บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 94

ตอนที่ 94 หยั่งเชิงเตือนสติ

ทั้งหมดที่นั่งล้วนตกตะลึง กู้ฮูหยินและกู้จี้เหยาฟังแล้วเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก

กู้อ้าวเวยไม่ตกใจต่อความคิดของซ่านจินจื๋อ

นางไม่ใช่คนเขลา ไม่ว่าจะเป็นจิตใจที่ทะเยอะทยานของซ่านจินจื๋อเอง หรือจะเป็นเพราะเพื่อที่ในอนาคตจะให้ซูพ่านเอ๋อเข้ามาอยู่ข้างข้างกายถูกต้องก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็จะเอาตำแหน่งฮ่องเต้มาไว้ในกำมือให้ได้

ถึงแม้เขาจะดูแลองค์ชายสี่ แต่ตำแหน่งฮ่องเต้เขาไม่ยอมให้ง่ายๆแน่

เมื่อนึกถึงจุดนี้ กู้อ้าวเวยเอาปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะ จนเกิดเป็นเสียงก๊อกก๊อกดังขึ้น “ท่านอ๋องคงมีเรื่องอื่นที่อยากปรึกษาท่านพ่อใช่มั้ย ”

“เจ้าช่างเข้าใจข้าเสียจริง ” ซ่านจินจื๋อไม่โกรธแต่กลับยิ้มขึ้น แล้วมองไปที่ซ่านเชียวหยวนที่อยู่ข้างๆ “ครั้งก่อน เรื่องที่ช่วยลูกบุญธรรมของเฉิงเสี้ยง ตอนนี้ไกล้จะได้รับตำแหน่ง ไม่ทราบว่าเฉิงเสี้ยงอยากให้ลูกชายอยู่ใช้งานที่เมืองเทียนเหยียน หรือว่าจะให้ออกไปด่านชายแดน”

ประโยคนี้ เป็นการรักษาหน้ากู้อ้าวเวยอย่างมาก

“ก็ต้องเป็นชายแดนอยู่แล้ว......” กู้ฮูหยินยังพูดไม่จบ กู้เฉิงก็มองมาทางนาง แล้วรีบพูดว่า “ให้อยู่ที่เมืองเทียนเหยียนจะดีกว่า วันข้างหน้าหากท่านอ๋องมีรับสั่งอะไร ก็เรียกใช้พวกเราได้ทุกเมื่อ”

กู้เฉิงหน้าเจื่อน ความหมายของท่านอ๋องก็คืออยากจะเรียกใช้จวนเฉิงเสี้ยง ถามคำถามออกไป ก็เพื่อที่จะดูความจงรักภักดีของเฉิงเสี้ยงที่มีต่ออ๋องจิ้ง ลูกบุญธรรมยังสามารถหาได้ใหม่ แต่ถ้าไปขัดใจอ๋องจิ้งแล้วละก็ ก็จะไม่ค่อยดีเสียเท่าไร

“เวยเอ๋อ คิดเห็นเช่นไร?”ซ่านจินจื๋อกลับโยนขี้ให้กู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทหารเลย ก็เลยรีบสั่นหัว แล้วพูดว่า “หม่อมฉันไม่ทราบเลย”

“ถ้าหากว่าไปชายแดน ก็จะสามารถสะสมความดีความชอบได้ แต่ถ้าอยู่ในเมืองเทียนเหยียน ในอนาคตก็จะต้องได้ตำแหน่งสูง เจ้าคิดว่าอันไหนเหมาะสม ซ่านจินจื๋ออธิบายให้ฟังอย่างอดทน”

กู้อ้าวเวยงงงวยแล้วมองไปที่ซ่านเชียนหยวน ซ่านเชียนหยวนยักไหล่แสดงท่าทีว่าตนเองก็ไม่เข้าความหมายของท่านอา เช่นกัน นางก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซ่านจินจื๋อดูเหมือนอยากจะบอกอะไรสักอย่าง เลยพูดว่า “ถ้าหากว่าได้ไปอยู่ข้างกายองค์ชายสี่ ก็ไม่เลว”

มุมปากของซ่านจินจื๋อยกสูงขึ้น กู้อ้าวเวยรู้ว่าตนเองเดาถูกแล้ว

ถึงว่า ซ่านจินจื๋อถึงได้พูดถึงองค์ชายสี่และองค์ชายหก ขึ้น จากนั้นก็ข้ามมาถึงกู้เหยียนจือ ที่แท้ก็คิดมาดีแล้ว ถือโอกาสนี้ให้เฉิงเสี้ยงทำงานให้กับองค์ชายสี่

“พระชายา นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” ซ่านเชียนหยวนก็ยังคงไม่เข้าใจ

“ทั้งหมดก็เพื่อองค์ชายสี่ท่านนั่นแหละ ถ้ามีความช่วยจากท่านพ่อข้า ท่านก็จะมีอำนาจในราชสำนักเป็นของตนเอง ไม่ต้องกลัวคนอื่นปองร้ายอีกต่อไป” กู้อ้าวเวยกระพริบตาใส่องค์ชายสี่

ส่วนกู้เฉิงก็ตอบสนองด้วยความว่า “ท่านอ๋องอยากให้ข้าช่วยเหลือองค์ชายให้มีที่ยืนอย่างมั่นคงในราชสำนักกระนั้นหรือ?”

“ถึงแม้หยวนเอ๋อจะยังเด็ก แต่ในอนคตก็จะเป็นแม่ทัพอันเก่งกาจของราชวงศ์หลานซางได้ ในราชสำนักไม่มีที่ยืนให้คนที่อย่างองค์ชายสี่ ข้าเลยอยากจะขอความช่วยเหลือจากเฉิงเสี้ยง จี้เหยา เจ้าคิดว่าข้าพูดถูกมั้ย?” ซ่านจินจื๋อมองไปที่กู้จี้เหยาที่เงียบกริบไม่พูดจา

นางสะดุ้ง แล้วรีบพยักหน้า

ครั้งนี้ ถึงแม้กู้เฉิงจะอยากบอกปัด แต่ก็ทำไม่ได้แล้ว หญิงสาวทั้งสองล้วนแต่งเข้ามายังตำหนักอ๋องจิ้งแล้ว ลูกบุญธรรมก็ยังจะถูกส่งตัวมารับใช้องค์ชายสี่อีก อ๋องจิ้งดูเหมือนว่าจะกินหมากกระดานอย่างหมดจน ให้เฉิ้งเสี้ยงเปิดทางให้องค์ชายสี่

ทว่า เมื่อคิดดูแล้ว ถ้าหากองค์ชายสี่หรือท่านอ๋องคนใดคนหนึ่งขึ้นรับตำแหน่งฮ่องเต้ การใต้เต้าขึ้นตำแหน่งของเฉิงเสี้ยงก็ถือว่าไม่เสียเปรียบ ค่อยผ่อนคลายลงมาหน่อย

“ข้าจะพูดเพียงเท่านี้ หลังจากนี้จะให้ครอบครัวเจ้าคุยกันเองเถอะ ถ้าคุยกันดึก ก็อยู่พักเสียที่นี่เลย ” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้น ไม่นานก็พาซ่านเชียนหยวนออกไปด้วย เหลือไว้เพียงพวกตระกูลกู้

กู้เฉิงมองกู้จี้เหยาด้วยใจร้อนรนอยากให้ลูกได้ดี ทำได้เพียงโกรธแต่แสดงออกมาไม่ได้ ได้แต่ตีลงไปที่พนักแขนเก้าอี้ “ข้าทำไมถึงได้มีลูกสาวเช่นพวกเจ้าทั้งคน!”

“ท่านพ่อ จี้เหย้าทำอะไรผิดไปหรือ? เมื่อครู่ก็เห็นอยู่ว่าท่านพี่กำลังวิจารณ์ราชสำนักต่อหน้าท่านอ๋อง เกี่ยวอะไรกับข้า” จี้เหยาเบ้ปาก เผยธาตุแท้ออกมา

กู้ฮูหยินรีบให้กู้จี้เหยานั่งลง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าอยากจะแต่งเข้ามาตำหนักอ๋อง พ่อเจ้ามีรึจะถูกคนอื่นเขาบีบบังคับเช่นนี้ได้”

“แม่เล็กอย่างเพิ่งรีบตัดสินไป เรื่องนี้จะดีหรือร้ายก็ยังตัดสินไม่ได้ อีกอย่าง เดิมทีท่านพ่อก็อยากเขาหาท่านอ๋องอยู่แล้ว วันนี้ได้สมดังหวัง แต่กลับมีความโลภไม่สิ้นสุด แบบนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสม” กู้อ้าวเวยลุกขึ้น แล้วเดินไปตรงหน้ากู้เฉิง “เมื่อครู่ท่านอ๋องเอาของสิ่งหนึ่งมายัดให้ข้า ไม่อยากพูดออกมาเอง คงอยากไว้หน้าท่าน ”

พูดแล้ว กู้อ้าวเวยก็เอากระดาษที่เสียบอยู่ในหนังสือการแพทย์ออก ดูแล้วเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง

เป็นจดหมายที่กู้เฉิงเป็นคนเขียน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอให้ทางชายแดนช่วยดูแลกู้เหยียนจือ รอกู้เหยียนจือมีผลงานมากพอ พอจะมีที่ยืนก็จะดึงพวกนั้นมาเป็นพวก อย่างน้อยก็แบ่งกำลังทหารให้หน่อย

“ท่านพ่อเป็นถึงเฉิงเสี้ยง แต่กลับอยากมีกำลังทหาร ถ้าเรื่องรู้ถึงหูฮ่องเต้ ท่านรู้มั้ยว่ามันจะหนักหนาเพียงใด ” กู้อ้าวเวยเอาจดหมายนั้นโยนไปที่ตรงหน้ากู้เฉิง

กู้เฉิงเหงื่อแตกเต็มหน้า กู้ฮูหยินและกู้จี้เหยาก็ตกใจเงียบๆ ที่แท้ท่านอ๋องไม่ได้เปิดหนังสือการแพทย์ของนางเล่นๆเพราะความเบื่อหน่าย

“เรื่องนี้ท่านอ๋องจะเก็บไว้เป็นความลับ นับว่าเป็นพระกรุณาอย่างสูงแล้ว วันข้างหน้าหากท่านพ่อกระทำเช่นนี้อีก ก็ถือว่าไม่สนใจความเป็นความตายของน้องจี้เหยา ” กู้อ้าวเวยยิ้มเย็น

“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าก็เป็นลูกนายท่านเช่นกัน ถ้านายท่านเป็นอะไรขึ้นมา เจ้าเองก็ติดร่างแหไปด้วย......”

“ดังนั้นข้าก็เลยจะเตือนสติ ถ้ามีครั้งหน้าอีก คนทั้งจวนเฉิงเสี้ยงคงต้องตายตามท่านพ่อหมด”

กู้อ้าวเวยสายตาเย็นชา เมื่อรู้ว่าวันนี้พูดเรื่องส่วนรวมออกมาเช่นนี้ นางก็ไม่มีทางที่จะแสดงอำนาจต่อกู้จี้เหยาได้ เดินจากไปด้วยความเจ็บใจ แววตาเย็นชา

ทว่า ตรงทางเดิน ซ่านจินจื๋อยังไม่ได้เดินจากไป เพียงแต่รออยู่ตรงจุดนั้น

กู้อ้าวเวยเดินตรงไปทางนั้น ยิ้มเย็น “กู้จี้เหยาบอกกับท่านพ่อว่า ข้าไม่ได้อยู่ที่ตำหนักอ๋อง เรื่องพวกนี้ท่านอ๋องคงรู้ดีสินะ”

“รู้” ซ่านจินจื๋อเอามือโอบนางมาที่อก และนางก็ไม่มีทีท่าจะขัดขืน

“วันนี้ที่ท่านพ่อมาถึงที่นี่ก็เป็นแผนของท่าน แล้วยังมารอข้าที่นี่ ท่านทำเพื่อไรกันแน่” นางหยุดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังชายที่มีอารมณ์ผ่อนคลายตรงหน้า

วิธีที่จะตักเตือนกู้เฉิงมีตั้งหลายวิธี แต่ทำไมต้องเอานางมาเกี่ยวข้องด้วย?

“ข้าเพียงแต่รู้ว่าเจ้านั้นต่างจากผู้อื่น แต่ไม่รู้ว่าเจ้านั้นมองจวนเฉิงเสี้ยงเป็นเช่นไร ได้เห็นวันนี้ เจ้าช่างมีใจเด็ดเดี่ยวจริงๆ ต่อหน้าบิดาผู้ให้กำเนิด ก็ยังคงยึดถือความถูกต้อง มีหลักการแน่วแน่ ถ้าเป็นเช่นนี้ วันข้างหน้า ข้าจ้ะเรียกใช้งานเจ้า” ซ่านจินจื๋อก้มหัวลง ราวกำลังจะถูไปที่ไหล่และหัวของนาง แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกู้จี้เหยาที่กำลังมองมาจากห้องรับแขก

กู้อ้าวเวยรู้ดีว่าการกระทำของซ่านจินจื๋อทั้งหมดนี้เป็นการแสดง ก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ แต่ภายในใจนั้นเย็นเป็นน้ำแข็ง “ท่านกำลังลองใจข้า”

“มีเพียงคนที่เคยลองใจแล้ว ถึงจะมีค่าให้ข้าใช้งาน” ซ่านจินจื๋อน้ำเสียงต่ำลง ทุ้มลงไปในใจของกู้อ้าวเวย

แต่นางกำลังฟังเสียงคนที่กำลังเดินมาจากทางด้านหลัง ก็เลยตั้งใจแกล้งถามคำถามต่อไปว่า “แล้วท่านอ๋องมีใจที่จะช่วยเหลือองค์สี่จริงๆหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์