ตอนที่ 86 ปรึกษา
เม็ดฝนที่ตกพรำๆ จนทำให้น้ำที่สะสมอยู่บนถนนดูลึกขึ้นเรื่อยๆ
รถม้าของตำหนักอ๋องจิ้งเพิ่มความระมัดระวังในการข้ามผ่านถนน ความคึกคักเจริญรุ่งเรืองในทุกวันได้ถูกน้ำฝนที่เทกระหน่ำลงมาสาดเซ็นใส่ มีเพียงพ่อค้าแผงลอยขายผักเพียงอย่างเดียวที่ยังต้องขายต่อไปท่ามกลางฝนที่ตกพรำๆ
สุดท้ายรถม้าของตำหนักอ๋องก็หยุดลงตรงหน้าทิงเฟิงโหล่ว แม่นางหลิวเอ๋อสวมใส่ชุดสีขาวละมุนราวกับนางฟ้า และมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยสองสามคนเดินตามมาด้านหลัง แต่กู้อ้าวเวยกลับต้องชดใช้กรรม
ในฐานะที่เป็นหมอ หลังจากที่กลับจากร้านยาเหย้าจนมาถึงวิหารเฟิ่งหมิงเมื่อวานก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะไม่น้อย
วันนี้อากาศหนาวเย็น ทำได้เพียงหยิบผ้าสีเข้มผืนนั้นขึ้นมาห่มตัวเองให้มิดชิด พร้อมกับนำผ้าที่เปื้อนไปด้วยยาขึ้นมาคลุมหน้าไว้ เหลือไว้แค่เพียงดวงตาแดงก่ำเพราะอาการหนาวสั่นเท่านั้น
"น้อมทักทายแด่อ๋องจิ้ง พระชายาอ๋องจิ้งเพคะ" หลิวเอ๋อถอยไปด้านหลัง เพื่อแสดงความเคารพ
เพราะท่านอ๋องทรงมีรับสั่งว่าวันนี้ให้ฟังการพยากรณ์อากาศและจะไม่รับแขกท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง ห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า กลับมีผ้าคลุมบางกั้นเอาไว้ทั้งสี่ด้าน
หลิวเอ๋อนำพาทั้งสองไปยังห้องบทกวีบนชั้นสอง ที่มีนักดีดพิณกำลังดีดบรรเลงพิณอย่างไพเราะอยู่ด้านนอก
เมื่อทั้งสองคนนั่งลง กู้อ้าวเวยจึงได้ปล่อยผ้าคลุมลง ก่อนจะไอออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็เปิดผ้าคลุมหน้าสตรีออกแล้วนั่งดื่มชาอยู่มุมห้อง ก่อนที่แม่นางหน้าตางดงามที่อยู่ด้านข้างจะยื่นหน้าออกมา :"ข้าไปหยิบยาเหล่านั้นมาให้นะเพคะ"
“ไม่จำเป็นหรอก ช่วยต้มน้ำร้อนให้ข้าก็พอ” กู้อ้าวเวยอดที่จะไอออกมาอีกสองสามครั้งไม่ได้
เจ็บไข้ได้ป่วยก็เหมือนกับภูเขาที่ถล่มลงมา จะว่าไปแล้วนางก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
หญิงสาวรีบยกน้ำที่ร้อนระอุอยู่ในกาน้ำขึ้นมา กู้อ้าวเวยจึงรินใส่ถ้วยยาที่บดเป็นผงแล้วใบหนึ่ง จากนั้นก็วางไว้ด้านข้าง เมื่อผ่านไปสักพัก น้ำตาก็ได้ไหลรินลงมาเพราะอาการหนาวสั่น นางจึงทำได้เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเท่านั้น
“ร่างกายของเจ้าแย่ลงมากทีเดียว คนของตำหนักอ๋องไม่ให้เจ้าเสวยอาหารหรือ?” ซ่านเชียนหยวนมองไปทางข้อมือที่ยื่นออกมา ซึ่งข้อมือนั้นละเอียดมากกว่าซูพ่านเอ๋อ
“ไม่ใช่ เพียงแค่ข้าทานแล้วไม่อ้วนเท่านั้น” น้ำเสียงของนางยังคงแหบพร่า
หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเชิญฉีหมิงมาละก็ นางไม่มีทางออกมาสู้รบกับความหนาวเช่นนี้แน่
เมื่อหลิวเอ๋อเห็นสถานการณ์นี้ จึงไม่กล้ายื่นเค้กออกไป แต่กลับหยิบน้ำผึ้งที่เติมน้ำอุ่นส่งให้แทน ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า:"พระชายาเพคะ หลังจากดื่มยาแล้ว ดื่มของหวานตามไปสักหน่อยนะเพคะ"
“ขอบใจมาก" กู้อ้าวเวยยิ้มเล็กน้อย หลิวเอ๋อเพียงแค่พยักหน้า แล้วเดินจากไป
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ฉีหมิงก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ตามมาด้วยหญิงสาวคู่หนึ่ง แม่นางเหล่านั้นล้วนมีหน้าตางดงาม เพียงแต่แต่งแต้มความหยิ่งยโสบนใบหน้า ผู้นั้นคือฉีเฟย คุณหนูใหญ่ของตระกูลฉี ส่วนอีกด้านก็คือฉีหลิน หลายวันมานี้ดูเหมือนฉีหลินจะซูบผอมลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ดวงตาทั้งสองกลับมีชีวิตชีวาอย่างมาก เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยก็ยิ้มแก้มปริทันใด
กู้อ้าวเวยทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นยกน้ำชาที่ใส่ยาผงขึ้นดื่มลงไปจนหมด
เมื่ออีกสองสามคนนั่งลงแล้ว ฉีหมิงก็มองไปทางกู้อ้าวเวยด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ :"พระชายาอยากจะทำธุรกิจในสำนักเยียนหยู่เก๋อเหมือนกับหม่อมฉันหรือไม่เพคะ?"
“อื้อ” กู้อ้าวเวยขยี้จมูกเล็กน้อย พร้อมกับรอบดวงตาที่แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง
ฉีหมิงมองไปทางซ่านจินจื๋ออีกครั้ง ราวกับตั้งใจจะสอบถามด้วยความจริงจัง
ข่าวคราวการขนส่งทางคมนาคมของสำนักเยียนหยู่เก๋อเมื่อก่อนนั้นได้ถูกดำเนินการเพื่อซ่านจินจื๋ออยู่เงียบๆหากเผยแพร่ออกสู่ภายนอก คงจะไม่ปลอดภัยมากทีเดียว?
แต่ซ่านจินจื๋อกลับพูดต่อว่า : “หากเผยแพร่ออกไปสู่ภายนอกก็จะสร้างความน่าเชื่อถือได้ ถึงอย่างไรพระชายาก็ต้องร่วมมือกับสำนักเยียนหยู่เก๋ออยู่แล้ว ชื่อเสียงความเจริญของจวนเฉิงเสี้ยงนั้นดีกว่าสำนักเยียนหยู่เก๋อมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...