บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 65

สรุปบท บทที่ 65 ใช้ใจเข้าหากัน: บุบผาร้อยเสน่ห์

ตอน บทที่ 65 ใช้ใจเข้าหากัน จาก บุบผาร้อยเสน่ห์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 65 ใช้ใจเข้าหากัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุบผาร้อยเสน่ห์ ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 65 ใช้ใจเข้าหากัน

แม่ทัพเฉิงยังอยากสั่งคนให้ตามนางไป แต่คงจะเป็นไปไม่ได้

ซ่านจินจื๋อมองดูทั้งสองคนเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาตามแม่ทัพเฉิงเข้าไปด้านใน คนด้านหลังก็ไม่รู้ว่าเกิดอไรขึ้น

กองทัพโล่เสียพื้นที่ส่วนมากก็อยู่ในน้ำหมด อยู่บนเรือเสียส่วนมากและแม้จะเป็นตอนกลางวันก็ยังจุดคบเพลิงไว้อยู่

กู้อ้าวเวยเลยต้องมัดหยินเอ่อไว้ด้านนอกและเดินเข้าไปด้านใน เซียวไห่ทำอะไรไม่ได้ แต่คนส่วนมากในกองทัพต่างก็รู้จักเซียวไห่ ต่างก็สงสียว่านางผู้นั้นเป็นใคร

เดินไปไม่กี่ก้าว กู้อ้าวเวยก็เห็นทหารที่เดินลงจากเรือมา ร่างกายผอมแห้ง นางรีบเดินเข้าไปดึงมือพวกเขามาตรวจชีพจร มองเขาและพูดว่า: “ทำไมร่างกายเจ้าถึงอ่อนแอเช่นนี้ หรือว่าที่นี้เลี้ยงอาหารพวกเจ้าไม่ดี? หรือว่ากินผลไม้น้อยไป?”

ทหารผอมแห้งคนนั้นตกใจนางมาก เห็นมือตัวเองยังถูกจับเอาไว้อยู่ก็หน้าแดงขึ้นมา ไม่กล้าพูดอะไร

“พระชายา ที่นี้มีแต่ผู้ชาย ทำไมท่านกล้าเช่นนี้ ถ้าท่านอ๋องรู้เข้าจะทำอย่างไร?”เซียวไห่รีบเดินเข้าไป ดึงนางกลับมา

ทหารรอบๆที่ได้ยินคำว่าพระชายาต่างก็รีบทำความเคารพกันใหญ่

กู้อ้าวเวยรีบมองเซียวไห่จากนั้นเซียวไห่ก็ดึงนางออกมาจากตรงนั้น ตลอดทั้งทางกู้อ้าวเวยกวาดสายตามองทหารทุกนาย ทุกคนต่างผอมแห้งแรงน้อยกันหมด

ทหารเช่นนี้จะไปสู้รบได้อย่างไร?

เซียวไห่พานางกลับมาหาซ่านจินจื๋อ จากนั้นซ่านจินจื๋อก็ดึงนางมาข้างตัวเองต่อหน้าแม่ทัพเฉิง: “อย่าเดินไปไหนอีก”

“เจ้าค่ะ”กู้อ้าวเวยพยักหน้า อยู่ข้างๆซ่านจินจื๋อและจับแขนเสื้อเขาไว้ ไม่พูดอะไรอีก แต่สายตานางกลับไม่หยุดกวาดมองรอบด้าน

นางไม่เคยเข้ามาในกองทัพเลย นิสัยก็กล้าๆไม่กลัวอะไร นางทำเช่นนี้ก็ไม่มีใครคิดว่าแปลก

แต่แม่ทัพเฉิงกลับเหงื่อแตกพราก สุดท้ายก็ให้พวกเขาพักอยู่ในลานเล็กๆ ภายในลานนั้นมีหกห้องนอน พวกเขานอนด้วยกันสองสามคนก็น่าจะพอ

แต่ตอนนี้ซ่านจินจื๋อและนางก็กำลังแสดงคู่รักที่รักกันมากก็จะแยกกันนอนไม่ได้

รอไม่มีคนแล้ว นางกับซ่านจินจื๋อก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม จากนั้นนางก็ไออย่างเขินอาย และพูดว่า: “เมื่อกี้ข้าเห็นทหารไม่น้อยที่มีร่างกายผอมแห้งแรงน้อย”

“เป็นเพราะอะไรกัน?”ซ่านจินจื๋อถามและนั่งลงไป

“พวกเขาไม่เคยหยุดซ้อม กล้ามเนื้อบนร่างกายก็มีอยู่ แต่สารอาหารที่พวกเขาได้รับนั้นไม่เพียงพอต่อการที่พวกเขาต้องซ้อมทั้งวัน และตลอดทั้งทาง ข้าเห็นทหารที่ป่วยแต่ก็ยังต้องทำงานอยู่มีเยอะมาก”นางก็พูดและนั่งลงไปข้างซ่านจินจื๋อ มองไปด้านนอกหน้าต่างและเห็นมีเงาคนอยู่ด้านนอก

ดูแล้วทหารลับของซ่านจินจื๋อคงไม่เคยห่างไปไหนเลย

“ป่วยแต่ก็ยังทำงานปกติงั้นเหรอ”ซ่านจินจื๋อทำมือไล่พวกเขาไป

“ถ้าเป็นข้าจะไม่ให้คนพวกนั้นทำงานข้างทะเลสาบอีก”กู้อ้าวเวยส่ายหัว ขมวดคิ้ว

ที่นี้ไม่เหมือนกับอนาคตเลย ที่นี้ถ้าป่วยหนักถ้าไม่มีหมออยู่ด้านข้าง พวกเขาก็อาจจะตายได้ ขนาดหมอด้านนอกยังรู้หลักการนี้ แพทย์ทหารในกองทัพจะไม่รู้ได้ยังไง

นางรีบตอบกลับไปว่า: “ก็นิดหน่อย ข้าจะไปหายาที่ห้องยากินเอง”

“พระชายากำลังป่วยอยู่ ก็รีบเข้าห้องนอนพักผ่อนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะสั่งคนให้ไปเอายาเอง”แม่ทัพเฉิงเดินหน้าเข้ามาพูด

ซ่านจินจื๋อมองนาง ทำเป็นสัญญาณเตือน กู้อ้าวเวยก็เข้าใจและรีบเด้งตัวออกมาจากเขาพูดว่า: “ข้าเป็นหมอ ทำไมถึงต้องใช้คนไปหยิบยาให้ข้าด้วย! นี่มันหยามชื่อเสียงของตระกูลหยุนข้าชัดๆ!”

“เวยเอ่อ……”ซ่านจินจื๋อพูดชื่อนางและพูดต่อว่า: “กินข้าวก่อนค่อยไปก็ยังไม่สายนะ”

แม่ทัพเฉิงก็โล่งอกและสั่งคนพาพวกเขาทั้งสองไปห้องโถงกินข้าว

เขาก็เดินไปอีกทางด้วยท่าทางที่รีบร้อน

“ตอนนี้เขาคงไปทำอะไรในห้องยาแล้วล่ะ”กู้อ้าวเวยพูดเสียงเบาด้วยความไม่พอใจ

ซ่านจินจื๋อดึงนางเข้ามากอดไว้ คนด้านหลังก็ทยอยกันถอยออกไป ซ่านจินจื๋อก็พูดว่า: “ปัญหาคือแพทย์ทหาร เจ้าแค่ทดลองความรู้เรื่องวิชาแพทย์พวกนั้นก็พอ”

“แพทย์ทหารต้องมีปัญหาอยู่แล้วแต่ถ้ายามีเยอะ มันก็เป็นเงินเป็นทองอีก?”กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ ไม่ทันระวังว่าทั้งสองเข้าใกล้กันแล้ว นางยังเอามือทั้งสองข้างจับแผงอกเขาไว้อีก

“เมื่อคืนเฉิงซานตรวจสอบแล้วว่า ยาไม่มีปัญหาแต่เกิดปัญหาจากปัจจัยอื่น”ซ่านจินจื๋อพูดต่อ เขายิ้มมุมปากพูดเสียงดังว่า: “ไปกินข้าวก่อน อย่าโกรธไร้สาระเลย”

“เจ้านั้นแหละที่ไร้สาระ!”กู้อ้าวเวยมองเขาตาขวาง ไม่รู้ว่านางพูดจริงพูดเล่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์