บทที่ 414 วางแผนฟื้นคืนชีพ
ป่าดงพงไพรแน่นขนัด ตอนที่ผิงชวนหวนกลับมา ในห้องกลับไม่มีเงาร่างของกู้อ้าวเวยแล้ว
ส่วนกู้อ้าวเวยรู้เพียงทิศทางคร่าวๆ กลับจำทางตอนขามาไม่ได้ ทำเพียงค่อยๆ ไถลความทางลาดชันลงมาอย่างระแวดระวัง คว้ากิ่งไม้หยาบข้างมือเอาไว้อย่างทุลักทุเล คราวนี้จึงหยุดชะงักลง และป่าเบื้องหน้าก็ดูบางตาลงบ้างแล้ว นางปัดเศษฝุ่นบนมือออก ยกชุดกระโปรงเดินผ่านอย่างระแวดระวัง
นางนึกถึงคราแรกที่ตนมาเก็บเกี่ยวตัวยาสมุนไพรชานเมืองเทียนเหยียนอีกครั้ง ซ่านจินจื๋อยืนมือให้กับนางท่ามกลางฝนตกหนักคราวนั้น และตอนนี้นางเหลียวหลังมองเนินเขาสูงชันแห่งนี้ สิ่งที่พอจะช่วยนางได้ กลับหนีไม่พ้นเครือเถาหยาบหนาเท่านั้นเอง
ทัศนียภาพเบื้องหน้าเปิดกว้าง ทว่าใต้ฝ่าเท้ากลับเป็นหน้าผา
นางหยุดฝีเท้าเอาไว้ไม่มุ่งไปเบื้องหน้าอีก แต่กลับไม่ได้ย้อนกลับ ทำเพียงทอดมองสรรพสิ่งตรงหน้าแน่นิ่ง
แปลงดอกไม้ทั้งแถบล้วนถูกจัดการอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ส่วนท่ามกลางแปลงดอกไม้นี้กลับมีกระท่อมน้อยหนึ่งแห่ง ถูกล้อมรอบเอาไว้ ด้านข้างโต๊ะหินท่ามกลางเรือน กลับมีป้ายหินฝังศพหนึ่งชิ้นตั้งตระหง่านอยู่ มันทำให้กู้อ้าวเวยพยุงต้นไม้ข้างกายโดยสัญชาตญาณ
ถึงแม้จะมองไม่ชัด แต่นางมองเห็นเพียงคนที่อยู่ข้างโต๊ะหินตัวนั้น ก็รู้ทันที นี่คือป้ายหินหน้าหลุมศพของนาง
ซ่านจินจื๋อยังคงสวมอาภรณ์เมื่อครู่ตัวนั้น นั่งอยู่ข้างป้ายหินฝังศพ ในมือยังถือจอกสุราบ๊วยอ่อนหนึ่งแก้ว มองป้ายหลุมศพนั้นพลางพึมพำกับตัวเอง “สถานที่แห่งนี้ช่างเหมาะกับเจ้ายิ่ง”
กล่าวจบ ทำเพียงสาดสุราบ๊วยอ่อนในมือลงบนพื้น ไม่มีการขยับเขยื้อนเนิ่นนาน
กู้อ้าวเวยยืนอยู่บนหน้าผา ผิงชวนวกไปวนมาสองรอบแล้ว ทว่านางกลับไม่ขยับเลยตั้งแต่เริ่มจนจบ
รอถึงแค่พระอาทิตย์คล้อยภูเขาทางทิศตะวันตก ซ่านจินจื๋อจึงจากไปอย่างอ้อยอิ่ง และจากไปในเส้นทางถนนสายเล็กของทุ่งดอกไม้แห่งนี้อย่างนวยนาด คล้ายกับกลัวว่าจะเหยียบย่ำดอกไม้ใบหญ้าข้างเท้า จึงระวังตลอดทาง
รอจนเงาหลังสีดำของซ่านจินจื๋อหายลับไปจากสายตา กู้อ้าวเวยจึงเหลียวมองกลับหลังด้วยอาการจิตใจไม่อยู่กับตัว มุ่งสำรวจบริเวณป่าต่อไป กระทั่งมาถึงปากประตูเมืองเทียนเหยียน ก็เป็นตอนปิดประตูเมืองเสียแล้ว กุ่ยเม่ยเป็นห่วงยิ่งนัก เห็นดวงตาสองข้างของนางไร้แววจึงรีบพานางกลับตำหนักอย่างรวดเร็ว “ได้พบหยุนหว่านบ้างหรือไม่”
“พบแล้ว” กู้อ้าวเวยเรียกสติกลับมา คว้าแขนเสื้อกุ่ยเม่ยเอาไว้อย่างแน่นิ่ง เห็นเขาซวนเซทั่วทั้งร่าง จึงเอ่ยอย่างรวดเร็ว “วางแผนต่อไปเถิด นางจะต้องมาแน่”
“แต่ว่าเพราะอะไรท่านถึงได้จิตใจไม่อยู่กับตัวขนาดนี้” กุ่ยเม่ยพานางพลิกข้ามริมกำแพง ตอนที่โรยตัวลงพื้นยังแตะหน้าผากของนางเบาๆ อีกด้วย
กู้อ้าวเวยเริกแขนของเขาออก ก่อนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เพียงแค่ถูกป่าที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดทำเอามึนก็เท่านั้น”
“เห็นท่านมีท่าทางแบบนี้ กลัวว่าไปที่ป่าไหนก็คงจะหลงทางหมดนั่นแหละ”
กุ่ยเม่ยก็จนปัญญาเช่นกัน ยามปกติตอนที่นางอยู่ในสถานที่ของตระกูลหยุนก็ยังหลงทางเลย จะไม่ทำให้เขาคิดได้อย่างไร
เมื่อย้อนกลับไปในตึกไผ่ชั้นสอง นางปลดหยุนอี้ที่ช่วงเอวลงมา คลำสำรวจอย่างถ้วนถี่ กลับค้นพบว่าตอนที่ตนจากมา คล้ายกับนำทุกอย่างมาด้วย แต่กลับไม่ได้นำเอาสิ่งของใดๆ ที่ซ่านจินจื๋อมอบให้มาด้วยเลยด้วยซ้ำ
เพราะเหตุใด ทั้งที่เขาไม่สนใจตนแล้วแท้ๆ กลับยังต้องไปคารวะหน้าหลุมศพของตนอยู่อีก
นางมักรู้สึกเสมอว่า คล้ายกับไม่เข้าใจทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของซ่านจินจื๋อเลย ความรู้สึกหยั่งรู้ก่อนหน้านั้นคล้ายกับมลายหายไป เทียบกับตอนนี้ นางทำได้เพียงกำฝักดาบของหยุนอี้เอาไว้แน่น เฝ้ารอข่าวคราวของกุ่ยเม่ย
และในทิงเฟิงโหลตอนนี้โกลาหลวุ่นวาย กู้อ้าวเวยหายตัวไปนอกชานเมืองเทียนเหยียน พวกเขากลับไม่สะดวกส่งคนไปแกะรอยตามหาอย่างเปิดเผย หลิ่วเอ๋อถูกส่งไปพบหยุนหว่านเพื่อคิดหาหนทาง จื่อที่ได้ยินอยู่หลังเรือนก็พลันกรีดร้องตกใจ บรรดาแขกเหรื่อต่างทยอยร้องกันขึ้นมา “ทำไมวันนี้ในตึกของพวกเจ้าถึงได้โหวกเหวกเยี่ยงนี้”
“วันนี้มีหลายเรื่องยิ่งนัก รบกวนความพิสมัยของคุณชายแล้ว เป็นความผิดของทางเราทิงเฟิงโหลเอง” จื่อเหมิงรีบหยิบจอกสุราเข้าไปต้อนรับ ทำให้คุณชายท่านนี้มารับความบันเทิงในคราวต่อไปอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...