บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 570

บทที่ 570 บรรพบุรุษตระกูลหยุนซ่อนความลับ

สายเลือดมังกร คำนี้นางรู้จัก แต่หยุนหว่านและซ่านจินจื๋อไม่รู้จัก

ได้รู้จากหยุนหว่านว่า จะให้คนของตระกูลหยุนและฮ่องเต้เท่านั้นที่รู้ที่แห่งนี้ ส่วนซ่านจินจื๋อเป็นคนที่ฮ่องเต้ยอมรับ เลยเข้ามาได้

ส่วนตัวอักษรบนนั้น พวกเขาไม่รู้จัก จะรู้เพียงตัวอักษรที่ไม่ต่างจากตัวโบราณนางถึงจะรู้ แต่ในเสาทั้ง7นั้น เป็นตัวอักษรที่บรรพบุรุษตระกูลหยุนหลงเหลือไว้ทั้งสิ้น แต่นางเรียนมาน้อย ไม่มีทางทำความเข้าใจได้

กู้อ้าวเวยก็นั่งยองยองลงมองไป พบว่าในเสาทั้งเจ็ดนั้นเขียนเรื่องราวของนาง แล้วก็เขียนสถานการณ์บางช่วง แล้วบอกว่าที่นี่มีฮวงจุ้ยผิดปกติ ส่วนเมืองเทียนเหยียนเป็นเมืองทำเลทอง ส่วนเจิ้งสุ่ยได้รับการตรวจสอบของนาง ถ้าน้ำแห้งไป เมืองเทียนเหยียนก็สูญสิ้นความเป็นยอดทางฮวงจุ้ย

นี่มันคือหลักการของนักโบราณคดี

กู้อ้าวเวยคิดว่า ที่แคว้นชางหลานอยู่รอดมาทุกวันนี้ จริงๆแล้วก็เพราะยาสมุนไพร เพราะทุกคนล้วนเอายาสมุนไพรและหญ้าปู่เจิ้นมากินกัน มีสรรพคุณทำให้ใจเย็น และตอนที่บรรพบุรุษตระกูลหยุนก่อตั้งบ้านเมืองนั้น ก็คงสั่งสอนเรื่องราวมากมาย ส่วนผู้อาวุโสก็เอาเรื่องราวเหล่านี้สั่งสอนต่อๆกันมา

ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ขาดแคลนอาหาร ถึงแม้จะเขียนหนังสือไม่ได้ ก็รู้จักผิดชอบชั่วดี

ทั้งสองคนไม่ใช่คนพื้นที่เดียวกัน แต่ชาติที่แล้วก็อายุต่างกันมาก แต่ที่มาที่นี่ ก็ต่างกันกว่าหลายพันปี กู้อ้าวเวยก็ยังคงเคารพ แล้วยังหันไปเห็นบนเสาวาดภาพหญิงสาวกำลังร้องให้ในแบบปัจจุบัน ก็เลยขำออกมา “นักโบราณคดีเอ๋ย ของโบราณก็น่าสนใจเหมือนกันนะ”

“โบราณคดีคืออะไร?” ซ่านจินจื๋อถามนาง หยุนหว่านก็สงสัย แล้วก็หันไปมองภาพวาดพวกนั้น

“ไม่มีอะไร ก็แค่รู้เรื่องอะไรบางอย่างเท่านั้น” กู้อ้าวเวยแกล้งไอ แล้วมองแม่ตนเอง “ท่านแม่ โลงศพของบรรพบุรุษอยู่ไหน?”

“อยู่ข้างล่างนี้ ในสาแหลกตระกูลบอกว่า นางสิ้นชีวิตพร้อมฮ่องเต้พระองค์แรก บอกว่าโลงศพอยู่ที่นี่ จริงๆแล้ว แม้แต่สุสานของฮ่องเต้องค์แรกก็ยังว่างเปล่า พวกเขาอาจจะหาที่เงียบสงบมาอยู่ด้วยกัน ” หยุนหว่านช่วยปัดฝุ่นในผมนาง มองนางอย่างทะนุถนอม “ข้าหวังว่าเวยเอ๋อจะเหมือนนาง”

“แน่นอน” กู้อ้าวเวยเอาม้วนหนังสือออกมาจากมือนาง แล้วค่อยๆเปิดออก

ข้างในไม่มีตัวอักษรอะไร และไม่มีสูตรยาอะไร

“แต่เป็นรูปตึกสูงใหญ่ ฝีมือนักโบราณคดีนี่เก่งจริงๆ ”กู้อ้าวเวยก็มองออกว่าภาพนั้นมีอะไรบ่งบอกบ้าง พอดูจบ แล้วก็มองไปยังเสาต้นสุดท้าย แล้วถามแม่ตนเองว่า “หินอันนี้คือ?”

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยส่งไปให้ซ่านจินจื๋อดู” หยุนหว่านหัวเราะขึ้น

ซ่านจินจื๋อทำอะไรไม่ถูก แล้วพูดว่า “อ่านตัวอักษรได้ไม่หมด แต่พออ่านออกบ้าง”

“คืออะไร?” กู้อ้าวเวยสงสัย

“น่าจะบอกว่า มนุษย์เราสืบเชื้อสายไม่หยุดหย่อน อะไรประมาณนี้” ซ่านจินจื๋อเองก็พอเดาได้นิดหน่อย แล้วก็เห็นตึกสูงเทียมฟ้า แล้วพูดว่า “ความเป็นอมตะที่นางว่า อาจจะหมายถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่สูญสิ้น ขอเพียงเหลืออยู่หนึ่งคน คนอย่างเราก็จะอยู่รอดตลอดไป”

หยุนหว่านหัวเราะ “ถ้าคนอื่นเหมือนดังเจ้า ดูเพียงพริบตาเดียวก็รู้ ตระกูลหยุนของพวกเราก็คงไม่ตกระกำลำบากเช่นนี้”

กู้อ้าวเวยก็เก็บม้วนหนังสือนั่น แล้ววางไว้ยังรูปปั้น

“เจ้าคิดไปไกลกว่าข้า ” พูดกับรูปปั้นนั้น นางเงยหน้าขึ้น แล้วมองกิ่งมะกอกที่แสดงถึงความสงบ แล้วยิ้ม “ข้ารู้ว่านางเอาสูตรยาอมตะไว้ที่ไหน”

“มีจริงหรือ? เจ้าเข้าใจนางหรือ?” หยุนหว่านมองลูกตนเอง แล้วเดินเข้าไป แล้วลากนางมายังแผ่นหินพังๆ “แล้วตัวอักษรบนนี้ล่ะ?”

“บนหินนี้ก็คือสิ่งที่นางพบเจอที่นี่ ข้าจะเขียนมันลงไป แล้วเอาไปให้หมอฮวงจุ้ยดู บางทีอาจจะเข้าใจ ” กู้อ้าวเวยมองฮวงจุ้ยไม่เข้าใจ หยุนหว่านก็ฉีกเสื้อตัวเองออกมา แล้วก็เอาผ้าท่อนไม้เข้ามา แล้วให้นางคัดลอกลงมา

กู้อ้าวเวยไม่ได้เขียนตัวอักษรโบราณ เพียงแต่เขียนตัวอักษรปัจจุบันลงไป แล้วก็ยื่นให้แม่ตนเอง แล้วก็กวักมือเรียกซ่านจินจื๋อ “ยกตัวข้าขึ้นไปหน่อย ข้าจะพิงผนังขึ้นไป”

ซ่านจินจื๋อครุ่นคิด แล้วก็นั่งยองๆลง แล้วให้นางเหยียบไหล่ขึ้นไป พิงผนังแล้วไปจับโดมเพดาน หยุนหว่านก็มองอยู่ข้างๆ เพราะกลัวนางจะตกลงมา

แล้วก็เอามือไปแตะกิ่งมะกอกที่ชี้ไปทางนั้น แล้วทำตาหยี แล้วก็คลำๆต่อไปเพราะแสงน้อย

“โคร่ม ” มือนางไปถูกบางสิ่งตกลงมา

กู้อ้าวเวยโล่งอก กำลังคิดว่าจะลงมาอย่างไร แรงที่เท้าก็เริ่มหมด นางก็หายใจเข้าเฮือก แล้วนางก็ตกลงมายังอกของซ่านจินจื๋อ

“อย่ากลัว ข้ารับได้ทัน” ซ่านจินจื๋อพูดเช่นนี้ แล้วก็ค่อยๆวางนางลงมา

กู้อ้าวเวยก็ก้มลงดูของที่ตกลงมา

กล่องไม้เปิดออกแล้ว นางก็เอาหนังสัตว์ออกมาจากด้านในง่ายๆ แล้วเปิดอ่าน เห็นข้างในเป็นตัวหนังสือมากมาย “อย่างจะเป็นอมตะ ก็แค่ร่างกายเราเอง กินอิ่มเสร็จ ก็ตายกลายกลับสู่พื้นดิน อย่าได้หวังอะไรมากมาย”

ครั้งนี้ใช้ตัวอักษรโบราณ หยุนหว่านและซ่านจินจื๋อก็อ่านออก ไม่นึกว่าสิ่งที่บรรพบุรุษตระกูลหยุนเหลือไว้ จะไร้สาระเช่นนี้

กู้อ้าวเวยก็ทำอะไรไม่ถูก เพราไม่เข้าใจ เป็นถึงลูกหลานของนักโบราณคดี ทำไมถึงได้เป็นหมอไปได้ แค่คิด ที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเสินหนองชิมร้อยสมุนไพร บางทีอาจจะเป็นเพราะบรรพบุรุษคนนั้นเตรียมเรื่องไว้แล้ว ทำให้คนรุ่นหลังไปศึกษาวิชาการแพทย์

“ก็สรุปเรื่องยาอมตะจบไป แต่คนอื่นๆคงจะไม่เชื่อ” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ คิดว่า ผู้อาวุโสคนนี้มีความกล้า และมองการไกล ก่อนจะตายยังแกล้งทำเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คำพูดพวกนี้อาจจะไม่ได้เอาไว้ให้คนรุ่นหลัง ” หยุนหว่านเอาหนังสัตว์นั้นไปเก็บไว้ในกล่องเช่นเดิม “ในหนังสือบอกว่า ตอนนั้นบรรพบุรุษตระกูลหยุนไม่รู้ว่ามาจากไหน ฮ่องเต้ก็คิดว่านางมาจากสวรรค์ หลังจากนั้นก็เรียนวิชาการแพทย์ เคยหมกมุ่นการทำยา เพียงหวังว่าตายไปเป็นเซียนจะได้อยู่กับบรรพบุรุษ หลังจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องต่อ บางทีอาจจะเป็นเพราะหนังสัตว์นี้”

กู้อ้าวเวยส่ายหัว แสดงว่าไม่เข้าใจ

ซ่านจินจื๋อเดินเข้าไป แล้วก็เอาแขนไปโดนไหล่นาง “คนเป็นเซียนคงจะไม่พูดเช่นนี้”

“ดังนั้น พอเห็นหนังสัตว์นี้ ฮ่องเต้องค์แรกก็เลยตาสว่าง ว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ แต่เป็นคนธรรมดา ”กู้อ้าวเวยอดขำไม่ได้

หยุนหว่านก็เห็นด้วยเลยพยักหน้า พอเห็นกล่องไม้เก่าๆ ก็พูดว่า “ก็แค่คำพูดของคนรักสองคน แต่ถูกคนรุ่นหลังแต่งเรื่องไปเอง ตระกูลหยุนของพวกเรามีจุดหมายที่จะเอาวิชาการแพทย์บอกแก่ชาวโลก ว่าไม่มียาอมตะ แต่เสียดายมันไม่ได้ผล หลายร้อยปีก่อน แม้กระทั่งฮ่องเต้ทุกพระองค์ก็หมกมุ่นกับเรื่องนี้ น่าขำสิ้นดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์