สรุปตอน ตอนที่ 52 ข้อเสนอของซูพ่านเอ๋อ – จากเรื่อง บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่
ตอน ตอนที่ 52 ข้อเสนอของซูพ่านเอ๋อ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง บุบผาร้อยเสน่ห์ โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 52 ข้อเสนอของซูพ่านเอ๋อ
ยามอรุณมาถึงกู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด
แผ่นหลังที่พิงแนบกับหินก้อนใหญ่เริ่มรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเหน็บหนาว เสื้อผ้าที่ปกคลุมใบหน้าก็ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างยามเช้าพร้อมกับผมเผ้ายุ่งเหยิงคลอเคลียบนใบหน้า แต่นางไม่มีเวลามาใส่ใจนางเพียงแค่นั่งกุมหน้าอกพิงหินต่อไป
ด้วยอาการมวนท้องนางจึงทนต่อไปไม่ไหวจนต้องประคองตัวลุกขึ้นยืน
และสำรอกเลือดออกมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าอาการเจ็บปวดตรงต้นคอจะกำเริบขึ้นและมีเลือดไหลซึมอออกมาอีกเมื่อไร
นางนั้นค่อยๆนำของที่พกติดตัวมาเช็ดตัวและนำมาพันคอไว้เพื่อป้องกันอาการเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นและคร่าชีวิตนางไป
“ต้นหญ้าเหินนั้นใช้ได้ผลจริงๆ” กู้อ้าวเวยนวดหน้าอกเบาๆความเจ็บปวดก็หายไป นางไม่อยากจะอยู่ตรงนี้ที่นี่นานนักจึงกลับไปทางเดิม และไม่ได้สังเกตเห็นถึงซ่านเชิ้งหานที่ยืนอยู่ไม่ไกลสักนิด
เย่วชิงที่ตามหลังกู้อ้าวเวยก็ได้เก็บต้นหญ้าเหินมาเช่นกันและกลับไปยืนข้างกายซ่านเชิ้งหานอีกครั้ง “หญ้านี้มีพิษ และเมื่อกี้นี้พระชายาจิ้งก็....”
ซ่านเชิ้งหานยกมือห้ามไม่ให้นางพูดต่อและตามหลังกู้อ้าวเวยต่อไป
กู้อ้าวเวยนั้นเดินช้ากลับระมัดระวังซ่อนตัวจากชาวบ้านที่ขึ้นเขามาเก็บยาสมุนไพรนางเดินมาเรื่อย ๆจนมาถึงประตูเมืองในยามสายเหงื่อนั้นไหลราวกับห่าฝน
ผู้รักษาประตูเมืองในเวลานี้มีไม่มากนัก ทว่ากู้อ้าวเวยก็ยังดึงผ้าคลุมมาปกปิด แต่ผู้รักษาประตูเมืองก็ยกมือขึ้นขวางนางไว้และทำความเคารพท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย “พระชายาจิ้ง ได้โปรดรอพระบัญชาจากอ๋องจิ้ง”
ข้างหลังมีผู้ส่งสาสน์รีบตำหนักอ๋องจิ้งที่เมืองเทียนเหยียน
กู้อ้าวเวยตกใจเป็นอย่างมากและยิ่งดึงผ้าคลุมปิดมิดชิดขึ้นไปอีก จ้องมองไปยังทหารรักษาประตูเมืองตรงหน้า “ซ่านจินจื๋อไม่อยากให้ข้าออกจากเมืองขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“แม้ว่าพระชายาจิ้งทรงไม่ประสงค์ที่จะเอ่ยนามของอ๋องจิ้งโดยตรงแต่พระชายาจิ้งได้โปรดสนพระทัยด้วย” เหล่าทหารยืนตรงคำพูดเรียบนิ่งแต่น่าเสียดายในแววตาคู่นั้นกลับไม่มีแม้แต่ความเคารพ แม้กระทั่งทหารสองคนข้างหลังก็ยกปืนยาวในมือมาไขว้ขวางนางไว้
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของซ่านเชิ้งหาน เพียงแค่ตามเย่วชิงจากประตูเมืองไม่รีบไม่ร้อนเข้าไป กู้อ้าวเวยจึงถือโอกาสไปนั่งอยู่ในมุมข้างๆ ใช้ผ้าคลุมปกคลุมใบหน้าทั้งหมดไว้นั่งกอดขาทั้งสองข้างจนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นซ่านเชิ้งหาน
“เย่วชิง เจ้าว่าเพราะเหตุใดพระชายาจิ้งถึงได้ระมัดระวังตัวเช่นนี้?” ซ่านเชิ้งหานที่อยู่อีกมุมนึงด้านหน้ามองมายังกู้อ้าวเวยที่นั่งขดตัวอยู่อีกมุมอย่างสนอกสนใจ
“ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ แต่พระชายาจิ้งนั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ในเมื่อนางสามารถช่วยชีวิตองค์ชายสี่จากคอกม้าได้หรือแม้กระทั่งทำให้โรคเรื้อรังหายไปไม่หลงเหลือเลย เพียงเท่านี้เพียงเท่านี้ ข้าก็คิดว่าควรที่กำจัดนางทิ้ง” สายตาของเย่วชิงเย็นเยียบขึ้นมาฉับพลันพลางหันกลับไปมองสายตาอันไม่เป็นมิตรของกู้อ้าวเวย
“แต่ข้ากลับไม่คิดแบบนั้น” ซ่านเชิ้งหานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เย่วชิงหันหลังกลับไปมองและกลับมายิ้มเหมือนปกติทุกวัน
ซ่านจินจื๋อที่กำลังรับประทานอาหารพอทราบเรื่องก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “นางเพียงแค่อยากก่อกวนข้า!”
“ท่านพี่จื๋อใจเย็นก่อนเถิด พี่อ้าวเวยเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป ถ้าอยากให้พี่อ้าวเวยไม่วุ่นวายละก็เรียกคนที่บ้านของนางมาควบคุมนางดีหรือไม่เจ้าคะ” ซูพ่านเอ๋อไม่มีทางเลือกจึงได้เติมแกงอีกชามให้แก่เขา นางช่างฉลาดยิ่งนัก
“แค่ให้ออกจากเมืองทำไมท่านลุงต้องโมโหขนาดนี้เล่า?” ซ่านเซียนหยวนไม่เข้าใจ
“หยวนเอ๋อ พระชายากับข้านั้นมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเรื่องที่ออกจากเมืองก็เป็นความต้องการของข้า ถ้าหากว่านางนั้นหนีไปแล้วอาการป่วยของพ่านเอ๋อละจะทำเยี่ยงไร?” ซ่านจินจื๋อถอนหายใจทำได้เพียงแค่โบกมือเรียกเฉิงซาน
“ท่านพี่จื๋อทำไมไม่พาน้องสาวของนางเข้าตำหนักอ๋องเพื่อควบคุมละเจ้าคะ?” มีท่านอาจารย์บอกว่าถ้าหากท่านพี่จื๋อต้องการที่จะดึงคนมาเป็นพวกก็ต้องก็ต้องทำในสิ่งที่ทั้งอ่อนโยนและแข็งกล้าไปพร้อมๆกัน ท่านพี่จื๋อยังปล่อยให้ทำความผิดแบบนี้ต่อก็ต้องเพิ่มความแข็งกร้าวให้มากขึ้น” ซูพานเอ๋อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ยิ่งให้กู้อ้าวเวยออกไปข้างนอกมาเพียงใดก็ยิ่งทำให้นางรู้จักกับผู้คนมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ซูพานเอ๋อพยายามอย่างหนักที่จะให้ท่านพี่จื๋อนั้นขับไล่นางออกไปจากโดยไว หารู้ไม่ครั้งนี้ที่นางออกไปจะไปกระตุ้นคุณชายในสำนักเยียนหยู่เก๋อยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่านจินจื๋อที่อนุญาตให้นางออกไปข้างนอกตั้งเสียหลายครั้ง
คิดๆดูแล้วก็ยังดีกว่าปล่อยให้กู้อ้าวเวยเป็นเสี้ยนหนามที่มองไม่เห็น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ซ่านจินจื๋อตกตะลึงและมองไปทางนาง “พ่านเอ๋อ ข้าจะแพ้ให้เจ้าเสียอีกกี่ครั้ง แค่กู้อ้าวเวยก็เพียงพอแล้ว”
“พ่านเอ๋อรับรู้ได้ถึงน้ำใจของท่านพี่จื๋ออยู่แล้ว เพียงแค่...พ่านเอ๋อก็คิดถึงท่านพี่จื๋ออยู่ตลอด ขอเพียงแต่ท่านพี่จื๋อมีใจให้ข้าเพียงคนเดียว พ่านเอ๋อจะไม่ถือสาสักคนในตำหนัก เพียงแค่ท่านพี่จื๋อลดความกลัดกลุ้มลงไปบ้างก็พอ”
ทันใดนั้นกรอบตาของซูพ่านเอ๋อก็แดงขึ้น โผเข้าสู่อ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ เกาะกอดเขาจนแน่น
มองคนความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณของคนในอ้อมกอดยังเสนอข้อคิดเห็นให้เอาอีก ในนั้นยิ่งเจ็บปวดเข้าไปอีกเขาทำได้แค่กอดให้แน่นขึ้นแต่ไม่ได้พูดตอบรับออกมา
หากกู้จี้เหยาสามารถพันธนาการกู้อ้าวเวยเอาไว้ที่ตำหนักอ๋องได้ก็ยังพอนับได้ว่าเป็นแผนการที่ดี
ณ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มครึ้มฟ้าครึ้มฝนและตกลงมาปรอย ๆแล้ว กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ข้างหน้าต่างดื่มยาเพียงคนเดียว ดวงตาสองข้างจ้องกระดิ่งเหล็กใบเล็กในมือนิ่ง
รอยร้าวบนกระดิ่งเหล็กนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...