บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 76

บทที่ 76 ส่วนเล็กน้อย

“ขอบคุณอะไร” กู้อ้าวเวยรีบฉวยโอกาสดื่มสุราฤทธ์แรงหมดรวดเดียวตอนที่ซ่านจินจื๋อยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงความคิด นางที่ดื่มสุราฤทธิ์แรงนั้นถูกกระตุ้นให้มึนงงทั้งกาย แต่กลับเพิ่มความอบอุ่นในค่ำคืนอันมีลมพัดอย่างหนาวเหน็บได้ นางกระชับเสื้อคลุมตัวนอกบนเรือนกายเอาไว้มั่น เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายตัวเอง

กู้อ้าวเวยนั่งกอดขาอยู่บนม้านั่งหิน ลูบวนมือเบาๆ

“ทุ้งโจวก็เป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายของข้า” ซ่านจินจื๋อมองไปทางบานประตูที่ปิดสนิท แต่กลับนึกถึงภาพที่น่าขยาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง “เอาเถิด ไม่พูดถึงเรื่องเก่าแล้ว รอจนถึงวันรุ่งขึ้น เจ้าไปเฝ้าเขาอยู่ในลานเถิด”

“ทราบแล้ว” กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น ยันกายลุกขึ้นแล้วยืดเอว “แม่ทัพอ้วนท้วมนั่นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”  

“หวางฮุยถูกปิดปากเรียบร้อยแล้ว” เซียวไห่เดินหมุนกลับมาจากลานนอก ทรุดลงบนพื้นอย่างหนักแน่น ในมือกลับถือสิ่งของที่ถูกห่อด้วยผ้าฝ้ายชิ้นหนึ่งเอาไว้ สุดท้ายก็ส่งให้ถึงมือของกู้อ้าวเวย “เป็นคนของโหวเซ่อ”  

กู้อ้าวเวยคลี่ผ้าออก กลิ่นเลือดฉุนกรีดจมูกถูกห่อด้วยกลิ่นหวานเลี่ยนไม่น่าดม นางห่อมีดสั้นเปื้อนเลือดกลับคืนอีกครั้ง “พิษนี้วางไว้มากเกินไปจริงๆ แต่ว่าข้าชอบมัน”

กล่าวเสร็จ นางก็หอบมีดสั้นเดินเข้าไปด้านในห้อง

เซียวไห่เดินไปยังข้างกายของซ่านจินจื๋อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ซ่านจินจื๋อทำเพียงขมวดหัวคิ้ว ความสัมพันธระหว่างแม่ทัพค่ายธารทหารนี้เกี่ยวข้องกับโหวเซ่ออย่างไร

คอยจนถึงฟ้าสาง ในห้องยังคงเงียบสงัด ส่วนซ่านจินจื๋อและเซียวไห่เพียงแต่ตากลมเย็นๆ ตลอดทั้งคืน รอจนถึงช่วงสำรับเช้า แต่กลับไม่มีนายทหารมาส่งสำรับเช้าเลยสักคน กลับเป็นผู้ช่วยข้างกายของแม่ทัพเฉิงที่ตะเกียกตะกายกรูเข้ามา “ท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าคนของโหวเซ่อจะวางยาพิษในค่ายธารทหารแล้ว คนจำนวนไม่น้อยต้องพิษแล้ว แม่ทัพเฉิงปวดจนเกลือกกลิ้ง แม่ทัพหวางยิ่งนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องเลยทีเดียว”

“สุดท้ายมันก็เกิดขึ้น” สีหน้าซ่านจินจื๋อแน่นิ่ง ราวกับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องดังกล่าว หลังจากส่งสัญญาณทางสายตาให้เซียวไห่เสร็จก็รีบร้อนเดินออกไปข้างนอก ส่วนชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราคนนั้นกลับนำคนเข้ามาต้อนรับตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว หลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้วจึงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง คนของโหวเซ่อนั่นไม่เห็นเราอยู่ในสายตาจริงๆ”

“พวกเจ้าไม่ต้องพิษกันเลย?” นายทหารตวัดมองไปทางคนกลุ่มนี้เต็มเหนี่ยว

ชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเครากวาดมองไปรอบๆ ครู่หนึ่ง พวกเขาคนที่ตามซ่านจินจื๋อมานั้นล้วนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลยสักนิดเดียว

ซ่านจินจื๋อหัวเราะเย็น นายทหารตรงหน้าถูกกดให้นั่งลงบนพื้นแล้ว เขาเดินอย่างเย็นชาเข้าไปในลานของแม่ทัพเฉิง ผลักเปิดบานประตูออก นายทหารไม่กี่คนที่อยู่ข้างหลังล้วนไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา ซ่านจินจื๋อทำเพียตอบสมอนเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “คืนวาน แม่ทัพและผู้ช่วยเหล่านี้ นึกอยากนั่งเรือลำเล็กหนีออกไปกระมัง”

สีหน้าของแม่ทัพเฉิงเจ็บปวดจนขาวซีด เวลานี้ดวงตาแดงก่ำคล้ำเลือดกำลังจ้องเขาอย่างดุเดือด

“เจ้าคิดว่า เฉิงซานที่อยู่ข้างกายข้าไปสถานที่ใดแล้ว?”

ซ่านจินจื๋อหัวเราะเย็นชาเบาๆ เฉิงซานเดินเข้ามาจากหน้าประตูอย่างเนิบนาบ คุกเข่านั่งลงบนพื้น “เรียนท่านอ๋อง ผู้ช่วยแม่ทัพที่เหลือต่างหนีออกไปไม่ได้เพราะพิษของพระชายาแล้ว เหล่านายพลที่อยู่หลังภูเขาก็ถูกต้อนเข้าไปในคุกน้ำหารแล้วขอรับ”

“ท่านอ๋อง ค่ายธารทหารนี้เป็นถึงกองทัพแคว้นชางหลานของพวกเราเชียว ไฉนจึงปล่อยให้คนของพวกเราเองโจมตีคนของเราเองด้วย ซ้ำยังให้พระชายาวางพิษ...” ชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราร้องอุทานออกมา

“ค่ายธารทหารนี้ ควรจะถูกชะล้างได้ตั้งนานแล้ว” เซียวไห่เดินเข้ามาจากเบื้องหลังอย่างแช่มช้า ซ้ำยังพยุงทุ้งโจวที่หายใจรวยรินเอาไว้ ชายฉกรรจ์ก้าวฉับเข้ามา ดวงตาแดงก่ำทั้งดวง ร้องเรียกว่าพี่ทุ้งไม่ขาดปาก   

กู้อ้าวเวยผลัดอาภรณ์เป็นสีฟ้าอ่อนสะอาดสะอ้าน ถลาเข้าไปผลักชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราคนนั้นออก “ร่างกายแม่ทัพทุ้งยังอ่อนแออยู่ ทนแรงกระแทกกระทั้นขนาดนี้ของท่านมิได้หรอก”   

ชายฉกรรจ์รีบร้อนผละออกไปด้านข้าง กู้อ้าวเวยพยุงรับทุ้งโจวเอาไว้ เซียวไห่พาจำเลยและผู้มีส่วนพัวพันไปดูสภาพความเป็นจริงในอุโมงค์ลับ ทุ้งโจวทันใดนั้นทุ้งโจวก็หน้าซีดเผือด กู้อ้าวเวยเริ่มจะรับมือไม่ไหวแล้ว ทำได้เพียงวางเขาไว้บนเก้าอี้ด้านข้างตัวหนึ่ง มองไปทางแม่ทัพเฉิงที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาสมเพช “ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”

“ลูกหลานตระกูลหยุน...ลูกหลานตระกูลหยุนตัวดี!” สายตาของแม่ทัพเฉิงแดงฉาดขึ้นมา “โหวเซ่อไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ ค่ายธารทหารโล่เสียแห่งนี้! ไม่ต้องการก็ช่างเถิด!”

กู้อ้าวเวยตกตะลึงงัน ยังนึกอยากกรูเข้าไปเบื้องหน้า แต่ท้ายที่สุดก็ช้าไปหนึ่งก้าว แม่ทัพเฉิงชักกระตุกทั้งร่าง นางยื้อมือไปข้างหน้า ซ่านจินจื๋อกลับก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วดึงนางเอาไว้เสียก่อน “ไม่ต้องช่วย”  

“แต่...พวกเรายังไม่รู้ต้นตอของค่ายธารทหารแห่งนี้และจุดประสงค์ที่เหล่าลูกหลานขุนนางระดับสูงพวกนั้นเลย” กู้อ้าวเวยมองไปยังแม่ทัพเฉิงที่อยู่บนพื้นอย่างไม่แยแส

อีกอย่าง เหตุใดพวกเขาชาวโหวเซ่อถึงได้จงเกลียดจงชังตระกูลหยุนเข้ากระดูกปานนั้น

จนกระทั่งตายไป แม่ทัพเฉิงก็ยังไม่ยอมพูดถึงค่ายธารทหารแห่งนี้เลยแม้สักนิดเดียว กลับทำเพียงจ้องนางตาเขม็ง

ซ่านจินจื๋อนึกไม่ออกเช่นกัน โหวเซ่อไม่ได้เปิดเผยตัวตนมานานกว่าร้อยปี และกู้อ้าวเวยก็มีชีวิตอย่างปลอดภัยจนถึงปีที่ยี่สิบแปดแล้ว แต่หลังจากที่นางแต่งกับตนเองแล้วถึงได้เปิดเผยไปทั่วทุกแห่งหน

กู้อ้าวเวยคนนี้ มีส่วนแปลกอยู่ที่ใดกันแน่

“ข้าให้เจ้าวางยาพิษ ไม่ใช่เพื่อสั่งสอนนายทหารพวกนั้น” ซ่านจินจื๋อดึงนางเอาไว้ และปราดมองทางทุ้งโจวที่นั่งอยู่แวบหนึ่ง ดวงตาเรื่มแดง “เป็นเพราะให้คนของโหวเซ่อรู้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานมา ที่รีบชิงฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกค้นพบ”

“ท่านกำลังเอาชีวิตของนายพลทุกคนในค่ายธารทหารโล่เสียแห่งนี้เป็นเดิมพัน!” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่สนใจว่าทุ้งโจวจะอยู่ข้างกายเลยสักนิด นางตรงดิ่งเข้าไปกระชากแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อ “ถ้าหากคนของโหวเซ่อนั้นคิดว่ายังพอมีโอกาสรอดชีวิตแล้วไม่ฆ่าตัวตายเล่า! ยาพิษก็คือยาพิษ ข้าไม่ได้อยากกำจัดคนของโหวเซ่อให้สิ้นซากจนเอาชีวิตคนต้องมากมายมาเดิมพันหรอกนะ”

ซ่านจินจื๋อพลิกแขนและจับข้อมือสองข้างของนางเอาไว้ มองที่นาง “แต่นี่เป็นวิธีกวาดล้างค่ายธารทหารที่เร็วที่สุด เจ้าต้องอดกลั้นให้ถึงที่สุด และแก้พิษให้พวกเขาอีกครั้งเสีย”

“ท่านบ้าไปแล้ว” กู้อ้าวเวยเอ่ยทีละคำ นางหันหน้าไปคิดอยากสอบถามสถานการณ์กับทุ้งโจว แต่เขากลับทำเพียงแค่ใช้สายตาเย็นชาเช่นเดียวกับซ่านจินจื๋อมองไปที่นาง “สิ่งที่ท่านอ๋องทำนั้นไม่ได้ผิด ค่ายธารทหารอยู่ใกล้กับเทียนเหียน แม้นคนของที่นี่ไม่ได้ถูกชำระให้สะอาด นั่นก็เป็นภัยคุกคามอย่างแน่นอนแล้ว”

“ข้ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับท่านแล้ว ท่านอ๋องจิ้ง” กู้อ้าวเวยถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างผิดหวัง สะบัดสองมือของซ่านจินจื๋อที่กอบกุมมือของนางเอาไว้ ฟุบนั่งลงบนเก้าอี้อันแข็งแกร่ง ร่างของแม่ทัพเฉิงที่นอนตายตาไม่หลับเอกเขนกอยู่ตรงปลายเท้า หัวใจของนางเองก็ราวกับดับสลายเช่นเดียวกัน “อีกประเดี๋ยวท่านคงลงทัณฑ์ทีละคนใช่หรือไม่? หรือไม่ก็บังคับให้คนเหล่านั้นฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกลงโทษ? อย่างไรเสีย ท่านก็รู้อยู่แล้วว่ามือสังหารของโหวเซ่อต่างไม่กลัวความตาย”

ซ่านจินจื๋อที่ถูกกล่าวหาทำเพียงแค่พยักหน้า “ส่วนเจ้า สามารถไปช่วยเหลือพวกที่อยู่ในอุโมงค์ลับเหล่านั้นได้”  

“ข้านี่มันต้องตาบอดแล้วจึงเชื่อท่านได้จริงๆ สินะ ท่านไม่ได้ฆ่าทุ้งโจวอย่างสมบูรณ์ เพียงเพราะเขาคือพี่น้องของท่าน สำหรับท่านแล้ว ชีวิตของนายทหารเหล่านั้นขอเพียงแค่รักษาเอาไว้เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ท่านไม่ได้สนใจว่าท่านจะกลายเป็นคนกลุ่มน้อยนั่นเลยสักนิดเดียว” กู้อ้าวเวยพูดทุกอย่างออกมาราวกับเทเมล็ดถั่ว นางมองทางซ่านจินจื๋อด้วยสายตาดุดัน “วันหน้าท่านก็จะกลายเป็นคนส่วนน้อยที่น่าสงสารเช่นเดียวกัน”

“พระชายา ข้าก็คือคนส่วนน้อยที่น่าสงสารในใต้หล้านี้” ซ่านจินจื๋อหันหลัง แต่เขาไม่ได้เดินจากไป “และข้าก็จะตามเจ้าไป จนกระทั่งเจ้าจะแก้พิษให้พวกเขา ข้ารู้ว่าเจ้าชื่นชอบช่วยเหลือชีวิตผู้คน”

กู้อ้าวเวยกัดปากขบกรามอย่างเอาตาย ทำได้เพียงเดินตึงตังจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์