บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 417

บทที่ 417 หมางเมิน

“เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าไม่อาจพำนักอยู่ในตำหนักองค์ชายสามแห่งนี้ได้อยู่ดี ตามข้าไปพักที่ทิงเฟิงโหล จะไม่ถูกคนพบอย่างแน่นอน” ก่อนจะเปิดประตู หยุนหว่านสวมผ้าคลุมสีดำไปพลาง และกล่าวกับนางแบบนี้ไปพลาง

กู้อ้าวเวยมองไปทางอาคารเล็กชั้นสองไม่ไกลออกไปอย่างค่อนข้างอึดอัด คิดดูแล้วมันก็แค่สูญเสียความพยายามของซ่านเซิ่งหานไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ว่านางก็นึกถึงท่าทีที่วันนั้นเยว่ชิงยืนอยู่หน้าประตู จึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

บางที นางไปจากที่นี่มันจะดีเสียกว่า

แต่ว่าการจากไป นางกลับไม่รู้ว่าจะจับตามองซ่านเซิ่งหานอย่างไร

อย่างไรเสียนับดูแล้ว ซ่านเซิ่งหานกับซ่านจินจื๋อสุดท้ายก็เป็นคนในราชวงศ์ คงไม่อาจบอกเรื่องราวทุกอย่างให้นางฟังจนหมดอย่างแน่นอน อีกอย่างเรื่องของหน้าผาไป๋เฉ่าก่อนหน้านี้ นางก็ไม่อาจเชื่อมั่นซ่านเซิ่งหานได้เต็มอกอีกเด็ดขาด

คล้ายกับมองทะลุถึงความวิตกของนาง หยุนหว่านคว้าลำแขนของนางเบาๆ “ไม่มีเรื่องอะไรที่ศาลาทิงเฟิงสืบข่าวไม่ได้”

“ข้าจะไปบอกพระองค์เสียหน่อย” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ทำสัญญาณมือให้กับชายคาด้านข้าง กุ่ยเม่ยจึงโรยตัวลงมา ถือดาบบนร่างของนางเอาไว้ ยืนมั่นอยู่ข้างลำตัวของหยุนหว่าน

คราวนี้กู้อ้าวเวยจึงไปหาซ่านเซิ่งหานในห้องได้อย่างวางใจ เพียงแต่เวลานี้ ข้างกายซ่านเซิ่งหานยังมีฉางอีฉินผู้อ่อนช้อยนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองเผชิญหน้ากัน กู้อ้าวเวยกลับพูดถึงเรื่องของหยุนหว่านโดยสังเขป และบอกเรื่องที่ตนอาจจะไปพักที่ทิงเฟิงโหลให้รับทราบอีกด้วย

ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจรู้สึกผิดหวังกลายๆ

“แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก หลังจากข้าไปก็จะช่วยเป็นหูตาให้พระองค์ ถ้าหากพระองค์ต้องการ ข้ากลับมาอีกครั้งก็สิ้นเรื่อง” กู้อ้าวเวยรีบร้อนอธิบาย

ดวงตาของฉางอีฉินเป็นประกายเล็กน้อย ซ่านเซิ่งหานรู้ว่าเหตุผลของกู้อ้าวเวยเหมาะควร จึงไม่ขัดขวางอีก

ก่อนจะจากไป กู้อ้าวเวยยังปราดมองฉางอีฉินอีกหลายที ไม่รู้ว่าเหตุใด มักรู้สึกเสมอว่านางแปลกไปจากปกติ

หลังจากตามหยุนหว่านกลับไปทิงเฟิงโหลตลอดทาง ได้ยินแม่นางกลุ่มหนึ่งร้องเรียกตนว่าคุณหนูก็รู้สึกไม่ใคร่คุ้นชินนัก แม้แต่ผิงชวนก็ยังเคารพนบนอบต่อนางและหยุนหว่าน ส่วนที่พักของทั้งสองอยู่ในเรือนด้านหลังทิงเฟิงโหลนี่เอง ที่นั่นส่วนมากเป็นที่พักของบรรดาแม่นางทั้งหลาย ห้องของพวกนางก็อยู่ในนั้นด้วย

หลิ่วเอ๋อและจื่อเหมิงได้ยินข่าวคราวก็ปรนลมหายใจโล่งอก “พวกเรายังคิดว่าเจ้านายไปครั้งนี้คงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว แถมยังส่งคนไม่น้อยออกจากเมืองไปแล้วอีกต่างหาก”

“ที่เจ้าทำนั้นถูกต้องมาก” หยุนหว่านล้วงม้วนหนังสือบันทึกในลิ้นชักออกมา ส่งมันใส่ในมือของกู้อ้าวเวย “ศาลาทิงเฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทุกๆ ครึ่งเดือนจะส่งข่าวคราวมา บันทึกเรื่องราวใต้หล้าไว้แทบทั้งหมด นี่คือสิ่งที่ส่งมาให้ในระยะนี้ ข่าวด่วนจะมีม้าเร็วมาส่ง ไม่ต้องเป็นห่วง”

กู้อ้าวเวยพยักหน้า หอบสมุดบันทึกเริ่มเปิดอ่าน และก็ไม่สนใจหยุหว่านอีกเลย

ส่วนหลิ่วเอ๋อและจื่อเหมิงต่างมองหยุนหว่านอย่างซับซ้อนยิ่งนัก หยุนหว่านไม่เข้าใจความหายของพวกนาง ทว่ากระทั่งสามวันให้หลัง หยุนหว่านรู้สึกเพียงว่าเริ่มสำนึกผิดขึ้นมา

ถึงจะบอกว่ากู้อ้าวเวยเป็นสายเลือดผู้สืบทอดของนาง แต่เมื่อเทียบแล้วนางเป็นกังวลกว่าหยุนหว่านมาก นางแทบจะอ่านทั้งวันทั้งคืน นอนเพียงสองสามชั่วยามก็ลุกขึ้นมา หากไม่พลิกอ่านสมุดบันทึกในมือ ก็ต้องคอยตามตัวหลิ่วเอ๋อกับจื่อเหมิง รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับศาลาทิงเฟิงอย่างตั้งใจ ช่วงพักช่วงเดียวก็แค่หลังเที่ยง พักสักแปบยังสามารถไปสอนเหล่าแม่นางในตึกร่ำเรียนอักษรได้อีก

หยุนหว่านไม่มีกระทั่งโอกาสพูดจาด้วย ด้วยเหตุนี้ กุ่ยเม่ยที่ฝึกวิทยายุทธ์ให้เหล่าเด็กน้อยจึงทำเพียงเอ่ยเสียงทุ้ม “ฮูหยิน นางก็เป็นพวกรนหาเรื่อง หากท่านอยากให้นางว่าง ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะกินข้าวดีๆ สักมื้อหน่อยสิ” หยุนหว่านเพียงส่ายหน้าต่อไป ความละอายใจที่นางมีต่อกู้อ้าวเวยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ซ้ำยังไม่สะดวกเอ่ยปากห้ามอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์