บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 559

บทที่ 559 สองทางเลือก

“เช่นนั้นความลับของตำบลเหยสุ่ยก็คือ...”

“เจ้านาย คนด้านหลังไล่ตามมาอีกแล้ว” จื่อเหมิงที่อยู่ข้างหลังพลันร้องเสียงดังลั่นขึ้นมา กู้อ้าวเวยและหยุนหว่านเหลียวไปมอง คราวนี้จึงค้นพบผู้คนจำนวนมากในป่ากำลังกรูเข้ามา

กู้อ้าวเวยยังพอมองเห็นหนึ่งในนั้นลาง ๆ ว่าไม่ได้สวมชุดทหาร จากนั้นจึงตื่นตระหนก “ข้าเลินเล่อไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าอ้ายซู่จือจะตามมาถึงที่นี่จนได้”

หยุนหว่านหน้าดำคร่ำเครียด ตอนนี้เจียงเยี่ยนกับแคว้นซินต่างยังต้องการสูตรยานี้อยู่หรือ

หลายคนไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป คนด้านหลังคล้ายกับจะควบม้าตะบึงมา แม้ว่าป่าเขาแห่งนี้จะแน่นหนา และมีบางสถานที่ซึ่งม้าเข้าไม่ถึง แต่ท้ายที่สุดก็ยังเปิดเผยตัวตนต่อสายตาของศัตรูจนได้

กู้อ้าวเวยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ปลดผ้าคลุมบนหน้าของหยุนหว่านลงมาสวมไว้บนศีรษะของตน มองไปทางจื่อเหมิงที่อยู่เบื้องหลัง “เจ้าตามข้ามา ท่านแม่ ขอโทษนะ”

กล่าวจบ ไม่รอให้หยุนหว่านตอบสนอง กู้อ้าวเวยก็ผลักนางออกเบา ๆ นางแทบจะกลิ้งหลุนลงไปตามทางลาดชันด้านข้างอย่างไร้การต่อต้าน ฝังเข้าไปในใบไม้ที่อยู่ละแวกนั้น

กู้อ้าวเวยนำคนจำนวนหนึ่งรุดหน้าต่อไป หยุนหว่านแทบอดไม่ไหวอยากพุ่งเข้าไปดึงลูกสาวกลับมา ทว่าคนของอ้ายซู่จือเกือบจะมาถึงเบื้องหน้าแล้ว ทำได้เพียงจำศีลอยู่ท่ามกลางใบไม้อันแน่นขนัด กลั้นลมหายใจสุดซึ้ง พลางคิดด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่เต็มหน้าผากว่าต่อไปควรทำอย่างไรดี

จื่อเหมิงพาคนที่อยู่ด้านหลังวิ่งจนเหงื่อกาฬท่วมศีรษะ จุดที่ม้าตัวนี้เข้าไปไม่ได้นั้น สำหรับมนุษย์แล้วก็ยังเป็นเส้นทางค่อนข้างลำบาก ส่วนกู้อ้าวเวยที่อยู่ด้านหน้าใบหน้าขาวซีด เส้นเอ็นมุมขมับล้วนเต้นตุบ ๆ ทำให้นางเริ่มกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เจ้านายนาง...”

“ไร้ปัญหา นั่นเป็นธารเล็กที่ไม่มีน้ำมากว่าเจ็ดสิบปีแล้ว เดิมทีเป็นแขนงทางน้ำของชางหลาน หลังจากปิดกั้นทางเปิดแล้วก็ถูกปลูกต้นไม้เอาไว้ ถ้าหากเดินคลำตามคูน้ำแห่งนี้ไป ก็จะไปถึงคูเมืองละแวกนี้ของชางหลานในระยะที่ใกล้ที่สุด” กู้อ้าวเวยกล่าวเสียงต่ำ การเคลื่อนไหวในการปีนป่ายนั้นกลับเริ่มโรยแรงไม่เป็นดั่งใจ

น่องขาเรียวเริ่มเป็นตะคริว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมองเห็นเบื้องหน้าที่เริ่มสั่นระรัว ก็ไม่รู้ว่าจะปีนข้ามเขาลูกนี้ได้หรือไม่

แตกต่างจากความเยือกเย็นของนาง จื่อเหมิงที่อยู่ด้านหลังและคนที่ประคองกันและกันไม่กี่คนนั้นตึงเครียดเป็นหมื่นเท่า จื่อเหมิงแทบจะมองนางด้วยสายตาที่มองสัตว์ประหลาดกันเลยทีเดียว “ทัพม้าของอ้ายซู่จืออยู่ด้านหลังนี่เอง ท่านยังจำได้ว่าที่นี่นั้นเมื่อก่อนเป็นธารสายเล็กด้วย?”

“หากไม่ใจเย็นสักหน่อย เจ้าก็ต้องทนทุกข์เดินสู่เส้นทางความตาย” น้ำเสียงสิ้นสุดลง กู้อ้าวเวยหยุดอยู่บนหินก้อนหนึ่ง มองต่ำลงไปยังป่าไม้เหล่านั้น พลางขบคิด เดินไปยังข้างกายของจื่อเหมิง นำป้ายหยกที่แสดงถึงสถานะของตนมอบใส่มือของนาง “พาคนไปที่ท่าเรือ”

“ท่านจะไปไหน” จื่อเหมิงตกตื่น

“ข้าจะล่อพวกเขาออกไป แข้งขาพวกเจ้าไม่สะดวก ยังไม่ทันพลิกข้ามไปก็ถูกคนยิงศรขนนกเข้าเป้าแล้ว” กู้อ้าวเวยตบหัวไหล่ของนาง พลางใคร่ครวญว่าจะไปเส้นทางไหนจึงจะดีกว่ากัน

ดำดิ่งเข้าไปตามกระแสน้ำดื้อ ๆ หรือว่านำคนกลับไปยังจุดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ อย่างไรเสียหมู่บ้านนั้นก็เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ทหารลาดตระเวนบางส่วนที่กระจัดกระจายอยู่ละแวกนี้น่าจะพอมองเห็นอยู่บ้างสิ

หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง กู้อ้าวเวยยังคงรู้สึกว่าเดินทางน้ำจะไวกว่าหน่อย

“ท่านตัวคนเดียวอาจตายได้นะ” จื่อเหมิงเบิกตากว้างมองนาง

“ไม่หรอก ถึงเวลานั้นจำไว้ว่าให้คนไปหาท่านแม่ข้า ข้ากลัวว่านางเดินออกมาไม่ได้” กู้อ้าวเวยยิ้มจนปัญญา เทน้ำในถุงน้ำออกมาจนหมด และเป่าลมใส่ด้านในพลางยัดเข้าไปในอาภรณ์ช่วงอกและมัดไว้ให้เรียบร้อย

สารรูปแบบนี้ นางยังไม่รู้เลยว่าหลังจากตนกระโดดลงไป จะยังมีลมหายใจปีนขึ้นมาได้หรือเปล่า

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ ก็ต้องโทษที่เมื่อก่อนนางเอาแต่คิดเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูตในแต่ละแคว้น ไม่ยอมเคลื่อนทัพโดยพลการ ถ้าหากเวลานี้ไม่สนใจกำลังพลจำนวนมากที่นำมาด้วย สถานการณ์ก็จะแตกต่างออกไปแล้ว

จะว่าไปแล้ว ก็เป็นนางเองที่ประเมินความหลงใหลในสูตรยาอมตะของอีกฝ่ายต่ำเกินไป

คิดถึงจุดนี้แล้ว นางทำได้เพียงไถลลงมาจากอีกฝั่งหนึ่งของภูเขา โดยไม่คำนึงถึงเสื้อผ้าที่เปิดออก และต้องทนกับความเจ็บปวดฟกช้ำ

จื่อเหมิงมองบุรุษร่างใหญ่สี่คนที่อยู่ด้านหลัง ลังเลอยู่สักพัก พลางกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเราต้องเร่งฝีเท้า หากำลังเสริมให้พบจึงได้การ”

ในเวลานี้ กู้อ้าวเวยซวนเซหนึ่งก้าว ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้ ๆ เริ่มแผ่วเบาบ้าง ก็รู้ว่าบางทีพวกเขาคิดจะฉวยสียามราตีมาหว่านแหจับพวกนางทั้งหมด และในเมื่อนางต้องการล่อคนออกมา ก็ไม่อาจทำอย่างแจ่มแจ้งจนเกินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์