บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 465

บทที่ 465 ด่านลั่วสุ่ย

ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกัน ซ่านจินจื๋อดูเหมือนจะถูกซ่านเซิ่งหานกดความดีความชอบ แต่ดูจากตอนนี้ทั้งคู่ฝีมือพอๆกัน

ทันทีที่เมืองชี่แตก ซ่านจินจื๋อก็เข้ายึดแคว้นเจียงเยี่ยนสือฉวีเพื่อแย่งคุณูปการส่วนคลองลั่วส่วยถ้าวันหลังแก้ปัญหาได้ ในอนาคตแม้แคว้นเจียงเยี่ยนจะมารุกราน ตัดคูเมืองอีกที่นี่ก็จะกลายเป็นสถานที่ป้องกัน,  ลำเลียงเสบียงเป็นเพียงแค่ความต้องการ ณ ปัจจุบัน, ในอนาคตทำกำแพงเมืองก็จะเป็นด่านนึงของชางหลาน

“ด่านลั่วสุ่ยสร้างเสร็จ คุณงามความดีก็จะอยู่ไปพันปี”

ซ่านจินจื๋อพูดเสียงต่ำแต่คมมีดที่อยู่ตรงเอวก็ออกมาจากปลอกอย่างฉับพลัน

ป้าร้องตกใจล้มลงไปอยู่ที่พื้นแต่ก็เห็นกู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาจับข้อมือเขาไว้ “ป้าผู้นี้รู้เรื่องเยอะ เอานางไว้ข้างกายข้าก็ได้”

“ใจอ่อนเช่นสตรี”ความตั้งใจฆ่าที่อยู่ในตาของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยตกใจอยู่หน่อยๆเพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศมาทางด้านหลัง เอวก็ถูกคนรวบโอบไว้ทันที เลือดอุ่นๆแทบจะโดนหน้า เธอตกใจหลับตาตัวสั่น

ร่างของป้าก็กระทบกับพื้นอย่างแรง มีดเล็กที่อยู่ในมือก็ตกเคล้งลงที่พื้น

ตอนที่กู้อ้าวเวยค่อยๆลืมตา ทหารสองสามคนก็เดินเข้ามาหามป้าออกไป สติเธอยังไม่ทันได้กลับมาแต่ซ่านจินจื๋อก้มหัวลงมาก็รู้สึกถึงร่างกายเล็กๆของนางก็ตกใจเล็กน้อย จนกระทั่งคนเก็บกวาดเลือดที่พื้นจนสะอาดถึงจะพูดว่า “เจ้าจะแอบอยู่ในอ้อมแขนข้าอีกนานเท่าไหร่”

คนที่อยู่ในอ้อมแขนก็ตัวแข็ง ครั้งนี้กู้อ้าวเวยจึงเงยหน้ามองแต่ก็เงียบกริบไม่พูดอะไร

ซ่านจินจื๋อกลับคิดว่านางกลัว คิดอย่างรอบคอบว่าคนตรงหน้าอย่างไรก็ตามยังเป็นผู้หญิงจึงลดเสียงลงพูดว่า “องค์ชายสามปกป้องเจ้าอย่างไรถึงได้ปกป้องเจ้าอย่างไร้เดียงสาเช่นนี้”

“ข้าตาลายไปกับโชคที่คิดว่าบนโลกนี้มีแต่คนใจดี” กู้อ้าวเวยผละออกจากอ้อมแขนซ่านจินจื๋อใช้นิ้วเคาะคางด้วยความหงุดหงิดแล้วพลางชำเลืองมองซ่านจินจื๋อ “เมื่อกี้ต้องขอบคุณท่านอ๋องมาก วันหลังข้าจะไม่เชื่อคนง่ายเช่นนั้นเด็ดขาด”

“อืม”ซ่านจินจื๋อพยักหน้า “ในเมืองยังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ เรื่องส่งคนย้ายไปเมืองกวนผิงต้องใช้เวลาครึ่งเดือน ช่วงวันเวลาพวกนี้จะสั่งให้คนติดตามเจ้า เจ้าสามารถเดินไปมาระหว่างพวกเขาได้….”

“ครึ่งเดือนนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ เรื่องคลองลั่วส่วยข้าจะไม่บอกองค์ชายสาม ขอให้ท่านอ๋องอนุญาต” กู้อ้าวเวยดึงสติกลับคืนมา

ตอนนี้แคว้นเจียงเยี่ยนสือฉวีถูกยึดแล้ว ในแคว้นเจียงเยี่ยนจะต้องวุ่นวายพอผ่านไปอีกสองสามวันเมืองชี่ก็น่าจะถูกทหารม้าสองกองล้อมไว้เพื่อตัดเสบียงพวกเขา ในเวลาเดือนครึ่งก็จะล้อมหมด แต่นางต้องการเจรจาธุรกิจกับแคว้นเจียงเยี่ยนแล้วได้รับความไว้วางใจ

กู้อ้าวเวยไม่สามารถนั่งรอความตายแม้อยากปฏิบัติดีๆกับเหล่าทาสพวกนี้แล้วก็เผยแพร่ชื่อเสียงออกไป เมื่อถึงตอนนั้นก็พอจะกระตุ้นความโกรธจากทาสแคว้นเจียงเยี่ยน ซึ่งอาจทำให้เกิดการปฏิวัติ เปลี่ยนราชวงศ์ได้ แต่จะทำยังไงให้ชางหลานไม่ส่งทหารเข้าไปตีแคว้นเจียงเยี่ยนนั่นเป็นเรื่องที่ค่อยคิดภายหลัง

ตอนแรกคิดว่าตนเองจะพอรับมือเขาได้แต่ก็ฟังซ่านจินจื๋อพูดเสียงต่ำว่า “ในเมื่อข้างอยากสร้างความสัมพันธ์กับเจ้า ข้าก็ต้องเชื่อเจ้า อย่าทำให้ข้าผิดหวังหล่ะ”

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”กู้อ้าวเวยรีบเปิดม่านออกแล้วจากไป ตอนที่จะไปเฉิงซานก็ส่งป้ายชื่อสลักคำว่าจิ้งให้นางพร้อมทั้งม้าตัวหนึ่งให้นางจากไป

เดิมทีจะส่งคนมาปกป้องยามดึกแต่กู้อ้าวเวยยืนกรานจะไปคนเดียว

กู้อ้าวเวยในชุดคลุมสีดำหายเข้าไปในป่ามืด เสียงของสัตว์ป่าลอยมาตามลมแต่นางก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

ซ่านจินจื๋อมองดูร่างของนางอยู่บนประตูเมืองก็กลับนึกถึงกู้อ้าวเวยขึ้นมาถ้าบอกว่าหยูนเฉินเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญแต่ถ้ากู้อ้าวเวยมาที่ด่านชายแดนแห่งนี้ก็น่าจะมีความกล้าหาญเช่นนี้

พี่น้องคู่นี้ยิ่งเหมือนกันขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งสายลมเย็นปะทะร่างกาย ความอันตรายในสายตาของซ่านจินจื๋อก็ค่อยๆก่อตัวขึ้น

“เฉิงซาน เจ้ารู้สึกไหมว่านางเหมือนกับกู้อ้าวเวยเกินไป”

“แต่พระชายาได้พักผ่อนอย่างเป็นสุขแล้ว หยูนเฉินก็เป็นผู้หญิงก็ควรจะมีส่วนที่เหมือนพระชายาอยู่……”เมื่อเฉิงซานพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์