บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 85

ตอนที่ 85 ความคิดเห็นของหลานเอ๋อร์

“ได้ แต่พรุ่งนี้ไม่ได้ พิษของโหวเซ่อนั้นโหดร้ายมาก วันนี้หม่อมฉันได้ให้คนไปเตรียมเครื่องปรุงยาแล้ว พรุ่งนี้จะไปทำการรักษาอาการขององค์ชายสี่ หากพิษร้ายยังคงเหลืออยู่ ก็ยังจำเป็นจะต้องให้ใบสั่งยาแก่เขา” กู้อ้าวเวยตักเค้กเข้าปากอีกสองสามคำ ซึ่งนำพารสชาติที่หอมหวานของน้ำตาลดอกกุ้ยแตกซ่านอยูในปาก จนโน้มไปทางหวานเลี่ยนเลยทีเดียว

“รอเจ้าว่างก็ได้” ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาจัดการเรื่องราวของตัวเองอีกครั้ง

เมื่อกู้อ้าวเวยเห็นก็ทำได้เพียงแค่กวักมือเรียกสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูให้เข้ามา จากนั้นก็มองไปทางกู้จี้เหยา: “ท่านอ๋องไม่ชอบให้มีคนอยู่ในห้องหนังสือมากเกินไป ไม่สู้เท่าให้ข้าไปส่งเจ้ากลับวิหารชีงเฟิงไม่ดีกว่าหรือ?”

“ได้สิ พี่สาว” กู้จี้เหยาจึงวางถ้วยเล็กที่อยู่ในมือลง ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินตามกู้อ้าวเวยไป

ท่ามกลางฝนที่เทกระหน่ำลงมา กู้อ้าวเวยกลับวางแผนกับเรื่องที่ต้องทำอยู่ในใจได้เป็นอย่างดี แต่กู้จี้เหยาที่อยู่ด้านข้างกลับกัดฟันกรอดอยู่เงียบๆ คิดแค่เพียงว่าการมาครั้งนี้ของกู้อ้าวเวยก็เพื่อสร้างความลำบากใจให้แก่นาง เมื่อ ณ ตรงนั้นไม่มีใคร นางจึงได้เปิดเผยธาตุแท้ออกมา: “นึกไม่ถึงว่าพี่สาวจะใช้เสน่ห์ที่มีอยู่มัดใจคนได้ น่าเสียดายที่เมื่อก่อนข้าคิดว่าพี่มีจิตใจที่ไร้เดียงสาบริสุทธิ์”

“ที่นี่เป็นตำหนักอ๋องจิ้ง จวนเฉิงเสี้ยงเป็นที่ที่เจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ” กู้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่มองไปข้างหน้าและก็เห็นสาวใช้กลุ่มหนึ่งกำลังกางร่มเดินกันขวักไขว่ แต่นางกลับเดินอย่างช้าๆ: “หากเจ้ายังพูดเรื่อยเปื่อยไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ต่อละก็ ตำหนักอ๋องจิ้งคงจะไม่ไว้หน้าเจ้า”

“อย่าคิดว่าเมื่อเจ้าดำรงตำแหน่งพระชายาแล้วจะมาบงการข้าได้” กู้จี้เหยารีบย่างก้าวไปยังข้างกายของนาง จากนั้นก็ขวางนางไว้ :“ท่านอ๋องรับรองเจ้าเช่นนี้ แต่เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน หากเจ้าช่วยข้าดูแลท่านอ๋องเป็นอย่างดี ท่านพ่อต้องดีใจมากอย่างแน่นอน”

“รับรอง?”

แต่ก็เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ต่อให้อยู่ในเรือนลอยน้ำ แต่ซ่านจินจื๋อก็มีความสนใจต่อหน้าเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ท่านอ๋องโปรดปรานซูพ่านเอ่อเป็นที่สุด

กู้อ้าวเวยทอดถอนหายใจ จากนั้นก็ถอยหลังไปด้านหลังก้าวหนึ่ง: “ในเมื่อเจ้าเป็นน้องสาวของข้า ข้าก็ขอเตือนเจ้าสักหน่อย ช่วยระมัดระวังในการปฏิบัติตัวด้วย ในตำหนักอ๋องไม่มีเพื่อนของเจ้า ท่านอ๋องเองก็ไม่ใช่คนที่จะหลงใหลเพ้อฝันไปกับความงดงาม วันนี้เจ้าเพิ่งเข้ามาในตำหนัก ท่านอ๋องคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าไม่ต่างกัน หากเจ้ายังทำเรื่องผิดจรรยาบรรณเช่นนี้ ข้าก็คงจะช่วยเจ้าไม่ได้”เมื่อเสียงสิ้นสุดลง นางก็หมุนตัวเดินจากไปทันที ทิ้งกู้จี้เหยาไว้ให้ยืนขุ่นเคืองอยู่ที่เดิม: “หากข้าเกิดก่อนสักสองสามปีก็คงจะดีไปนานแล้ว !ข้าต้องเป็นพระชายาคนแรก อ๋องจิ้งผู้นี้บอกไว้ว่าอาจจะตกเป็นของข้าก็เป็นได้!”

“คุณหนูอย่าโกรธเคืองไปเลย คุณหนูใหญ่ยั่วเย้าอารมณ์เก่งท่านก็รู้นิเพคะ หม่อมฉันคิดว่า นางต้องเป็นกังวลเรื่องที่ท่านเข้าตำหนักมาเพื่อแย่งชิงจุดดีจุดเด่นของนางอย่างแน่นอน เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆเพคะ” หลานเอ๋อร์รีบรุดขึ้นมาติดๆ จากนั้นก็มองไปทางแผ่นหลังที่จากไปของกู้อ้าวเวยด้วยแววตาดุร้าย

กู้ฮูหยินได้กำชับต่อนางก่อนเดินทาง กู้อ้าวเวยผู้นี้ไม่ใช่บุตรสาวที่เอาแต่สร้างแต่ปัญหา ถึงจะปากคอเราะราย นิสัยเกเร ทำเรื่องที่ไร้ซึ่งวาทกรรม ให้นางตามจี้เหยา เพื่อให้จี้เหยาใช้เพทุบายบางอย่างดึงดูดอ๋องจิ้งไว้ก็ตาม แต่กู้อ้าวเวยก็เป็นสิ่งถ่วงความเจริญไว้อย่างยิ่งยวด ไม่มีค่าพอให้หวาดกลัว

อารมณ์ขุ่นมัวของกู้จี้เหยาเบาบางลงไปบ้างแล้ว แต่กลับหมุนตัวไปทางตำหนักใหญ่แทน : “ข้าจะไปหาซูพ่านเอ่อ........”

“ไอหยา คุณหนูไม่ต้องหรอกเพคะ!” หลานเอ๋อร์รีบมาขวางนางไว้ จากนั้นก็ลากคุณหนูกลับไปในห้องของวิหารชีงเฟิงอย่างสุดแรงเกิดโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น จากนั้นก็พูดต่อว่า: “ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่และคุณหนูจะไม่ลงรอยกันก็ตาม แต่มีประโยคหนึ่งที่ไม่ผิดนะเพคะ คุณหนูอยู่ในตำหนักอ๋อง แต่ไม่มีเพื่อนของคุณหนูเลยสักคน”

“แต่หากไม่ใช่ซูพ่านเอ่อ ข้าจะเข้าไปในตำหนักอ๋องได้อย่างไร?” กู้จี้เหยาจ้องเขม็งไปทางหลานเอ๋อร์: “ท่านแม่ใช้ให้เข้ามาช่วยข้า ไม่ใช่ให้เจ้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของผู้อื่นมากเช่นนี้”

“คุณหนู หลานเอ๋อไม่ได้ยุ่งวุ่นวายเรื่องของผู้อื่นนะเพคะ วันนั้นแม่นางซูก็ได้กล่าวไว่ว่านางคงจะอยู่ได้ไม่นานจึงจะให้คุณหนูดูแล แม่นางมากมายบนโลกใบนี้ ทำไมถึงได้เลือกคุณหนูที่อยู่ในฐานะน้องสาวของพระชายามาละเพคะ? หรือว่าคุณหนูคิดว่าซูพ่านเอ่อจะให้คุณหนูดูและท่านอ๋องจริงๆ ไม่ใช่เพื่อให้คุณหนูมาตาต่อตา ฟันต่อฟันกับคุณหนูใหญ่หรือเพคะ?” หลานเอ๋อร์ทำได้เพียงแค่คุกเข่าลง พร้อมกับมองไปทางกู้จี้เหย้าอย่างซื่อสัตย์

เมื่อได้ยินคำพูดของหลานเอ๋อร์ กู้จี้เหยาก็อดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้

จริงสิ ทำไมถึงต้องเป็นนางด้วยละ

“หากคุณหนูไม่เชื่อ ก็ทำได้เพียงแค่รอวันเหล่านั้น หากแม่นางซูอยากให้คุณหนูเป็นตัวแทนดูแลท่านอ๋องด้วยใจจริง หลายวันมานี้ก็ต้องให้คุณหนูไปรอในห้องบรรทมแล้วสิเพคะ หากไม่ใช่ ก็เท่ากับใช้คุณหนูเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น” หลานเอ๋อร์ย่อมตีเหล็กในขณะที่กำลังร้อน จึงได้พูดต่อขึ้น

กู้จี้เหยาพยักหน้าเห็นด้วย และตัดสินใจว่าในหลายวันนี้จะรอดูการเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบๆ

เช้าในอีกวัน ท้องฟ้ายังคงอึมครึมอยู่เช่นเดิม ชิงต้ายทำได้เพียงนำหนังสือที่เหลือเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย ก่อนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อฝนนี้หยุดตก ฤดูร้อนก็ยังอีกไม่ไกลแล้ว อากาศน่าจะร้อนขึ้นมาแล้วนะเพคะ”

“ดูเหมือนว่าจะรักและทะนุถนอมฝนที่ตกในหลายวันมานี้เป็นอย่างดีเลยนะ” กู้อ้าวเวยหยิบกล่องยาของตัวเองขึ้นมา พร้อมกับหยิบกล่องอาหารออกมา และใส่ยาและน้ำซุปลงไปในถ้วย ไม่ว่าอย่างไร ซ่านเชียนหยวนต้องดื่มลงไปอย่างแน่นอน เผื่อไว้

ชิงต้ายเดินตามกู้อ้าวเวยจนมาถึงตำหนักไร้ชื่อที่ซ่านเชียนหยวนอยู่

ที่นี่เป็นสถานที่ที่ตรงกันข้ามกับใจกลางของตำหนักอ๋องเล็กน้อย แต่การประดับตกแต่งในเวลานี้กลับดียิ่งกว่า นอกจากนี้ก็ยังมีลานบ้านขนาดกว้างขวาง ดึงดูดให้ทะเลสาบทะลักเข้ามา มันเงียบและงดงามวิจิตระการตามาก แค่กลับไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร

ส่วนในห้องของซ่านเชียนหยวนนอกจากของที่จำเป็นต้องใช้แล้วที่แห่งอื่นกลับว่างเปล่า จนกระทั้งไม่มีแม้แต่แจกันโบราณหรือชั้นวางแต่อย่างใด ส่วนซ่านเชียนหยวนดูเหมือนว่าจะกำลังเขียนจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยพาชิงต้ายเดินเข้ามา เขาจึงได้รีบเก็บจดหมายกันมือพันจารวันกันเลยทีเดียว

กู้อ้าวเวยนั่งลงข้างกายของเขา จากนั้นก็นำกล่องยาออกมา แต่ก็อดที่จะหยอกเย้าไม่ได้ว่า :“ทำไมหรือ? ดูสิว่าเป็นแม่นางของตระกูลไหน?”

“ไม่มีอะไร” ซ่านเชียนหยวนขยี้จมูกเล็กน้อย เพียงแต่ว่าเครื่องเขียนหมึกและที่ทับกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะได้ถูกเคลื่อนไปด้านข้าง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างให้กู้อ้าวเวยได้วางของในมือลง

“มันไม่ใช่เรื่องที่จะยากต่อการเอ่ยปากอีกแล้ว” กู้อ้าวเวยจับชีพจรของเขา แต่กลับเกิดความกังวลจึงได้ทำการเจาะเลือดของเขาอีกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพิษจะยังคงตกค้างอยู่ในร่างกาย จากนั้นก็นำถ้วยที่เตรียมไว้ 2 ถ้วยเมื่อสักครู่นี้ยื่นให้แก่เขา

ซ่านเชียนหยวนยกซุปขึ้นดื่มจะหมดเกลี้ยง แต่เมื่อเห็นถ้วยในมือของกู้อ้าวเวย จึงได้ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า :“พระชายาผอมลงรึไม่พะยะค่ะ?”

“ใช่หรือ?” กู้อ้าวเวยบีบข้อมือของตัวเอง ด้วยความประหลาดใจ “ข้ากินมากเช่นนั้นในทุกๆวัน”

“แต่ท่านยุ่งมากเกินไป” ชิงต้ายนำถ้วยเปล่าและกล่องยากลับมาเก็บให้เรียบร้อย

“ก็ไม่ยุ่งนะ ปกติแล้วข้าก็มักจะอ่านหนังสือ และก็ปรุงยาเท่านั้น” กู้อ้าวเวยลูบไล้ไปบนข้อมือของตัวเอง

“แต่เรื่องที่ท่านอ่านหนังสือและปรุงยาก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงระยะเวลาที่ยาวนานได้เหมือนกันเพคะ” ชิงต้ายทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง นัยน์ตาปรากฏแววตาไม่พอใจและสนใจอย่างไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นได้

กู้อ้าวเวยถูกมองจนขาดความมั่นใจในตัวเอง เมื่อก่อนนางไม่ได้ผ่าตัดในทุกวัน และมักจะถูกเรียกให้ไปทำการวิจัยเกี่ยวกับวิชาการ

“เจ้ามีความเชี่ยวชาญทางการทหารมากกว่าข้า ยุ่งวุ่นวายในทุกวัน เรื่องทานข้าวก็ต้องเร็วเป็นธรรมดา” ซ่านเชียนหยวนเอ่ยปากขึ้น

“ข้าสังเกตเห็น ถึงอย่างไรพิษที่ยังเหลืออยู่ในร่างกายของเจ้าก็น่าจะลดลงไปมากแล้ว ข้ากลับไปอ่านหนังสือในร้านยาเหย้าดีกว่า” กู้อ้าวเวยยิ้มเจื่อนๆ จากนั้นก็ยืนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพาชิงต้ายออกไปอย่างรีบร้อนทันที

ซ่านเชียนหยวนมองไปทางแผ่นหลังของนาง จากนั้นก็นำจดหมายที่ซ่อนไว้ออกมา แล้วยื่นให้แก่คนที่อยู่นอกหน้าต่าง: “นำไปส่งให้แก่เมิ่งโหย่วเว๋ย อีกเรื่อง ให้คนไปตรวจสอบอำนาจในวังของเสด็จอาด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์