บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 442

บทที่ 442 กิจการงานความสำเร็จและหญิงงาม

พอเมื่อซ่านเซิ่งหานได้รู้ว่าทั้งสองคนต้องไปตกระกำลำบากอยู่ด้านล่างคลองลั่วส่วย เพียงแค่ส่งตำรับยามาตำรับหนึ่ง เขาก็ตบโต๊ะผุดตัวลุกขึ้นด้วยความโมโหในตอนนั้น สายตาที่โกรธจัดมีเปลวเพลิงกำลังก่อตัวลุกไหม้มองไปที่นายกองผู้ช่วยไม่กี่คนนั้น “พระวรกายของฝ่าบาทมีค่าเหลือคณานับ ไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร! พวกเจ้านี่คอยดูกันอย่างไรเนี่ย!”

 คนจำนวนนั้นในใจต่างพลอยรู้สึกหงุดหงิด แต่ไม่กล้าปริปากพูดอะไร นั่นก็เพราะว่าเทพแห่งสงครามอ๋องจิ้ง ใครที่กล้าขวางทางไม่ใช่ว่ากำลังรนหาที่ตายหรอกหรือ 

“พระองค์อย่าได้ร้อนพระทัย พวกกระหม่อมได้เอาทั้งอาหารและน้ำดื่มโยนลงไป ผ่านไปสักสองวันค่อยสั่งให้คนเอายาถอนพิษลงไปด้วย”เยว่ที่อยู่ข้าง ๆ รีบพูดขึ้น ด้วยเกรงว่าปากของซ่านเซิ่งหานจะสบถหยูนเฉินสองคำนี้ออกมา

นายกองชั้นสูงที่เกี่ยวข้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าซ่านเซิ่งหานจะต้องโมโห เพียงแค่เงียบปากเอาไว้สนิทไม่กล้าพูดอะไรออกไป   

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่านเซิ่งหานถึงได้สงบลง แก้ไขปัญหาที่อยู่ในมือด้วยความสงบเยือกเย็น แล้วก็นั่งลงด้วยความไม่พอใจ “ถ้าหากว่าสถานะของนางเปิดเผยออกมา……”

“นางเป็นผู้ปราดเปรื่องมาโดยเสมอ”เยว่รีบปลอบโยน

แต่ในเพลานี้ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มลง กู้อ้าวเวยก็ได้อ้าปากงาบเข้าที่แผ่นแป้งสองชิ้นที่ถูกโยนลงมาไปจนหมดเกลี้ยง แล้วก็ดื่มน้ำเข้าไปอีกหลายอึก และรู้สึกยินดีที่ว่าเตียงภายในบ้านที่เก่าทรุดโทรมผุพังยังไม่ยุบพังเสียหายไปเสียก่อน

เพียงแต่ในตอนที่มองเห็นซ่านจินจื๋อได้ปีนขึ้นมาถึงได้ชะงักงันลงไปเล็กน้อย ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้น “ท่านอ๋องมีพระวรกายที่มีค่าเหลือประมาณ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจะลงไปนอนที่พื้นเอง”  

ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ยกมือขึ้นทัดทานท่าทีของนางที่จะลงจากเตียง “ไม่จำเป็น ภายในหุบเขาตอนกลางคืนเหน็บหนาวเยือกเย็น มิหนำซ้ำทั้งเจ้าและข้าต่างก็เป็นบุรุษ มีอะไรน่ากลัวกันเสียที่ไหน”  

รู้สึกสำลักอยู่ครู่หนึ่ง กู้อ้าวเวยได้คิดไปคิดมา เพียงแค่ดึงเสื้อผ้าบนร่างกาย ถึงยังไงก็แล้วแต่ทั้งสองคนก็นอนด้วยกันมาไม่รู้กี่ปี จะต้องมากังวลกับอีแค่ไม่กี่วันไปทำไม จึงได้ล้มตัวลงอย่างง่าย ๆ ไม่ได้ใส่ใจท่านอ๋องที่อยู่ด้านหลัง ปิดตาเตรียมดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา

ในคืนนี้ ทั้งสองคนนอนหันหลังให้กัน เสื้อคลุมของซ่านจินจื๋อได้ห่มร่างของทั้งสองคนเอาไว้  

ภายในจมูกล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยมักจะนอนหลับได้ยาก จนกระทั่งในวันที่สองที่ซ่านจินจื๋อได้ลุกขึ้นแล้วออกไป นางถึงได้หลับลงได้สนิท  

จนถึงตอนที่ซ่านจินจื๋อได้เอาทั้งอาหารและน้ำดื่มกลับมาในตอนนั้น ก็มองเห็นนางหลับโดยที่ไม่มีอะไรป้องกัน คิดไม่ถึงว่าจะใช้เสื้อคลุมของเขาพันตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา ยิ่งทำให้เขาคิดถึงกู้อ้าวเวย และได้นั่งลงที่ขอบเตียงดื่มน้ำไปหลายอึก พลันค่อย ๆ เหม่อลอย

กู้อ้าวเวยและหยูนเฉินเหมือนกันเช่นนี้ เขารู้สึกว่าจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อยู่บ้าง   ไม่ว่าหยูนเฉินจะอยู่ในท้องพระโรงคอยต่อปากต่อคำกับเขา หรือว่าในวันนั้นที่อยู่ในร้านเห้าเทียนที่เถียงคำไม่ตกฟาก มีบางทีที่มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้คนบนโลกใบนี้ผุดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับกู้อ้าวเวย ทำให้เขารวดร้าวไปทั้งทรวง

ความคิดล่องลอยไปไกลแสนไกล เวลาที่เหม่อลอยอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ยากลำบากสักเท่าใด   เพียงแค่รอให้เขาได้รู้สึกตัวขึ้นว่าตัวเองไม่ได้นิยมชมชอบผู้ชาย กู้อ้าวเวยก็ได้ลุกขึ้นมาตั้งนานแล้ว นั่งกินแผ่นแป้งใหญ่ ๆ อยู่บนเตียง จ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ “ถ้าหากว่าท่านอ๋องทนอยู่ว่าง ๆ ไม่ไหว รออีกครู่เสด็จไปทอดพระเนตรดูที่อื่นกับข้าดีกว่าไหม”  

“ที่นี่มันมีอะไรน่าดูกันเสียที่ไหน” ซ่านจินจื๋อเก็บสำรวมท่าทีของตนเองลง  ไอกระแอมเบา ๆ ขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ

“พอถึงเวลาถ้าหากว่าจะต้องไปจากตรงนี้จริง ๆ ยังไงก็ต้องดูสถานการณ์บึงของตรงนี้”กู้อ้าวเวยลุกขึ้นจากเตียง บีบนวดตามแข้งขาและข้อมือที่รู้สึกปวด พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “อีกทั้ง ทางที่ไปขึ้นเขาไม่แน่เสมอไปว่าจะอยู่ในที่ที่มีพิษ ท่านผู้บุกเบิกผู้นั้นเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้ามานี้ก็ไม่ได้อยู่ในบ้านนานสักเท่าใด น่าจะมีที่พำนักที่อื่นอีก”

“ยังไงกัน?”ซ่านจินจื๋อถือดาบเดินตามฝีเท้าของนาง

 หยูนเฉินและกู้อ้าวเวยช่างเหมือนกันอย่างแท้จริง มักจะทำให้คนอดไม่ได้ที่จะฟังพวกนางออกคำสั่ง  

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์