บทที่544 ชดเชยให้เจ้า – ตอนที่ต้องอ่านของ บุบผาร้อยเสน่ห์
ตอนนี้ของ บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่544 ชดเชยให้เจ้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่544 ชดเชยให้เจ้า
“รากที่แท้จริงของต้นไม้นี้อยู่ห่างออกไปมากกว่า10ฟุต ในหนึ่งวันไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนที่จะปีนขึ้นไปหนึ่งนิ้ว เพื่อหารอยแตกร้าวของหินปูน แล้วก็ไม่รู้ว่าต้องใช้แรงมากเพียงใดที่จะแยกรอยแตกร้าวที่กระจัดกระจายไปทั่วได้ ตั้งแต่นั้นมาก็เห็นแสงสว่าง”
เสียงของชิงต้ายกลับเลือนรางและแผ่วเบาลงในที่สุด
นางเคยเล่าเรื่องต้นไม้แห่งนี้และยังจำได้ว่าตอนนั้นนางเพิ่งจะมาที่นี่ด้วยสภาพที่สิ้นหวังในความไม่คุ้นเคยในชีวิตคน ต้นไม้ต้นนี้เป็นแรงบัลดาลใจให้นางเผชิญหน้ากับมัน
กระดูกมนุษย์และกระดาษสีเหลืองยังคงโบยบินอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน กระดูกมนุษย์และกระดาษสีเหลืองเหล่านี้ทำให้ต้นไม้ที่สูงตระหง่านไม่สามารถแตกกิ่งก้านได้เพราะมีเถ้าถ่านจำนวนมากไปกดทับอยู่บนรากไม้และยังทำให้มีกลิ่นของยา
แม้ว่าตอนนี้จะมีกลิ่นจางๆแต่ว่านางก็ยังได้กลิ่น
หากครั้งหนึ่งนางเคยกินยาที่อยู่ใต้ดินนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่สามารถมีลูกได้
จะว่าไป ซ่านจินจื๋อก็ไม่เชื่อนางตั้งแต่แรก จนกระทั่งนำกระดาษสีเหลืองเพื่อไล่ผี
ความฝันนี้โบยบินไปอีกครั้ง ตั้งแต่จังหวะการเต้นของหัวใจในคืนวันแต่งงานไปจนถึงแสงแดดที่สาดส่องก่อนจะหลับไป เมื่อพิจารณาดูแล้วมันทุกข์ทรมานมากกว่าที่อบอุ่นและแทบจะไม่ได้ผ่อนคลายเลยซึ่งมันทำให้นางวิตกกังวล
ซ่านจินจื๋อนั่งรอนางตื่นขึ้นมาที่ขอบเตียงอย่างกังวล
“เจ้าตื่นแล้ว?” ปลายนิ้วของซ่านจินจื๋อวางลงบนแก้มของนางอย่างไม่แน่ใจ
“ข้าหลับไปนานเท่าไหร่?” กู้อ้าวเวยหลับตาอีกครั้งและเสียงสั่นเครือ
“สองวันเต็มๆ” ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างๆหูของนางแล้วก้มตัวลง “ข้าขอโทษ”
กู้อ้าวเวยขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงหลังจากที่แยกแยะความคิดในใจอย่างละเอียดแล้ว จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้น “แม้ว่าข้าจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องในอดีต แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่าในเวลานั้นเจ้าจะเกลียดข้าได้ถึงเพียงนี้ เพื่อให้ท่านชายที่เคยชื่นชมข้าได้ลิ้มลอง...”
“ข้าขอโทษ” ซ่านจินจื๋อพูดซ้ำอีกครั้ง
“ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความคิดที่สกปรกเช่นนี้ ข้าเสียใจที่ให้ชิงจือไปกับเจ้า” กู้อ้าวเวยหันหัวเล็กน้อยแล้วเบี่ยงปลายนิ้วของเขาออก “สิ่งที่เจ้าทำ มันบ่งบอกว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร”
ซ่านจินจื๋อกลับเพียงมองไปนางอย่างเงียบๆ
ในช่วงเวลาหลายสิบปีของเขา เขาไม่เคยรู้จักการยับยั้งชั่งใจ
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะมองข้าต่อจากนี้ได้หรือไม่?” ซ่านจินจื๋อดึงมือแข็งทื่อของเขาออกไป “ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้าไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ มีคนอยู่ข้างหลังคอยแก้ปัญหาให้ข้าเสมอ ข้ามักจะทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
“แม้ว่าข้าจะรู้สึกเสียใจต่อเจ้ามาก แต่ข้าก็ยังอยากที่จะคู่ควรกับเจ้า”
“ได้โปรดมองข้า”
สายตาของกู้อ้าวเวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เห็นได้ชัดว่าเจ้าทำผิด ตอนนี้ต่อหน้าข้า เจ้ายังแสร้งทำเป็นน่าสงสาร? ข้าอยากจะตีเจ้าจริงๆ”
ด้วยความขบขันกับสิ่งที่นางพูด ซ่านจินจื๋อเพียงแค่ปีนขึ้นไปบนขอบเตียงด้วยความขี้โกงเขากอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา “ข้าทำเรื่องไม่ดีมามากมาย ข้าเพียงต้องการจะอยู่ข้างกายเจ้าเช่นนี้”
“ข้าโกรธมาก” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเพื่อผลักเขาลงไป แต่กลับพบว่ามือทั้งสองข้างของตนไร้เรี่ยวแรง
“แน่นอน เจ้าควรจะโกรธ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าร่างกายของเจ้าถึงขีดจำกัดแล้ว”
นางวางนิ้วบนฝ่ามือ ส่วนมืออีกข้างของซ่านจินจื๋อนวดต้นขาของนางเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่เพียงแต่เป็นภาระทางร่างกาย แต่ยังรวมถึงหัวใจด้วย”
ผิงชวนมองซ่านจินจื๋อด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ดึงมือกลับมา
มีเพียงแต่ซ่านจินจื๋อเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ทำเรื่องผิดกับซู๋ฮองเฮาเพราะในเวลานั้นนางเชื่อคำพูดของซูพ่านเอ๋อ จึงคิดว่าสิ่งที่กู้อ้าวเวยต้องการคือทรัพย์สมบัติของตนเอง นางจึงเกลียดกู้อ้าวเวยมาก
แต่เขากลับไม่เคยขอให้ซู๋ฮองเฮาทำเรื่องนี้
เพียงเพราะในเวลานั้น เขาค้นพบแล้วว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อกู้อ้าวเวยนั้นแตกต่าง
กู้อ้าวเวยกลับมาพร้อมรอยยิ้มเสมอเมื่อเข้าไปในวัง ในตอนนั้นเขาแสร้งทำเป็นเห็นนางอยู่ในสายตาและนางก็ถูกโจมตีอย่างหนัก หากตอนนี้นางรู้ว่าคนที่เปรียบเสมือนย่าทำกับนางเช่นนี้ นางจะรู้สึกอย่างไร?
ซ่านจินจื๋อไม่กล้าที่จะเดิมพัน
เขาเดินไปรอบๆเมืองเทียนเหยียนราวกับแมลงวันหัวขาด และในที่สุดก็พบนางในโรงหมอโหย่วเว่ย
นางสวมชุดที่สง่างามและเท้าหนึ่งข้างของนางถูกห่อหุ้มด้วยผ้าเนื้อดี ดวงตาของนางแดงก่ำและชิงจือที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างทุกข์ใจก็หยิบผ้าคลุมมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง
“เจ้าไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้า” กู้อ้าวเวยบีบนิ้วไว้แน่นแล้วสบตาเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำและไม่ลืมเช็ดน้ำตาบนใบหน้า
“ข้าผิดไปแล้ว” ซ่านจินจื๋อยังคงเดินไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าลงและมองไปที่เท้าที่เพิ่งได้รับการรักษา จากนั้นกระซิบว่า “เจ้าจะตีจะด่าข้ายังไงก็ได้”
“ข้าจะกล้าดียังไง” กู้อ้าวเวยตะคอกแล้วยังถอยเท้าของตนเองกลับไป
“ตราบที่เจ้าต้องการ เจ้าจะแทงข้าด้วยมีดกี่ครั้งก็ย่อมได้” ซ่านจินจื๋อจับมือแล้วมองลึกเข้าไปข้างในดวงตาของนาง “ข้าทำร้ายเจ้ามาตลอด เจ้าบอกว่าจะแก้แค้นแต่เจ้ากลับไม่เคยทำร้ายข้าเลยจริงๆ”
“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องการให้ข้าเห็นน้ำตาของเจ้า” ซ่านจินจื๋อวางมือทั้งสองข้างไว้บนฝ่ามือของนางแล้วกระซิบว่า “ข้าจะใช้ชีวิตนี้ชดเชยให้กับเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...