บทที่ 383 แมลงด้วง
“อีกทั้ง เมื่อก่อนเจ้าเองก็ได้หยิบยืมชื่อเสียงกองกำลังขององค์ชายสี่ ตอนนี้ถึงแม้นองค์ชายสี่จะยังไม่ถึงกับถูกฝ่าบาทสงสัย แต่ถ้าหากพวกเขาใช้สิ่งนี้เป็นตัวปลุกปั่น ให้ลี่วานใช้ทั้งความรักและเกลียดชังเอาเรื่องนี้ไปเปิดโปงพอถึงเวลานั้นต่อให้ฝ่าบาทคิดอยากจะปกป้ององค์ชายสี่ ก็ไม่ได้การเสียแล้ว”กู้อ้าวเวยเองก็ขมวดคิ้วขึ้นตาม “ถ้าหากคิดอยากจะจัดการเรื่องนี้แล้ว ยังไงก็ต้องไปพบกู้เซิง หรือไม่ก็กู้เฉิง”
“ถ้าหากว่าปัญหามันเกิดจากลี่วานและกู้เฉิง ขอเพียงแค่ส่งคนไปสังหารเสีย ก็จะไม่ต้องมีเสี้ยนหนามอีกต่อไป”ซูพ่านเอ๋อพูดแทรกขึ้นมาในทันที
ทั้งสองคนต่างก็หันไปจ้องมองที่ซูพ่านเอ๋อพร้อม ๆ กัน สีหน้าของกู้อ้าวเวยราบเรียบไร้ความรู้สึก ไม่ได้เตรียมตัวที่จะอธิบายอันใด ซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างกายก็กระซิบพูดขึ้นว่า “หยวนเอ๋อมีใจคิดผูกพันต่อลี่วาน แต่ในเมื่อกู้เฉิงเองทำใจกล้ามีไมตรีต่อกู้จี้เหยาแล้ว กล้าเสี่ยงอันตรายคิดอยากเข้าร่วมกับข้า ต้องมีต้นทุนแน่แท้”
“ถ้าอย่างนั้นเขาคงทำเป็นมีอำนาจบาตรใหญ่แสร้งทำให้ผู้คนหวาดกลัวแท้ที่จริงแล้วนั้นหาได้มีไม่……”ซูพ่านเอ๋อกัดฟัน ก็เพราะว่าไม่ยินดีที่จะให้ซ่านจินจื๋อเชื่อในคำพูดของกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาอย่างดูแคลน “เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้ามานี้ท่านอ๋องถูกกีดกันก็เพราะว่าปกปิดโรคระบาด ได้สูญเสียความไว้วางพระทัยที่ฝ่าบาททรงมีให้ แต่กู่เซิงผู้ที่มารับตำแหน่งสมุหนายกคนใหม่ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่กำลังรุ่งโรจน์ ในเวลานี้หากมีคนคิดอยากจะป้ายสีให้กับท่านอ๋อง กู่เซิงโหมประโคมเข้าไปอีกสักหน่อย ต่อให้นับว่าไม่อาจกำจัดท่านอ๋องจนสิ้นซากได้ แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องสูญเสียความไว้วางพระทัยที่ฝ่าบาทมีให้อยู่ดี”
“อีกทั้ง ถ้าหากว่ากู้เฉิงมาวางอำนาจบาตรใหญ่ คนแรกที่จะถูกเลือกเลยก็คือองค์ชายสาม ในเมื่อตอนนี้พระองค์เป็นองค์ชายที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญเป็นที่สุด แต่กู้เฉิงในเพลานี้ก็กลับมาพึ่งพาข้า เห็นได้ชัดเลยว่าคิดอยากจะร่วมมือกับข้า กระทำการอะไรบางอย่าง ถ้าหากไม่ใช่เช่นนี้แล้ว ไม่มีทางเลยที่เขาจะยอมเสี่ยงตัวเองขนาดนี้”ซ่านจินจื๋อพยักหน้าหงึก ๆ แล้วก็มองไปทางกู้อ้าวเวยอีกครั้ง
ทั้งสองคนต่างก็จ้องมองตากัน กู้อ้าวเวยก็พยักหน้ายิ้ม ๆ “ดังนั้น อันที่จริงแล้วกู้เฉิงต้องการมาร้องขอพระองค์ ถ้าหากใช้ประโยชน์อย่างถูกวิธีแล้ว ในทางกลับกันก็จะช่วยส่งเสริมได้”
กู้เฉิงช่างมีความหลักแหลมอย่างแท้จริง ภายใต้สายพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาทแล้วยังสามารถวางแผนได้อย่างแยบยลไม่ให้ได้รู้ตัว นับว่ามีความสามารถ
“เพียงแค่ไม่รู้ว่ากู้เฉิงแท้ที่จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่”
“กู้เฉิงเป็นผู้มีใจคิดทะเยอทะยาน ในเมื่อพระองค์ได้รับอำนาจทางกองทัพของเทียนเหยียนเอาไว้ทั้งหมด เขาต้องการ แท้ที่จริงแล้วเป็นตำแหน่งที่สามารถพูดได้”กู้อ้าวเวยสบตากับซ่านจินจื๋อ ทั้งสองคนต่างก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งกันเป็นอย่างดี
ฮัวลี๋คอยสืบเสาะเรื่องราวของกู้จี้เหยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับไปแล้วก็ทำให้ซ่านจินจื๋อรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาจริง ๆ
แต่ว่าเพื่อสถานการณ์โดยรวมทั้งหมดแล้ว ซ่านจินจื๋อถึงได้เลือกที่จะอดทนไปก่อนเป็นการชั่วคราว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะนิ่งนอนใจไปได้
แต่กู้อ้าวเวยกลับคิดถึงกู้เหยียนจือ ตอนแรกเพราะว่าเรื่องราวอันมากที่คิดจะปกปิดเอาไว้ แต่เมิ่งซู่ในตอนนั้นยังคิดอยากจะเก็บกู้เหยียนจือเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีตำแหน่งใด ๆ ให้ แต่ก็นับว่าเป็นคนที่เอามาใช้สอยได้จริง ๆ นอกจากนี้นับว่าเขาได้ถูกกู้เฉิงใช้ประโยชน์ ก็ต้องมีความรู้สึกเป็นทุกข์ใจอยู่บ้าง
“เหยียนจือในตอนนี้คงจะพำนักอยู่ที่บ้านของเมิ่งซู่เป็นการชั่วคราว ได้ยินมาว่าร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้อยู่ทุกวัน ก่อนหน้านี้สักพักกุ่ยเม่ยได้ไปดูเขา”กู้อ้าวเวยตบมือขึ้น มองไปที่ซ่านจินเจ๋อ “พระองค์เองก็สามารถสนับสนุนเขาได้นี่ นับว่าเป็นการให้สัญญาณต่อกู้เฉิงเป็นการลับ พอถึงเวลานั้นเรียกให้กู้เฉิงมาเจรจา เรื่องราวมันก็จะจัดการได้อย่างง่ายดายขึ้น”
“มีเหตุผล”ในใจของซ่านจินจื๋อเองก็ได้มีแผนการของตัวเองเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย ในตอนนี้มีคนคิดจะใช้องค์ชายสี่ที่ได้เป็นมิตรต่อเขาแล้วเอามาเป็นเป้าโจมตี ถ้าหากว่ากู้เหยียนจือจำคำพูดที่เคยพูดในครั้งหนึ่งได้ ว่าจะสามารถปกป้ององค์ชายสี่เอาไว้ได้ อย่างน้อย ๆ เลยให้พระองค์ได้ใช้ชีวิตไปอย่างปลอดภัยสงบสุข
“ในตอนนี้หลังจากที่กู้เหยียนจือได้นับว่าเป็นเชลยไปแล้ว ก่อนหน้านั้นได้ส่งไปยังศาลฎีกาเป็นการเรียบร้อย ถ้าไม่ใช่ว่าเมิ่งซู่เก็บมือข้างหนึ่งเอาไว้ วันนี้จะเก็บรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ คนเช่นนี้ ท่านพี่จื๋อจะเอาไปให้ในกองทัพสนับสนุนได้เยี่ยงไร?”ซูพ่านเอ๋อก็ได้วางถ้วยกับตะเกียบลง ชำเลืองมองไปที่กู้อ้าวเวย “กู้อ้าวเวย เจ้าเป็นบุตรสาวของกู้เฉิง ไม่แน่ว่าเจ้าเองจะมีการส่งข่าวกันอย่างลับ ๆ ชักจูงท่านพี่จื๋อไปในทางที่ผิด แสร้งทำเป็นมีอำนาจบาตรใหญ่”
“แต่เจ้าเองก็นับว่าฉลาดได้อยู่แค่ครู่เดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ข้าจะไม่พูดให้มากความอีก รอให้ผ่านไปไม่กี่วันข้าจะไปที่จวนฉีพำนักดูสักหน่อย อย่างแรกเพื่อไม่ให้เป็นการสงสัย อย่างที่สองก็คือการดูแลองค์ชายสี่”กู้อ้าวเวยยิ้มจนตาหยี
แต่ซ่านจินจื๋อกลับขมวดคิ้วขึ้น พูดแล้วว่าจะชดใช้ให้ แต่ดูเหมือนว่ากู้อ้าวเวยจะหลบหน้าเขา คิดอยากจะปลีกตัวออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...