ตอนที่ 83 เข้าตำหนัก
“ซ่านจินจื๋อ เจ้าจริงจังใช่ไหม?” กู้อ้าวเวยเปิดม่านรถออกอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพื่อมองไปทางซ่านจินจื๋อที่กำลังควบม้าอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงที่ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้สูงได้ ส่งผลให้คนรอบๆด้านต่างทยอยกันหันมามองเป็นตาเดียว
“แน่นอน” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง
เรื่องของบ้านลอยน้ำในครั้งนี้ เขารู้ว่าโหวเซ่อได้แทรกซึมเข้าไปในแต่ละมุมของแคว้นชางหลานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าหยุนเซ่อหรือว่าโหวเซ่อก็ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญกับกู้อ้าวเวยเช่นนี้ แสงไฟในตอนนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่มีความสามารถที่สุดข้างกายปกป้องนางได้
โน้มน้าวไปก็ไร้ประโยชน์ กู้อ้าวเวยทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
ชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นคนที่ช่วยนางไว้หลายครั้ง เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าออกมาให้เห็นแม้แต่นิดเดียว ซึ่งแตกต่างจากพวกของเฉิงซาน ชายชุดดำมักจะเงียบขรึมและมีเงื่อนงำ ดูไม่เหมือนกับคนที่ชอบประจบสอพลอออกความคิดเห็นเช่นนั้นแต่อย่างใด
“เจ้าชื่ออะไร?” กู้อ้าวเวยนวดขมับตาเล็กน้อย
“กุ่ยเม่ย”
“ทำไมถึงชื่อนี้ละ?” ช่างแปลกประหลาสียจริง กู้อ้าวเวยนวดหัวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับกุ่ยเม่ย จึงทำได้แค่เพียงปิดปากเงียบไปตลอดทาง รอให้ถึงวิหารเฟิ่งหมิงของตำหนักอ๋อง ชิงต้ายได้เตรียมของเพื่อนางไว้เรียบร้อยแล้ว
ต่อไปก็จะให้หยินเชี่ยวและหยุนฝูอยู่ประจำการที่ร้านยาเหย้า ส่วนชิงต้ายต้องคอยดูแลนาง
เมื่อกลับมาถึงบริเวณที่มีกำแพงสูงชันใหม่อีกครั้ง กู้อ้าวเวยก็ยังคงแสดงท่าทางนิ่งเฉยอยู่เช่นนั้น นางรีบสาวเท้ากลับไปนอนหลับพักผ่อนอยู่ในวิหารเฟิ่งหมิง ดูเหมือนว่าซ่านจินจื๋อจะไม่แสดงความคิดใดๆต่อการไม่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารของนาง ทำได้เพียงแค่พูดกับซูพ่านเอ๋อด้วยเสียงเบาๆว่า :“ในเมื่อพี่กู้ก็กลับมาแล้ว ท่านพี่จื๋อก็น่าจะเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องของคุณหนูรองกู้ไว้ด้วยนะเพคะ”
“พ่านเอ่ออยากให้ข้ารบกวนฉิงเสี้ยงมาถึงที่นี่อย่างนั้นหรือ?” แววตาของซ่านจินจื๋อฉายแววอ่อนลงในทันใด
พ่านเอ่อเบนสายตาเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำว่า : “ถึงอย่างไรคำวิพากษ์วิจารณ์ของท่านพี่จื๋อในตำหนักตอนนี้ก็ใช้อะไรไม่ได้แล้ว กู้เฉิงเสี้ยงก็มีเพียงบุตรสาวทั้งสองคนนี้ หากท่านอ๋องควบคุมพวกนางได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่ากู้เฉิงเสี้ยงจะไม่ช่วยท่าน”
“พ่านเอ่อคิดอย่างรอบคอบมาก แต่ข้าก็ยังคงเต็มอกเต็มใจทำเพื่อเจ้า เมื่อกู้เฉิงเสี้ยงเข้าวังแล้ว ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆอีกโดยเด็ดขาด” ซ่านจินจื๋อคีบอาหารวางลงในชามของนาง
เมื่อได้รับการรับรอง ซูพ่านเอ่อก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมา แผนการในใจลึกๆกลับถูกวางแผนอยู่เงียบๆอยู่นานแล้ว
ในวันที่กู้จี้เหยาเข้ามาในวังนั้น ท้องฟ้าได้อึมครึมแล้ว ม่านเมฆเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กู้อ้าวเวยกำลังเก็บสมุนไพรจากร้านยาเหย้า รวมทั้งหนังสือที่ร่วงหล่นอยู่บนลานกว้างย้ายมาอยู่ในตำหนัก
กู้อ้าวเวยไม่ได้อยู่ในวังหลัก เพียงแต่สามารถเข้าวังจากด้านข้างได้ เสื้อผ้าที่ดูหรูหรางดงาม รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าตลอดเวลา มีสาวใช้ 6 คนและขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีก 12 คนเดินตามมาด้านหลัง อากัปกิริยาดูงดงาม แต่ซ่านจินจื๋อกลับไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง ทำได้เพียงแค่ส่งผู้ดูแลในตำหนักจัดเตรียมวิหารชีงเฟิงที่อยู่ในตำแหน่งที่ไกลออกเล็กน้อยอีกหลังหนึ่งให้แทน เหมือนกับซูพ่านเอ่อ และกู้อ้าวเวยที่อยู่ห่างกันออกไป
เด็กสาวที่มีปฏิภาณไหวพริบที่อยู่ข้างกายเพียงคนเดียวก็มีเพียงหลานเอ๋อร์ที่มีแม่คอยอบรมสั่งสอนอยู่เสมอ
เมื่อเดินพ้นประตูไป หลานเอ๋อร์ก็มองไปทางลานแห่งนี้ด้วยความไม่พอใจ ลานแห่งนี้เทียบไม่ได้กับจวนเฉิงเสี้ยงสักนิดเดียว ใบหน้าที่เปลี่ยนสีลงทันใดก็ได้หันไปถามผู้ดูแลบ้านที่อยู่ข้างกายว่า: “คุณหนูของตระกูลเราก็ยังเป็นคุณหนูรองของจวนเฉิงเสี้ยง จะไปทำลายวังได้อย่างไรกัน”
ผู้ดูแลตำหนักหัวเราะเยาะออกมา ในเมืองเทียนเหยียนแห่งนี้ใครจะไปรู้ว่าคุณหนูทั้งสองของตระกูลกู้จะน่าขำขันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าในใจของอ๋องจิ้งกลับมีใบหน้าของนางเพิ่มเข้ามา กู้จี้เหยาผู้นี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นพระชายารองสักนิดเดียว ร่อนเร่พเนจรจนได้มาเป็นนางสนม ผู้ดูแลตำหนักอย่างเขาจะเห็นนางอยู่ในสายตาได้อย่างไรกันละ?
“ตำหนักแห่งนี้ท่านอ๋องก็เป็นคนทรงเลือกเอง” ผู้คุมตำหนักพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
“ถึงแม้ว่าตำหนักแห่งนี้ท่านอ๋องจะทรงเลือกเองก็ตาม แต่การตกแต่งตำหนักแห่งนี้คือหน้าที่ของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ?” หลานเอ๋อร์พูดยกตนข่มท่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...