ตอนที่ 87 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
แววตาของซ่านจินจื๋อนั้นลึกซึ้งมาก เมื่อเห็นท่าทางแข็งแกร่งเช่นนั้นของกู้อ้าวเวย ในใจจึงเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย
เด็กคนนี้ปากคอเราะรายมากทีเดียว ฉีหลินนั้นถือว่าเป็นเพื่อนของนาง แต่กลับทำให้เขาโงหัวไม่ขึ้นเช่นนี้ กลับเป็นเด็กสาวที่แยกแยะส่วนรวมกับส่วนตัวจริงๆ
แต่เมื่อเงียบไปสักพัก ในขณะที่ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยวาดไปบนขอบถ้วยอย่างชำนาญอยู่นั้น สายตาของนางก็เห็นชั้นหนังกำพร้าบางๆบนปลายนิ้วของหลิ่วเอ๋อ หลิ่วเอ๋อจึงยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา
“เกรงว่าคุณท่านฉีคงจะผสมยาไม่เป็นนานมาแล้ว” นางเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
ฉีหมิงพยักหน้าอย่างลำบากใจ เขาอายุอานามก็เท่านี้แล้ว ครอบครัวก็ร่ำรวยมหาศาล ทำไมจะต้องให้เขาไปผสมยากันด้วยละ
“วันนี้ลูกหลานของทายาทตระกูลสูงศักดิ์ได้เลือกสำนักเยียนหยู่เก๋อที่อยู่เหนือกว่า แต่หากวันหนึ่งมีสิ่งที่ดีกว่า เกรงว่าทำลายนั้นคงจะไม่ใช่เพราะสำนักเยียนหยู่เก๋อหรอกนะ” คำพูดของกู้อ้าวเวยนั้นเฉียบคมมาก นางมองไปทางฉีหมิงด้วยแววตาที่ส่องแสงสุกสกาว :“เมื่อวานข้าส่งคนไปสำรวจมาแล้ว สำนักเยียนหยู่เก๋อไม่มีการพัฒนาใหม่มา 2-3 ปีแล้ว หากเกียจคร้านเช่นนี้ก็ไม่อาจเจริญขึ้นได้ แล้วทำไมข้าจะต้องร่วมมือกับเจ้าด้วยละ?”
“แต่.....ท่านอ๋องบอกไว้ว่าวันนี้จะมาปรึกษาหารือเรื่องการร่วมมือกันไม่ใช่หรือ พระชายาจะไม่ยอมอย่างนั้นหรือ?” ฉีหมิงยกมือข้างนึ่งขึ้นไปปาดเหงื่อบนหน้าผากที่ออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็มองไปทางกู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงหน้า
“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว หากท่านอ๋องให้ข้าช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง ข้ายินดี แต่หากต้องการให้ข้าทำธุรกิจ ข้าคงต้องของคิดไตร่ตรองดูก่อน” กู้อ้าวเวยรีบเก็บอาการโกรธเคืองบนใบหน้าในทันที จากนั้นก็ปล่อยมือของหลิ่วเอ๋อออก แล้วหมุนตัวไปมองซ่านจินจื๋อทันที : “ท่านอ๋อง เวยเอ๋อพูดถูกหรือไหมเพคะ?”
“เวยเอ๋อพูดถูกต้องแล้ว ” เด็กน้อยผู้นี้พูดเพื่อเขาแล้วใช่ไหม?
สีหน้าของฉีหมิงซีดเผือดลง เมื่อพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไป
กู้อ้าวเวยกลับยิ้มอย่างสดใสออกมา จากนั้นก็เอนพิงไหล่ของซ่านจินจื๋ออย่างว่าง่าย จากนั้นก็ดีดผ้าพันคอที่อยู่บนใบหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำๆว่า :“หากคุณท่านฉีทำไม่สำเร็จ ข้าจะตัดสินใจร่วมมือกับคุณหนูรอง เปิดร้านชาดทาปากสีแดงอีกร้านหนึ่งขึ้นมา ถึงอย่างไรก็เป็นคนของตระกูลฉี คุณท่านฉีก็คงน่าจะไม่ได้สนใจแต่อย่างใด”
“ฉีหรัว?” แววตาของฉีหมิงเบิกตากว้าง
มือของฉีหลินก็สั่นเทาเล็กน้อย ใบหน้าที่หมองคล้ำของฉีเฟยล้วนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ใช่ ปกติแล้วข้ามักจะปรุงยาอยู่ในร้านยาเหย้า ส่วนคุณหนูรองก็มักจะศึกษาค้นคว้าการผสมยาอยู่เสมอ” ดวงตาของกู้อ้าวเวยหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็อ้าปากหาวนอนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฝนที่ตกพรำด้านนอกจะหนักขึ้นอีกครั้ง นางไม่อาจหลีกเลี่ยงความกังวลนี้ไปได้ เมื่อเห็นตระกูลฉีนั้นตื่นเต้นเร้าใจ จึงได้พูดต่อว่า “ท่านอ๋อง เวยเอ๋อเหนื่อยมากแล้ว”
ซ่านจินจื๋อบีบข้อมือของนางเงียบๆเพื่อเตือนนาง
แต่กู้อ้าวเวยฟังผู้อื่นที่ไหนกัน ซ่านจินจื๋อนั่งใจเย็นลงเงียบๆ นางจึงใจเย็นไม่ได้อีกต่อไป เพียงแค่นั่งลงแล้วยื่นหน้าออกไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เอียงคอมองเขา ก่อนตอบขึ้นว่า“เมื่อสักครู่เวยเอ๋อพูดอย่างหนักหน่วงเกินไปหรือ?”
“ใช่” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า ครั้งนี้เขาได้มองไปทางนางเพื่อตักเตือนจริงๆ
แต่ดวงตาคู่นี้ของกู้อ้าวเวยช่างงดงามเหลือล้นจริงๆ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะตื่นเต้นมากเกินไป” กู้อ้าวเวยมองลงต่ำด้วยความผิดหวัง จากนั้นก็ไอเบาๆออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะหันไปมองฉีหมิง :“คุณท่านฉี คำพูดของหม่อมฉันอาจจะฟังรุนแรงไปบ้าง แต่เป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นเกินไป อารมณ์ของหม่อมฉันจึงไม่คงที่ ต่อไปในวันข้างหน้าขอคุณท่านฉีอย่างถือโทษโกรธหม่อมฉันเลยเพคะ”
หยดน้ำตาของนางได้รินไหลลงมาในขณะที่นางกำลังรีบร้อนพูด ครั้งนี้ ซ่านจินจื๋อได้นำผ้าเช็ดหน้าของนางออกมาเช็ดให้นางจนสะอาดหมดจด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า :“ป่วยไม่ใช่ข้ออ้าง”
“ไม่เป็นไร พระชายาพูดก็มีเหตุผล” เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉีหมิงจึงรีบทำการไกล่เกลี่ยโดยเร็วทันที คนที่อยู่ในสายตาล้วนมองออกว่าพระชายาจิ้งผู้นี้เป็นที่รักใคร่ของอ๋องจิ้งอย่างลึกซึ้งมาก ย่อมไม่สามารถลงโทษเอาผิดได้แต่อย่างใด
แต่ฉีหมิงก็นึกถึงบุตรสาวคนรองที่ล้มหมอนนอนเสื่อมาเนิ่นนานผู้นั้นขึ้นมาได้ บัดนี้เมื่อถูกพระชายาชื่นชมเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...