บทที่ 560 ความหวาดกลัว
วิ่งด้วยความเร็ว
ไม่อาจหยุดลงได้
ในสมองมีเพียงศัพท์สองคำนี้วกไปวนมา เดินออกมาจากป่าที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้เช่นนี้ เบื้องหน้าแทบจะมืดมนทั้งแถบ รอยฟกช้ำและแรงกระแทกทั้งร่างล้วนมึนชา หากไม่ใช่แสงสีขาวรำไรบนฟากฟ้า นางคงคิดไปว่าราตรีนี้ไม่อาจผ่านพ้นไปได้ตลอดกาล
เสียงฝีเท้าด้านหลังค่อย ๆ ใกล้เข้ามา
รอป่าไม้เบื้องหน้าหายลับไปในเสี้ยวแสง ภาพการมองเห็นเบื้องหน้าสะท้อนสู่รูม่านตา เสียงน้ำไหลลอยกระทบโสตหู
ความเย็นวาบบนลำคอก็ทำลายความหวังเสี้ยวสุดท้ายอันน้อยนิดในใจของกู้อ้าวเวยลง
“ท่านนี่วิ่งได้ดีจริง ๆ สินะ” เสียงหัวเราะหยันของอ้ายซู่จือลอยมาจากด้านหลัง เดิมเขาคิดจะฆ่ากู้อ้าวเวยเสีย ทว่าตอนนี้กลับจับพลัดจับผลูบังเอิญพบหยุนหว่านเข้า รู้สึกเพียงแต่ว่าแสนโชคดี “หยุนหว่านฮูหยิน คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมีชีวิตอยู่รอดยืนยาวมาจนถึงยี่สิบปี”
หัวใจของกู้อ้าวเวยแทบจะกระโดดออกมาจากในลำคอ สองขาโรยแรง
แต่นางยังคงขบกรามแน่น ไม่เอ่ยถ้อยคำใด ครุ่นคิดเพียงแต่เส้นทางไหนกันแน่จะทำให้นางหนีออกไปได้
เช่นเดียวกับเมื่อก่อน ยามที่อันตรายมาเยือนไม่อาจตื่นตระหนก และยิ่งไม่อาจคิดจะพึ่งพาพลังของใครได้เลย
มีเพียงตนเองเท่านั้นที่จะพึ่งพาได้
อ้ายซู่จือเริ่มใจร้อนผลักดาบเงินไปด้านในอีกหนึ่งเสี้ยว “ขอเพียงฮูหยินยินดีตามพวกเรากลับไป หรือไม่ก็นำสูตรยาออกมา ก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป”
คนเบื้องหน้าไม่ได้เอ่ยคำใด ๆ เลยตั้งแต่ต้น อ้ายซู่จือเองก็หมดความอดทนแล้ว ให้คนปลดผ้าคลุมหน้าสีดำบนศีรษะของนางลงมา
มองดูดวงหน้าที่คุ้นเคยนี้ สีหน้าของอ้ายซู่จือดูปั้นยากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนขนาดนี้ “หยุนหว่านเล่า เจ้าปลอมเป็นนางตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“นับแต่แรก นางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เลย” กู้อ้าวเวยหัวเราะเย็นหนึ่งที แสร้งหมุนกายกลับไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน ปล่อยให้ดาบยาวเล่มนั้นเฉือนเปิดผิวหนัง พลางกล่าวเสียงต่ำ “ท่านแม่ข้าตายแล้ว เจ้ากลับยังมาตามหานาง?”
“หากแม่เจ้าตายไปแล้วจริง ๆ ทำไมเจ้าถึงยังมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง...” อ้ายซู่จือรู้สึกแต่ว่าความดูแคลนในสายตาของกู้อ้าวเวยดูน่าเกลียดชังเพียงนี้ ตอนแรก ก็เพราะคนผู้นี้กระชากโฉมหน้าของเขาในงานเลี้ยงราชวัง เกือบจะทำให้เขาเสียหน้าจนสิ้นซาก
บัดนี้กู้อ้าวเวยนึกเหตุผลไม่ออก เพียงแต่มุมปากยังคงเจือรอยยิ้มบาง ๆ อยู่ “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
คนข้างกายของอ้ายซู่จือตื่นตัวขึ้นมาทันใด หากหยุนหว่านไม่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นตั้งแรกเริ่มแรก นี่ก็เป็นกับดักสินะ
อาจเพราะเชื่อมสัมพันธ์กับคนฉลาดมาเนิ่นนาน กู้อ้าวเวยไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งนางถูกอ้ายซู่จือที่อยู่ข้างหน้าผลักล้มลงกับพื้น ดาบยาวพาดลงที่ขั้วหัวใจของนาง เกือบจะกรีดทะลุอาภรณ์
กู้อ้าวเวยตื่นตระหนกโดยไม่มีเหตุผล มองที่เขาอย่างแปลกใจ “เจ้าคิดว่าข้าจะเข้ามาโดยไม่มีการป้องกันเชียวหรือ”
“แล้วอย่างไรเล่า” อ้ายซู่จือไม่ได้เฉลียวฉลาด การตอบสนองแรกก็คือการพุ่งไปโดยตรง ไหนเลยจะระแวดระวังใจว่ารอบบริเวณมีคนอยู่ด้วย
นับประสาอะไร มองดูความดูแคลนในสายตาของกู้อ้าวเวย เขายิ่งอยากทำอะไรบางอย่างมากยิ่งขึ้น
“ในเมื่อไม่มีหยุนหว่าน เช่นนั้นก็พาเจ้ากลับไปใช่ว่าจะไม่ได้เลย” เสียงของอ้ายซู่จือพลันอ่อนลงหน่อย
กู้อ้าวเวยมุ่นคิ้วเล็กน้อย ปลายนิ้วจิกเข้าไปในดินโคลน
อ้ายซู่จือคนนี้ก็คือคนโง่คนหนึ่ง แต่นางเป็นคนที่ประเมินคนโง่สูงเกินไป ซึ่งก็เป็นคนโง่เง่าด้วยเช่นกัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...