ตอนที่ 84 การร่วมมือกับจวนฉี
“รับสำหรับก่อนแล้วค่อยไป” ซ่านจินจื๋อเอ่ยปากทันใด
สาวใช้สองสามคนที่อยู่ข้างกายก็กำลังยกอาหารที่กำลังเดือนพล่านเข้ามา อาหารเหล่านี้ที่อร่อยเช่นนี้ กู้อ้าวเวยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ตัดสินใจนั่งลงใหม่อีกครั้ง แล้วลงมือเสวยอาหารตรงหน้าต่อ
นางเพียงแค่ไม่อยากร่วมโต๊ะกับแม่นางทั้งสองคนนี้เท่านั้น เพราะทำให้นางรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากทีเดียว
วินาทีต่อจากนั้น ซูพ่านเอ่อก็คีบอาหารใส่ในถ้วยของซ่านจินจื๋อด้วยท่าทางหยาดเยิ้ม เมื่อกู้อ้าวเวยเห็นอากัปกิริยาเช่นนี้จึงคิดจะทำเยี่ยงอย่าง แต่หลานเอ๋อร์ที่ส่องสายตาเฉียบคมมาจากด้านหลังได้ขัดขวางนางไว้ นางจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยวาง แล้วเสวยอาหารต่ออย่างว่าง่ายเท่านั้น
ซูพ่านเอ๋อเห็นคนเหล่านี้เสวยไปมากแล้ว นางจึงได้พูดขึ้นว่า :“พี่กู้และน้องกู้ล้วนเป็นคนของตระกูลกู้ หลังจากนี้เราจะแยกแยะกันได้อย่างไรดีละ?”
“ท่านอ๋องและพี่ซูเรียกหม่อมฉันว่าจี้เหย้าก็พอแล้วเพคะ” กู้จี้เหยารีบพูดต่อในทันใด
กู้อ้าวเวยกลับเสวยอาหารไปก่อนพอสมควรแล้ว นางจึงได้วางถ้วยและตะเกียบลง จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือประคองแก้มไว้พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งถูไถไปบนหน้าท้อง ก่อนจะมองไปทางซ่านจินจื๋อ: “หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องรู้ความแตกต่างระหว่างพระชายาและนางสนมนะเพคะ”
กู้จี้เหยาแสดงสีหน้ายากที่จะเชื่อออกมา หลานเอ๋อร์จึงทำได้เพียงรีบดึงนางไว้
“เวยเอ๋อพูดก็สมเหตุสมผล” ซ่านจินจื๋อวางถ้วยและตะเกียบลงพร้อมกัน
เวยเอ๋อสองคำนี้สร้างความตื่นตกใจให้แก่ซูพ่านเอ่อและซูอ้าวเวยที่นั่งอยู่จนต้องหันมองหน้ากันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย กู้อ้าวเวยจึงคิดแค่เพียงว่าวันนี้ซ่านจินจื๋อจะต้องทานยาผิดมาอย่างแน่นอน หรือว่ากำลังแสดงละครอยู่ในตำหนักอ๋องจิ้ง?
ซ่านจินจื๋อสีหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำได้เพียงแค่มองไปทางหู้อ้าวเวย ก่อนพูดว่า: “ในเมื่อเวยเอ๋อเป็นถึงพระชายาของข้า ต่อแต่นี้ไปก็ย่อมแตกต่างจากนางสนมอยู่แล้ว เวยเอ๋อ เจ้าคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
“เพคะ ท่านอ๋องพูดถูกเพคะ” นางยังจะพูดอะไรได้บ้างละ?
กู้อ้าวเวยถูกคนจับตามองมาโดยตลอด ทำได้เพียงหาเหตุผลที่จะออกไปจากที่นี่
ส่วนใบหน้าของซูพ่านเอ่อที่หมองคล้ำราวกับสีดิน ซ่านจินจื๋อที่เอาแต่ตามนางมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม่ยอมตามนาง นางไม่สามารถเอ่ยปากให้ยกความยุติธรรมถวายขึ้นหิ้งได้ จึงทำได้เพียงแค่อดทนอดกลั้นไว้เท่านั้น
ซ่านจินจื๋อเสวยอาหารเสร็จก็เดินเข้าวังไปอย่างรีบร้อนโดยที่ไม่ทันรอให้กู้จี้เหยาพูดขึ้นแต่อย่างใด
ฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง ฝนกระหน่ำที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หลานเอ๋อร์ได้กางร่มพากู้จี้เหยาไปส่งวิหารชีงเฟิง เมื่อตั้งใจฟังอย่างละเอียดแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าวิหารชีงเฟิงของกู้อ้าวเวยนั้นไกลมากแค่ไหน มีเพียงซูพ่านเอ่อผู้เดียวที่ได้ประทับอยู่ในตำหนักหลักแห่งนี้
“แต่ท่านอ๋องก็ทรงโปรดปรานกู่อ้าวเวยมากอย่างเห็นได้ชัด” กู้จี้เหยาที่ยั่งอยู่ตรงหน้าโคมไฟบนโต๊ะเครื่องประดับ
“คุณหนูอย่าเพิ่งวู่วามนะเพคะ ใจเย็นๆรอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะใช้กลยุทธิ์บางอย่างจนได้รับความเอ็นดูจากท่านอ๋องก็ได้นะเพคะ ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกหลานของตระกูลหยุน ยาที่ถวายให้แก่ท่านอ๋องก็ล้วนมีความเป็นไปได้เพคะ”
“มีเหตุผล” กู้จี้เหยาทอดถอนหายใจออกมาเงียบๆ จากนั้นก็มองไปทางฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอกด้วยจอตใจที่กระวนกระวาย
ส่วนกู้อ้าวเวยที่กลับมาถึงวิหารเฟิ่งหมิงก่อนแล้วก็ทำการนำรองเท้าเสื้อผ้าที่เปียกชื้นเปลี่ยนให้เรียบร้อย จากนั้นก็คิดหาทางว่าจะหาวัสดุดิบที่อยู่บนหน้าผาโดยที่ซ่านจินจื๋อจับไม่ได้ได้อย่างไร
ต้นลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์อยู่ในมือของนางเรียบร้อยแล้ว วัตถุดิบเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถช่วยได้นั้นก็คือต้องทำการหาหญ้าไป่หยาให้เจอ ไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด มีหนึ่งเรื่องที่นางสามารถทำได้อย่างไม่ตกบกพร่อง คุณปู่เคยบอกนางว่านางชิมแค่รสก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นสมุนไพรหญ้าไป่หยา จนได้รับยาสมุนไพรที่ล่ำค่าเช่นนี้มา น่าจะทำให้อายุยืนยาวนานมากยิ่งขึ้น
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถให้ซ่านจินจื๋อรู้ได้เลย เขาเป็นคนที่ดุร้าย และมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับซูพ่านเอ่อ หากรู้เข้าละก็ สมุนไพรนี้จะต้องร่วงหล่นอยู่ในมือของนางที่ไม่ได้ป่วยอย่างซูพ่านเอ่ออย่างแน่นอน
ส่วนใบสั่งยาที่มีอายุยืนนานนี้ หากถูกคนภายนอกรู้เข้า ก็ไม่รู้ว่าจะชวงชิงถึงกับหัวร้างข้างแตกกันเลยหรือไม่อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...