บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 78

สรุปบท บทที่ 78 เป็นข้าแท้ๆ: บุบผาร้อยเสน่ห์

อ่านสรุป บทที่ 78 เป็นข้าแท้ๆ จาก บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่

บทที่ บทที่ 78 เป็นข้าแท้ๆ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุบผาร้อยเสน่ห์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 78 เป็นข้าแท้ๆ

ซ่านจินจื๋อประดุจสัตว์ร้ายในป่าลึก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะปลดพันธนาการเหยื่อที่ผ่านเข้ามา

บัดนี้พระอาทิตย์คล้อยประจิมทิศ แสงทิวาอัสดงรำไรอยู่ยังบริเวณไกล กู้อ้าวเวยกลับทำได้เพียงนั่งทานขนมอยู่ในลาน ราวกับว่ายังไม่ทันได้หลบเลี่ยงจากการจับจ้องมองของซ่านจินจื๋อนับแต่วันนี้ นางเกือบจะทำจานรองในมือหล่นกระแทกอยู่แล้ว

แต่คนที่สายตาว่องไวคนหนึ่งก็รับเอาจานรองบรรจุขนมอบ  

“แม่ทัพทุ้ง? เหตุใดท่านถึงออกมาแล้ว?” กู้อ้าวเวยเบิกตากว้างพลางหยิบจานรองจากในมือของเขากลับมา และมองดูทางทุ้งโจวอย่างไม่เห็นพ้องด้วย “ท่านควรจะนอนสักตื่นจึงจะถูก”

“วันนี้ท่านอ๋องจะพาท่านไป และยังจะให้คืนอำนาจอีกด้วย ข้าได้ยินมาบ้างแล้ว” ทุ้งโจวนั่งลงพร้อมกับกระชับเสื้อคลุมบนเรือนกาย

สีหน้าของกู้อ้าวเวยเดี๋ยวซีดเดี๋ยวขาว ไม่เอ่ยถ้อยคำ

ท้ายที่สุดแล้ว นางยังคงไม่รู้จักซ่านจินจื๋อผู้เป็นดั่งดาราแห่งหายนะก่อนหน้านี้ว่าเหตุใดหลังจากที่นางเพียงแค่เอ่ยคำประโยคเดียวก็หันเหจิตใจเสียแล้ว ก่อนหน้าที่จะส่งตัวนางกลับมาที่ลาน ยังกำชับคนอื่นๆ ว่าอย่าได้ละเลยเป็นอันขาด

แน่นอนว่านางย่อมไม่เชื่อว่าจู่ๆ ซ่านจินจื๋อจะชอบตนเองขึ้นมา  

  ทุ้งโจวเห็นว่านางนิ่งขรึม จึงเอ่ยต่อไป “ท่านอ๋องเห็นว่าแม่นางซูเป็นสมบัติล้ำค่า ก็เพียงเพราะว่ามีเพียงแม่นางซูเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเขายามเยาว์วัย” 

“แต่ข้าเพียงแต่เตือนเขาให้หวงแหนชีวิตมนุษย์ก็เท่านั้นเอง นับประสาอะไร หลังจากข้าพูดเสร็จเขายังคงไม่ได้เอามาใส่ใจ อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้สู่ขอข้าจากใจจริง ข้ายิ่งไม่ได้รักเขาด้วย” กู้อ้าวเวยหัวเราะเย็นชาอย่างเย้ยหยัน ตอนนี้นางยังสามารถได้ยินเสียงคำรามของคนเหล่านั้นที่ดังลอยมาจากค่ายธารทหาร รวมถึงเสียงอึกทึกของเหล่านายทหารอีกด้วย

“แต่สำหรับท่านอ๋องแล้ว ท่านคือหนึ่งเดียวไม่มีที่สอง”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน สตรีเยี่ยงข้านี้ใต้หล้ามีอยู่เกลื่อนกลาด เพราะอะไรถึงเป็นตัวข้า เพราะอะไรถึงได้เป็นช่วงเวลานี้” กู้อ้าวเวยกอบกุมพวงแก้มครึ่งหนึ่ง นางมองไปที่เฉิงยีเฉิงเอ้อที่เฝ้าประตูอยู่ ไม่พอใจนัก  

“เพราะว่าในที่สุดท่านอ๋องก็มองเห็นท่านแล้ว หลังจากที่ท่านแสดงความสามารถ ท่านก็โดดเด่นไปจากสตรีนับพันนับหมื่นคนเหล่านั้นแล้ว และก็มีเพียงท่าน ที่คู่ควรยืนอยู่ข้างกายของท่านอ๋อง” ทุ้งโจวยิ้มบางๆ ในรอยยิ้มนั้นราวกับมีความอ้างว้างเล็กน้อย “เมื่อนานมาแล้ว พวกเราได้คาดหวังให้ท่านอ๋องสามารถตามหาสตรีที่เป็นเฉกเช่นท่านนางหนึ่งที่จะอยู่เคียงคู่กับเขา แต่มิใช่แม่นางซู”

“ดังนั้นท่านจึงมาเตือนข้า?” กู้อ้าวเวยยิ้มบาง หลังจากที่รินน้ำอุ่นให้เขาเสร็จแล้ว และโรยผงยาส่วนหนึ่งลงไปด้วย ก่อนจะมอบให้ถึงข้างกายของเขา “มันจะทำให้ท่านเจ็บปวดน้อยลง”

“ขอบคุณ” ทุ้งโจวหยิบถ้วยนั้นมา พลางกล่าวต่อ “ข้าเพียงแต่หวังว่าพระชายาจะลองเข้าใกล้ท่านอ๋องดู บางทีท่านอาจจะพบว่าท่านอ๋องไม่ได้เลือดเย็นอย่างที่ท่านจินตนาการขนาดนั้นก็เป็นได้ เพียงแต่เพราะว่าต้องอยู่ในตำแหน่งนั้นต่างหาก”

น้ำคำหยุดลงตรงนี้ ทุ้งโจวไม่ได้พิรี้พิไรนั่งนาน หลังจากไอหลายครั้งเสร็จแล้วก็เข้าไปในห้อง

กู้อ้าวเวยมองไปยังถ้วยที่ว่างเปล่า ในใจสับสนวุ่นวาย

แม้นก่อนหน้าที่จะพูด นางช่วยซ่านจินจื๋อวิเคราะห์ค่ายธารทหาร ก็เพียงเพื่อนายทหารเหล่านั้นเท่านั้น จากนั้นก็วางพิษออกอุบายบางประการ ต่อให้จะเป็นการแสดงเองก็คงไม่พ้นเพียงเพื่อกำจัดกองกำลังในค่ายธารทหารเท่านั้นเอง

แต่เมื่อวาน ซ่านจินจื๋อเปลี่ยแผนการโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ และยังแสดงให้เห็นว่าจะให้นางนั่งอยู่ในตำแหน่งพระชายาโดยไม่พูดมากกว่าอีกด้วย แต่ทั้งๆ ที่คนที่เขารักยังคงเป็นซูพ่นเอ๋ออยู่แท้ๆ

นางทำอะไรที่ทำให้ซ่านจินจื๋อเปลี่ยนไปกันแน่

“ตัวข้าจะรีบกลับไปประเดี๋ยวนี้ ยอกจากนี้ ให้บอกเรื่องราวของที่นี่ให้พ่านเอ๋อฟัง บอกนางว่ากู้อ้าวเวยน่าสนใจยิ่งนัก เป็นประโยชน์ต่อตัวข้าอย่างยิ่ง” ซ่านจินจื๋อมองไปทางเงาหลังของกู้อ้าวเวยที่จากไป

ชายชุดดำขมวดคิ้วมุ่น ยังคงน้อมรับบัญชาทั้งอย่างนั้น  

ในทางกลับกันครั้นกู้อ้าวเวยเริ่มทำงานและก็หยุดไม่ลง คนของโหวเซ่อที่เจาะเข้ามาเหล่านั้นดื่มพิษฆ่าตัวตายตั้งนานแล้ว ส่วนนายทหารที่เหลือยังคงทนทุกข์ทรมาน นางจำต้องกลับไปยังสถานที่ที่ตรวจวัดชีพจรก่อนหน้านี้ ตรวจหัวใจและสั่งยาให้พวกเขาทีละคน แม้แต่โรคภัยที่พวกเขามีก่อนหน้านี้ก็ได้รับการวินิจฉัยออกมาด้วย

ไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน นางเองก็กลับคืนสู่สภาพสงบสุขราวกับน้ำนิ่งอีกครั้ง  

ส่วนเหล่านายทหารของค่ายธารทหารโล่เสียต่างก็มีพระชายาผู้เชี่ยวชาญการแพทย์นางนี้ด้วยสายตาแบบใหม่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าพระชายาผู้นี้ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพทางการแพทย์เท่านั้น การใช้พิษเองก็โดดเด่นอีกด้วย ในอุโมงค์ลับนี้ผู้ที่ร่างกายได้รับสารพิษเรื้อรังเหล่านั้น กู้อ้าวเวยใช้เวลาตลอดช่วงวันช่วยทำการวินิจฉัยและรักษา

นางยุ่งงานจนกระทั่งมีเพียงเศษเสี้ยวอัสดง นางจึงดึงผ้าขนหนูลงจากหน้า ขณะที่ซ่านจินจื๋อกำลังบัญชาคนอื่นๆ อยู่นั้นก็พรวดพราดเข้ามา สีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋อง พิษที่ทดลองบนร่างกายของคนเหล่านั้น คล้ายกันกับพิษที่องค์ชายที่ได้รับ”

“อะไรนะ” ซ่านจินจื๋อตบโต๊ะยันกายขึ้น แม่ทัพไม่กี่คนข้างกายต่างก็เบิกตากว้างไปตามๆ กัน “ที่พระชายาพูดมาเป็นเรื่องจริงเชียวหรือ”   

“ข้าย่อมไม่อาจเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก อีกอย่าง ข้ายังค้นพบเรื่องหนึ่งเข้า ทหารที่ถูกทดลองพิษเคยไปสกัดกั้นเรือนสินค้าที่แล่นผ่านบนแม่น้ำ จากนั้นจึงรู้ว่านี่มิใช่คำสั่งคัดค้านของฮ่องเต้ ภายหลังจึงถูกจับไปทดลองยา” กู้อ้าวเวยหัวเสียรุนแรง ยุ่งง่วนทั้งวันทั้งคืน เสียงของนางก็ค่อนข้างแหบแห้งแล้ว

“เช่นนั้นเหตุใดนายทหารคนอื่นๆ จึงไม่พูด” ชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราลุกขึ้นยืนตามเป็นลำดับถัดมา

ข้อนี้ กู้อ้าวเวยเองก็ไม่รู้ ส่วนซ่านจินจื๋อได้ปริปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ค่ายธารทหารโล่เสีย มีกฎตายตัวไม่อนุญาตให้นายทหารกลับบ้านไปเยี่ยมเยียนญาติหรือครอบครัวได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์