม่ได้”

สีหน้าของฮัวลี๋แปรเปลี่ยนไปในทันที นับว่านางพอจะเข้าใจได้แล้วว่าเพราะอะไรแต่ก่อนท่านพ่อถึงไม่ยอมให้นางได้ใกล้ชิดกับกู้อ้าวเวย

เสียดายเพียงแค่ว่าความทรงจำของนางที่มีต่อกู้อ้าวเวยในท้ายที่สุดก็หยุดตรงที่อารามไป๋หม่า

“ในเมื่อพระองค์เองก็รู้ความจริงแล้ว ทำไมถึงยังไม่ใช้ประโยชน์จากองค์ชายสี่ล่ะ?” ฮัวลี๋กัดฟันแน่น เผชิญหน้าห้ำหั่นกับกู้อ้าวเวยตรง ๆ “เพียงแค่พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อองค์ชายสี่ได้ พอถึงเวลานั้นต่อให้อ๋องจิ้งเกลียดชังท่านพ่อจนเข้ากระดูกดำ อย่างน้อย ๆ เพื่อเห็นแก่หน้าองค์ชายสี่แล้วก็ต้องอดทนต่อพวกเรา อาศัยความสัมพันธ์ของพระองค์กับองค์ชายสี่ ให้พระองค์พูดให้กับตระกูลกู้ต่อหน้าอ๋องจิ้งสักหน่อยก็นับว่าดีมากแล้ว”

“แต่สิ่งที่องค์ชายสี่มีพระประสงค์ก็คือความเรียบง่าย ไม่ใช่การมีจิตใจที่คิดเล่ห์เพทุบาย”กู้อ้าวเวยมองไปที่ฮัวลี๋ “พระองค์เสด็จไปอินโจวก็เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างราบเรียบ เจ้าเสียอีกที่กลับลากให้พระองค์เข้ามาพัวพัน”

“หรือว่ากู้เฉิงไม่ใช่บิดาของพระองค์หรือ ก็แค่คำพูดเพราะ ๆ ไม่กี่คำ……”

“ก็แค่คำพูดเพราะ ๆ ไม่กี่คำ บางทีก็อาจจะใช้ความอดทนที่ยังเหลืออยู่ของอ๋องจี้ที่มีต่อองค์ชายสี่ไปทั้งหมด หรือว่าเจ้ายังคิดจริง ๆ หรอว่าความสัมพันธ์ฉันลุงกับหลานของพวกเขายังดีอยู่?คิดจะทำกับข้าเหมือนเป็นคนโง่คอยปั่นหัวอย่างนั้นรึ?”กู้อ้าวเวยตบโต๊ะผุดตัวลุกขึ้นอย่างโมโห

ฮัวลี๋ตะลึงงัน กู้จี้เหยาจ้องมองกู้อ้าวเวยด้วยความประหลาดใจ “พวกเราเป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ปั่นหัวพระองค์อะไรกัน……”

“เหตุผลของฮัวลี๋เดิมทีมันไม่ได้สมเหตุสมผลเลยด้วยซ้ำ ความคิดของพวกเจ้าจริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่?”กู้อ้าวเวยเองก็ไม่ได้ไว้หน้า ฮัวลี๋ เลยสักนิด

ถ้าหากจะบอกว่ากู้จี้เหยาเติบโตมาพร้อม ๆ กับตัวเอง มีความสัมพันธ์ต่อกัน ถ้าเช่นนั้นฮัวลี๋ ผู้นี้ก็แค่คนผ่านทางจริง ๆ

ในตอนที่กู้อ้าวเวยโบกมีดขึ้น ภายในใจไม่ได้มีความสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ก้มคอของนางลง “พระชายาจิ้งสังหารพวกคนปากเปราะสักคน ไม่มีใครหรอกที่จะมาต่อว่าได้”

กู้จี้เหยาทรุดตัวถอยหลังไปอยู่ฟากหนึ่งอย่างตาลีตาลาน หลานเอ๋อร์รีบดึงนางเอาไว้ ดูท่าแล้วคิดอยากจะปกป้องกู้จี้เหยา จริง ๆ แล้วกลับไม่ยอมให้กู้จี้เหยาพุ่งตัวไปข้างหน้า

คมมีดวางจรดจ่ออยู่ที่คอ ฮัวลี๋กระเดือกน้ำลายลง ในที่สุดจึงยอมปริปากพูดความจริงออกมาได้ “คิดประทุษร้ายองค์ชายสี่ พอถึงเวลาท่านพ่อก็จัดการเปิดโปงเขาต่อหน้าอ๋องจิ้ง ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว……อ๋องจิ้งก็จะ……”

“ท่านอ๋องก็ต้องคิดไปว่าพวกเจ้าดีต่อพระองค์จริง ๆ”กู้อ้าวเวยรับช่วงพูดต่อในส่วนที่เหลือ มีดในมือก็เขยิบเข้าใกล้ขึ้นไปอีก “สิ่งที่พวกเจ้าคิดมันก็ดี แต่ว่าพวกเจ้าคิดมาก่อนว่าสนับสนุนข้าราชสำนักขององค์ชายสี่ รวมไปถึงคนในเชื้อพระวงศ์ขององค์ชายสี่ไหม? ชีวิตของพวกเขาแล้วเป็นอะไรสำหรับพวกเจ้ากัน……”

“เป็นคนก็ต้องมีจิตใจคิดเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก”ฮัวลี๋เชิดคอตั้งตรง ใบหน้าแดงกล่ำ

สายตาของกู้อ้าวเวยเยียบเย็นลง พลิกมือกลับนำเอามีดเล็กเก็บลงไป “ประโยคนี้พูดได้ไม่เลว”

ฮัวลี๋ใช้มือลูบไปตรงรอยถลอกที่ถูกบาดบริเวณคอด้วยความโล่งอก หวาดผวาจนขาทั้งสองข้างแทบจะทรุด

“ข้ารับรู้ความจริงจากเจ้า ถ้าหากว่าข้าเปิดโปงเรื่องราวเข้าให้ แล้วก็ไปบอกกับท่านพ่อว่านี่เป็นสิ่งที่เจ้าพูด เจ้าลองเดาดูเถอะว่าท่านพ่อจะสังหารเจ้าไหม แท้จริงก็เป็นเจ้า ฉากเบื้องหน้าเป็นเพียงแค่เด็กสาวจากตระกูลสมุหนายกของกู่เซิง”เสียงหัวเราะอันเยือกเย็นของกู้อ้าวเวยดังขึ้น

ฮัวลี่ทรุดตัวกองลงกับพื้นในทันที จ้องมองอย่างเหม่อลอยไปที่กู้อ้าวเวยผู้ที่เดินจากไป หลังจากนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้น ใช้กำปั้นทุบลงกับพื้นอย่างรุนแรง “คิดไม่ถึงว่านางจะใช้มีดกันซึ่ง ๆ หน้า!แบบนี้ก็ดีแล้ว หลักฐานอะไรให้อยู่ในมือนางไปเสียแล้ว!”“ข้าก็บอกไปแล้วว่านางไม่ได้มีท่าทีแบบเมื่อตอนอารามไป๋หม่าแบบนั้น ต่อไปอย่าได้หาเรื่องลำบากใส่ตัวอีก”กู้จี้เหยาขัดขืนตัวจากหลานเอ๋อร์ แล้วประคองนางให้ลุกขึ้น

“แบบนั้นมันก็ช่างแตกต่างกันจนเกินไปแล้ว……”ฮัวลี่ลูบป้อย ๆ อยู่ที่ลำคอ สายตาดูว่างเปล่าไร้เรี่ยวแรง “แต่ว่าที่นางพูดก็ไม่ผิด ขอเพียงแค่ว่าพวกเราไม่ต้องทำอะไร ไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ ท่านพ่อก็จะต้องทอดทิ้งพวกเราแน่นอน”

“แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นลูกของท่าน……”กู้จี้เหยากัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น ในตอนเริ่มแรกนางเองก็ไม่เต็มใจจะยอมรับฮัวลี๋พี่สาวที่มีบิดาร่วมกัน แต่มีมารดากันคนละคน แล้วก็ยิ่งรับไม่ได้ที่ว่าจริง ๆ แล้วนางยังมีพี่น้องอยู่อีกมากมาย แต่ทว่าในตอนนี้ภายใต้อำนาจทั้งปวง นางก็ยังอยากจะใช้กำลังของบิดา เพื่อมายืนอยู่ข้างกายของซ่านจินจื๋อ

แต่ในตอนนี้แล้ว นางเองก็เริ่มสับสน กู้อ้าวเวยในตอนที่อยู่ในตำหนักนี้ปฏิบัติอย่างไรกับนางนั้น นางเองก็เห็นจนทะลุปรุโปร่งรู้ซึ้งแก่ใจดี แต่กู้เฉิงเป็นบิดาของนาง และก็เป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยนางได้ เป็นคนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาด

คนทั้งสองที่อยู่ในห้องโถงต่างก็คิดกันไปในเรื่องราวของตนเอง แต่กู้อ้าวเวยเดินอย่างรีบร้อนกลับมาที่ห้อง กระเพาะก็ดังโครกคราก รีบยัดทั้งอาหารคาวหวานลงไป

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ระเบิดใส่คนแบบนี้อีก

จื่อรีบนำเอายาที่ต้มเสร็จแล้วส่งเข้ามาให้ พลางตบลงบนบ่าของนาง “นี่โกรธเรื่องอะไรกัน นั่นเป็นเรื่องราวในครอบครัวขององค์ชายสี่ ตอนนี้ก็ได้จัดการให้เรียบร้อยลงไปได้ตั้งนานแล้ว”

ในตอนนี้นางรู้สึกเสียใจอยู่หน่อย ๆ ที่แนะนำกู้จี้เหยาให้กับฮัวลี๋

ทำไมถึงมาเกี่ยวพันกับองค์ชายสี่กันแล้วนะ?

ในตอนนี้องค์ชายสี่เพิ่งได้รับการสถาปนาแต่งตั้งให้เป็นองค์ชาย อีกไม่นานก็จะต้องเสด็จไปยังสถานที่ที่ได้รับพระราชทาน ในช่วงเวลานี้อย่าได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด และเมื่อก่อนนางเคยคิดอยากจะให้ตระกูลกู้กับคนของอ๋องจิ้งต่อสู้กันอย่างลับ ๆ แต่พอทุกครั้งคิดถึงกู้เฉิงที่ได้ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คิดอยากจะกลับมาพึ่งใบบุญของอ๋องจิ้งเช่นนี้แล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่คาดการณ์ผิดไปอย่างมหันต์

“รอให้ท่านอ๋องกลับมา ก็ให้ทูลว่าข้าจะร่วมเสวยพระกระยาหารเช้าร่วมกับพระองค์”สายตาของกู้อ้าวเวยเยียบเย็นลง

จื่อพยักหน้า รีบให้ยู่จูไปรออยู่ข้าง ๆ ประตู

ผ่านไปแค่ชั่วครู่ ซ่านจินจื๋อถึงกลับมาจากในวังหลวง ระหว่างทางก็ได้ฟังเรื่องราวในวันนี้จากเฉิงซาน แล้วก็ได้รีบออกคำสั่งให้คนไปจับตาการเคลื่อนไหวของฮัวลี๋ เมื่อได้ยินว่ากู้อ้าวเวยต้องการร่วมรับประทานอาหารเช้ากับเขา ก็เร่งฝีเท้าไปจนถึงห้องโถง

ซูพ่านเอ๋อเดิมทีเข้าครัวเพื่อไปเตรียมอาหารเช้าอันหลากหลาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้กู้อ้าวเวยจะไม่รับประทานอาหารอยู่ในห้อง กลับถูกซ่านจินจื๋อลากมารับประทานอาหารที่ห้องโถง เมื่อทรุดกายนั่งลง กู้อ้าวเวยก็ทำราวกับมองไม่เห็นซูพ่านเอ๋อ นำเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้แจ้งต่อซ่านจินจื๋อ ซ่านจินจื๋อกินไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง ใบหน้าก็ดำคล้ำดูเคร่งเครียด สายตาอันเฉียบแหลมในเพลานี้ก็ดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้นไปอีก “ดูท่าเรื่องของหยวนเอ๋อ ข้าเองก็ควรจะสั่งให้คนไปจับตาดู ป้องกันว่าจะมีใครลงมือทำอะไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์