บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 413

บทที่ 413 คว้าท่านได้แล้ว

“ฮัดชิ่ว”

กู้อ้าวเวยผู้ซึ่งอยู่ไกลจากตำหนักองค์ชายสามจามขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

“เป็นหวัดต้องลมหรือ?” ซ่านเซิ่งหานที่กำลังมองดูอยู่ในห้องเอกสารด้านข้างหันหน้าไป เกิดความงุนงง

กลัวแต่ว่ามีคนนินทาข้าลับหลังน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก” กู้อ้าวเวยลงจากเตียงนุ่ม พับม้วนหนังสือในมือ เห็นด้านนอกหน้าต่างมีคนจำนวนมากกำลังเฝ้าคุ้มกันอยู่ และระหว่างกลุ่มคนเหล่านั้น ยังสามารถมองเห็นเงาร่างเยว่ชิงที่ยกสำรับอาหารมาลางๆ กำลังเอี้ยวศีรษะ รู้สึกเพียงแต่ว่ามันช่างน่าประหลาดใจ

ซ่านเซิ่งหานมองตามสายตาของนางไป เพียงแค่วางเอกสารราชการในมือลง ก่อนกล่าวอย่างอดไม่ได้ “ไม่จำเป็นต้องมอง เก็บเอาไว้ใส่ใจหรอก และไม่ต้องคอยทำธุระข้างกายข้า รังแต่จะทำให้เข้าใจเจ้าผิด”

“ลูกน้องของท่าน ข้าย่อมไม่อาจเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลืออยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ พวกเราก็ควรจะแสดงละครกันหน่อย” กู้อ้าวเวยพลิกมือ ทำเพียงยกมือให้กับกุ่ยเม่ยที่อยู่นอกประตู กุ่ยเม่ยมาหยุดอยู่ข้างประตูอย่างรู้งาน และโอบรอบช่วงเอวของนางเบาๆ “หากว่าไปบนท้องถนนใหญ่ ข้าทำได้เพียงช่วยท่านสอดส่องสายลับและคนของตำหนักอ๋องจิ้งเท่านั้น แต่ทางหนีทีไล่ท่านคิดดีแล้วหรือ”

“คิดดีอยู่แล้วน่า” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ กะพริบตาให้กับซ่านเซิ่งหาน “รบกวนพระองค์ส่งคนไปตามไปติดๆ ด้วย”

ซ่านเซิ่งหานรู้สึกเพียงว่าท่อนแขนของกุ่ยเม่ยขวางตายิ่งนัก บนใบหน้ากลับทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น

กุ่ยเม่ยพานางตัดข้ามกำแพงสูง ก่อนโรยตัวร่วงวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนคนในตำหนักองค์ชายสามก็แสร้งส่งไปไล่ตามไปในมุมมืด กู้อ้าวเวยรีบหุบโคลนตมบนพื้นขึ้นมาลูบตามร่าง ก่อนสาวเท้าแฝงเข้าไปท่ามกลางฝูงชน สวมผ้าคลุมหน้าบางละเอียดแหวกผ่านระหว่างกลุ่มคน เรียกเอาเสียงร้องด่าขึ้นเป็นแถบ

นางกอดเชือกทวงชีวิตมุ่งหน้าวิ่งพรวดไปทางทิงเฟิงโหล แต่เดิมราบเรียบตลอดทาง ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องลั่นจากพ่อค้าในละแวกนั้น “ระวัง!”

ยังมิทันตอบสนอง เห็นเพียงแต่กลุ่มคนสลายตัว เสียงกรีดร้องของม้าดังลากยาว

กู้อ้าวเวยประหลาดใจเล็กน้อย และขณะเดียวกันเมื่อทางลับท่าจะไม่ดีจึงกลิ้งลงกับพื้น เมื่อครู่หยุดชะงักเงยหน้าขึ้น กลับมองเห็นบัณฑิตรูปงามและสตรีสาวสวยบนหลังม้าอย่างเฉียบพลัน บัดดลหัวใจเกิดแปลบขึ้นมา

ไม่ได้พบช่วงหน้าหนาว ซ่านจินจื๋อเพิ่มอาภรณ์ชุดสีทองทมิฬ เค้าหน้าดุจคมดาบ นัยน์ตาดั่งปลายกระบี่ ควบขี่บนหลังม้าท่วงท่าเหยียดตรง คนที่อยู่ในอ้อมกอดยิ่งแสนว่าง่าย นั่งอยู่บนม้าสีดำดุร้ายตัวนี้กลับยิ่งวางท่าเป็นอย่างมาก

ม้าสีดำพ่นเสียงออกจมูก แต่กลับเหลือบมองนางเบาๆ ปราดหนึ่ง

กุ่ยเม่ยในมุมมืดลอบร้องเรียกบอกว่าไม่สู้ดี แม้แต่คนที่องค์ชายสามส่งมายังแน่นิ่งไปในบัดดล

ที่แท้ไม่มีนาง ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้เพียงครึ่งเสี้ยว

“ผู้ใด?” เฉิงซานรู้สึกเพียงว่านางคุ้นตายิ่งนัก ส่วนม้าสีดำก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา คล้ายกับต้องการมายังลำตัวของกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยกอดห่อสัมภาระสีดำในอกแน่นหนา จงใจเปลี่ยนเป็นร้องแหกปาก ตะโกนขึ้นมา “ใต้เท้า! ข้างหลังมีคนจะแย่งเอาของๆ ข้าไป”

กล่าวจบก็ถลาพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ระหว่างที่ก้มหัวลง จิตใจก็สับสนอลหม่านไปตั้งนานแล้ว

ซูพ่านเอ๋อตบม้าสีดำที่อยู่ล่างเรือนกาย ก่อนหัวเราะเย็นชา “เรื่องราวแบบนี้ในเทียนเหยียนมีตั้งมากโข ท่านพี่จื๋อคงไม่อาจจัดการได้ทุกอย่างหรอก”

“ไม่ต้องสนใจ” ซ่านจินจื๋อยังไม่ทันมองเค้าหน้าของคนผู้นั้นชัด เพียงแต่ประหลาดใจที่เหตุใดม้าที่ขี่จึงว้าวุ่นเพียงนี้ ดึงเชือกบังเหียนเอาไว้ ก่อนเอ่ยอย่างจนปัญญา “รีบกลับไปหน่อยเถิด อีกประเดี๋ยวข้ายังต้องไปแปลงดอกไม้สักเที่ยว”

คนขององค์ชายสามไม่กล้าไล่ตามต่อไป หากแต่ท่ามกลางกลุ่มคน มือข้างหนึ่งพลันดึงกู้อ้าวเวยเดินออกไป

กู้อ้าวเวยซวนเซหนึ่งก้าว จากนั้นก็เห็นใบหน้าดวงนั้นของผิงชวน ก่อนจะดีใจอย่างหาที่สุดไม่ได้

“ตามข้ามา” ผิงชวนจูงนางพาเข้ามายังตรอกแห่งหนึ่ง ใช้เสื้อคลุมสีดำห่อหุ้มนางเอาไว้ และกอดนางสู่อ้อมอกก่อนพาออกจากเทียนเหยียนแห่งนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์