บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 79

บทที่ 79 ความจริงของค่ายธารทหาร

มันเกี่ยวกับคนที่กำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรกัน?

คนอื่นๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก และไม่เอ่ยคำไปชั่วขณะ  

กู้อ้าวเวยกลับตอบสนองในทันที ก็แม้กระทั่งเซียวไห่เองยังมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่กี่คนขยิบตาให้กัน กู้อ้าวเวยตัดสินใจว่าจะยังไม่ไปรบกวน ทำเพียงกลับไปรักษาโรคที่ห้องตามเดิม หูสองข้างไม่ฟังเรื่องราวด้านนอก  

ช่วงเวลายามสี่เช้า นางเพิ่งจะจัดการเรื่องอลหม่านเสร็จ และลากร่างกายอันเหนื่อยล้าไปที่โต๊ะด้านนอกห้องยา รินน้ำชาด้วยสองมือสั่นระริก เฉิงยีก็ไม่รู้ว่าเข้ามาเมื่อใด และนำภาชนะบรรจุอาหารมาให้นาง สีหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงกลับอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง “เพิ่งจะเอามาจากห้องครัวเมื่อครู่นี่เอง”  

“ขอบคุณมาก เวลาดึกก็มากแล้ว เจ้าเองก็รีบพักผ่อนเถิด” กู้อ้าวเวยรีบเร่งเปิดกล่องข้าว เริ่มทานอาหาร คนทั้งคนนั้นอ่อนล้าโรยแรง ควรจะพักผ่อนแต่หัววันจึงจะถูก

อิ่มหนำสำราญ เซียวไห่กลับเดินตามซ่านจินจื๋อเข้ามา ทั้งสองมีสีหน้าขึงขัง ทั่วทั้งค่ายธารทหารก็เงียบสงบลงโดยสมบูรณ์ เซียวไห่เห็นว่านางเพิ่งจะได้ทานข้าว จึงประหลาดใจเล็กน้อย “นี่ใกล้จะล่วงเลยยามสี่เข้าให้แล้ว”   

“เพิ่งทำธุระเสร็จ” กู้อ้าวเวยวางจานรองกลับเข้ากล่องข้าว ลุกขึ้นยืนพลางลูบหน้าท้อง แต่กลับไม่มีท่าทีว่าจะนอนพัก แต่กลับใคร่รู้ต่อเรื่องราวของค่ายธารทหารเป็นอย่างมาก “ค่ายธารทหารนี้เป็นสถานการณ์แบบไหนกันแน่”   

“ต้นตอนั่นก็คือเรือสินค้าที่แล่นผ่าน แล้วก็คนในยุทธภพที่มาซื้อพิษเหล่านั้น ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเอาของจากมือพวกโหวเซ่อไปจำนวนไม่น้อย แม่ทัพหลายนายตายติดต่อกันไปไม่กี่ชั่วยามก่อน เรื่องดังกล่าวได้รายงานขึ้นไปให้ฮ่องเต้ทรงทราบแล้ว” ซ่านจินจื๋อเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ  

เรื่องที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือเพราะคนในบริเวณดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านไปเยี่ยมญาติ ด้วยเหตุผลจึงมีนายทหารที่ไม่รู้หนังสือจำนวนไม่น้อยถูกคัดเลือกให้ไปยับยั้งเรือสินค้าโดยใช้นามการฝึกทางทะเลอยู่บ่อยครั้ง เรียกร้องให้ส่งเงินมา ส่วนโหวเซ่อแอบอ้างเอาวัชพืชพิษในยอดเขาของพวกเขารวมทั้งการค้าขายสารพิษดึงเจ้าหน้าที่ชั้นสูงเข้ามาพัวพันจำนวนไม่น้อย ซ้ำยังมอบเงินจำนวนหนึ่งให้ค่ายธารทหารอีกด้วย   

แพทย์ทหารที่เพิ่มออกมาเหล่านั้น แต่ละคนมีภูมิหลังไม่ธรรมดา มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ต้องการซื้อพิษกับโหวเซ่อ ส่วนคนที่เหลือนั้นเข้ามาตักตวงผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ส่วนทุ้งโจวแรกเริ่มเองก็สืบสวนถึงเรื่องราวหญ้าพิษชนิดต่างๆ ของโหวเซ่อ ภายหลังจึงถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว  

“ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ อยู่ภายใต้จมูกของพระเจ้าแท้ๆ” กู้อ้าวเวยลูบไล้ปลายคาง เดินวนไปมารอบหนึ่ง กลับหันหลังกลับมาอีกครั้ง “แต่ว่าเรื่องนี้บานปลายไปมาห ซ้ำยังอยู่ในค่ายธารทหารโล่เสียแบบนี้อีก ฮ่องเต้จะมิอาจจัดการใหญ่โตเป็นแน่ คงทำได้เพียงขจัดปัญหาโดยหยิบยืมโอกาสอื่นๆ กำจัดพวกเขาทีละคนกระมัง”

เซียวไห่ที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า กระตุกมุมปากขึ้น ประสานมือต่อกู้อ้าวเวย “นอกจากนี้ ขอบคุณพระชายาที่ช่วยชีวิตทุ้งโจวด้วย”  

“อย่างไรก็ดี เพียงแต่พวกเรามาค่ายธารทหารแห่งนี้เสียเที่ยวแล้วหนึ่งรอบ เคราะห์ดีที่นายทหารในบริเวณดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ข้าเองก็เบาใจแล้ว” กู้อ้าวเวยหาววอดอย่างเกียจคร้าน และวกกลับเข้าห้องเพื่อนอนพักผ่อน

อย่างไรเสียแม่ทัพบริเวณดังกล่างแทบจะตายกันเป็นเบือ กองกำลังของค่ายธารทหารก็ถูกชำระล้างจนสิ้น ถึงเวลานั้นฮ่องเต้คงจะเรียกไปคิดบัญชีทีละคน พวกเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องแสดงละครว่ารักกันปานจะกลืนกินขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว

แต่นางก็ตื่นจากความฝันหลังจากที่นอนหลับไปได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น ในฝันนั้นสายลมกรีดกระดูก เลือดนองเป็นบ่อ

นางมิอาจลืมเลือน นางเองก็วางยาพิษ ซ้ำยังวางพิษให้แก่คนทั้งค่ายธารทหารแห่งนี้

ถึงแม้คนที่ฆ่าตัวตายจะถูกกำจัดจนสิ้นซากตั้งแต่แรก แต่นางยังคงสามารถจินตนาการถึงฉากหลุมฝังศพอลหม่านอันน่ากลัว  

นางตัวสั่นงันงก ปีนป่ายลุกขึ้นจากเตียง ผลัดอาภรณ์สมถะสะอาดสะอ้าน เริกม่านกั้นสีน้ำเงินเข้มและผลักเปิดประตูออก ท้องฟ้าสว่างจ้าแล้ว แม่ทีพที่ซ่านจินจื๋อนำมาก่อนหน้านี้ได้ควบคุมค่ายธารทหารอย่างเป็นทางการแล้ว มาชำระล้างครั้งใหญ่ ยุ่งเสียจนครึกครื้น  

นางเปิดบานประตูออก เดินตรงไปจนถึงในห้องครัว คนในห้องครัวเห็นนางก็แย้มรอยยิ้มพิมพ์ใจ “ไฉนพระชายาอ๋องจิ้งถึงได้ตื่นเช้าขนาดนี้ คืนวานยุ่งจนถึงดึกดื่นเพียงนั้นเชียว”  

“นอนไม่หลับต่างหาก” นางลูบไม้ลูบมือ เพียงขอให้พ่อครัวทำบะหมี่เครื่องผัดให้นางหนึ่งชาม และเตรียมเกี๊ยวน้ำชามเล็กอีกหนึ่งชาม ลากเก้าอี้ไม้ตัวน้อยจากหน้าประตูครัวมานั่งทานสำรับเช้า  

นางเพิ่งจะดื่มซุปเกี๊ยวน้ำชามเล็กหมดเกลี้ยง หน้าประตูก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินอึกทึกเข้ามา ไม่กี่คนมองปราดเดียวก็เห็นนาง ต่างพากันเงียบเชียบลง ไปหยิบของกินในห้องครัวออกไป   

กู้อ้าวเวยยังนอนไม่เต็มอิ่ม ทำเพียงมองพวกเขาจากไปอย่างแน่นิ่ง ถือบะหมี่เครื่องผัดพลางหาวติดต่อกันหลายวอด แม้แต่กินซุปเส้นจนหมดนางยังคงหิวอยู่เล็กน้อย กลับไปห้องครัวอีกครั้งเพื่อหยิบเอาห่อผักหนึ่งอักเคี้ยวอยู่ในปากพลางเดินออกไปด้านนอก

นายทหารบนท้องถนนต่างพากันหลีกทางให้เมื่อเห็นนาง  

นางขมวดคิ้วและหยิบซาลาเปาชิ้นโตออกมาจากปาก ลูบพวงแก้มอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ บนหน้านางมีอะไรอย่างนั้นหรือ

จนกระทั่งมาถึงในลานของทุ้งโจว นางยังหาสาเหตุไม่พบ  

ทุ้งโจวใช้ชีวิตอยู่ในคุกน้ำมานานเหลือเกิน เจ็บไข้จนล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ท้ายที่สุดเขายังคงเป็นถึงแม่ทัพของค่ายธารทหาร หนีออกไปไม่ได้ กู้อ้าวเวยทำได้เพียงรักษาเขาสุดกำลังก่อนที่จะจากที่นี่ไป อีกทั้งยังตระเตรียมตัวยาบางส่วนสำหรับเขาและเหล่านายทหารคนอื่นๆ ที่ถูกทดลองยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย  

ทว่าครั้นเดินเข้าประตู ข้างกายของทุ้งโจวก็มีสตรีนางหนึ่งที่รูปลักษณ์เรียบง่ายเพิ่มมาอีกคน มีท่าทีสะอึกสะอื้น เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาแบบกะทันหัน ก็รีบร้อนปาดคราบน้ำตาที่ปลายตา ถอยไปอยู่ด้านข้างพลางคารวะ “หม่อมฉันคารวะพระชายาอ๋องจิ้ง...”  

“ไม่ต้อง” กู้อ้าวเวยโบกมือ เดินปรี่เข้าไปที่โต๊ะข้างๆ ตัวยาได้วางไม่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้นางตำจนแหละก็ใช้การได้ นางเอ่ยเสียงแผ่ว “พวกเจ้าพูดคุยกันเถิด คิดเสียว่าไม่มีข้าก็พอ”

หญิงสาวตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทุ้งโจวกลับโบกมือให้นาง “ทำให้เจ้ากังวลใจแล้ว”  

“ก่อนที่ท่านจะแกล้งตายเคยพูดกับข้าสักคำ?” หญิงสาวส่งเสียงครวญคราง และเสมองกู้อ้าวเวยอย่างอยากรู้อยากเห็น กระตุกปลายอาภรณ์ของทุ้งโจว “พระชายาท่านนี้ เหตุใดจึงไม่ค่อยเหมือนกับตามตำนานเล่าขานมา...”

“เชื่อตามที่เห็น” ทุ้งโจวพยักหน้า ดึงนางสู่อ้อมอกอย่างปลอบประโลม “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง รอจนร่างกายข้าหายดีแล้ว จะไปสู่ขอเจ้าที่บ้านแน่”

บัดนั้นหญิงสาวหน้าแดงก่ำ ทั้งสองดูชิดเชื้อกัน  

กู้อ้าวเวยไม่ได้ยินแม่แต่คำเดียว ทำเพียงชะงักอยู่หลังจากที่ตระเตรียมยาสมุนไพรเสร็จ คนในดวงใจของทุ้งโจวอยู่ที่นี่ทั้งคน นางเองก็ไม่กล้าตรงดิ่งไปทายาให้เขา ลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะยัดยาสมุนไพรใส่ในอ้อมอกของหญิงสาว “ป้ายยาสมุนไพรตัวนี้ลงบนปากแผล ประคบสักพักค่อยเอาออก ล้างมือ ใช้ผ้าเช็ดคราบยาที่อยู่รอบปากแผล และเปลี่ยนเป็นผ้ากระสอบหรือผ้าละเอียดแทน”

“เอ่อ...เจ้าค่ะ” หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจ

กู้อ้าวเวยตรวจชีพจรให้ทุ้งโจว มองเขาแวบหนึ่ง “ท่านเองก็อายุไม่น้อยแล้ว และเป็นถึงแม่ทัพ ทำไมถึงไม่แต่งงานให้ไวๆ”

“ไม่ใช่เพราะปัญหาที่มาจากค่ายธารทหารแห่งนี้” ทุ้งโจวจนปัญญา หญิงสาวข้างกายดวงตาก็หม่นแสงลง

“เช่นนั้นตอนนี้ก็ดีแล้ว ขอให้ทั้งสองท่านรักใคร่ร้อยปี มีทายาทเร็ววัน” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ และเขียนใบสั่งยาสองแผ่นอีกครั้ง ก่อนจะจากไป ทิ้งให้ทั้งสองมองตาและยิ้มให้กัน

ออกจากลานของทุ้งโจว เพิ่งจะหมุนกายปิดประตู ใบหน้าของซ่านจินจื๋อก็ลอยมาเข้าตา กู้อ้าวเวยเสียขวัญสะดุ้งโหยง ถอยหลังหนึ่งก้าวและแหงนหน้ามองเขา “แม่ทัพทุ้งกำลังอยู่กับคนในดวงใจอยู่เชียวนะ”

“ข้ามาพาเจ้ากลับเทียนเหยีน” ซ่านจินจื๋อคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์