บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 93

ตอนที่ 93 วางมาดพระชายา

“จี้เหยาไปบอกท่านพ่อและแม่เล็กละสิ” กู้อ้าวเวยหัวเราะ เหอะ แล้วก็วางหนังสือลง

“ถ้าไม่ใช่เพราะจี้เหยาเป็นคนคนมาบอกพ่อ เจ้าก็คงจะทำเรื่องงามหน้าในร้านยาเหย้าอะไรนั่นใช่มั้ย! ข้าให้เจ้าแต่งกับท่านอ๋อง ก็เพราะจะได้ขยายอำนาจของราชสำนัก อยากจะให้เจ้ามาช่วยข้าอีกแรง แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่เอาถ่านเช่นนี้ ” กู้เฉิงก็อยากจะเข้ามาขวางไว้ แต่ครั้งนี้ แม้แต่เฉิงเอ้อก็ยังไม่อาจจะเข้ามาแทรกระหว่างสองพ่อลูกนี้ได้

“พวกเจ้าไม่รีบออกไปอีกรึ” กู้ฮูหยินเดินขึ้นหน้ามา ท่าทางโกรธเป็นอย่างมาก

“ราชสำนักแคว้นซางหลานสำคัญดุจฟ้าข้าผู้มียศเป็นถึงพระชายาจิ้ง เฉิงเสี้ยงฮูหยินควรจะต้องทำความเคารพแก่ข้าหรือไม่นะ?” กู้อ้าวเวยพูดอย่างช้าๆ โดยไม่สนใจฉีหรัวที่กำลังหยิกนางอยู่ข้างๆ

ได้ยินเช่นนั้น กู้เฉิงโกรธยิ่งกว่า “ท่านเป็นแม่เล็กของเจ้านะ”

“นางไม่ใช่ราชนิกุล ถ้าจะพูดแล้ว ท่านพ่อเป็นถึงเฉิงเสี้ยง แต่ไม่รู้ลำดับยศศักดิ์ของราชนิกุล ไม่รู้ว่าท่านดูถูกเหยียดหยามราชนิกุลซางหลานหรือว่าไม่เห็นท่านอ๋องจิ้งอยู่ในสายตากันแน่” กู้อ้าวเวยก็กล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ นางถึงขนาดเดินแทรกเฉิงยีและเฉิงเอ้อตรงไปยังหน้ากู้เฉิง “กู้จี้เหยาเป็นถึงลูกเมียรองแต่ส่งเสริมให้ท่านพ่อมาด่าทอพระชายาอ๋องถึงที่ นับว่าเป็นความผิดประการใด”

นางยื่นมือไปจัดปกคอเสื้อของบิดาที่รีบร้อนจนไม่เป็นระเบียบ แล้วสายตานางก็มองไปยังกู้ฮูหยิน “ แล้วอีกอย่าง การอบรมสั่งสอนลูกสอนไม่ได้เรื่อง กู้ฮูหยินนับว่ามีความผิดประการใด”

“เรียน พระชายา หมิ่นประมาทราชนิกุล เป็นโทษใหญ่” เฉิงยีสมทบอย่างค่อยๆ

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อและแม่เล็กยังไม่ต้องตื่นตกใจไป ถ้าโทษใหญ่นี้ถูกตัดสินแล้วละก็ ข้าผู้ยศแค่พระชายาจิ้งก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ” กู้อ้าวเวย ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วสั่งหยินเชี่ยวว่า “นำท่านพ่อและแม่เล็กกลับตำหนักอ๋องจิ้ง แล้วดูแลให้ดี เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง”

“รับทราบเพคะ พระชายา” หยินเชี่ยวตื่นเต้นจนต้องกระพริบตา แล้วเชิญทั้งสองออกไป เดินไปทางตำหนักอ๋องจิ้ง

ฉีหรัวกลับตามกู้อ้าวเวยเข้าไปในห้อง กู้อ้าวเวยเข้าไปเอาข้าวของเล็กน้อย แล้วก็หอบเอาหนังสือประมาณหนึ่งเดินออกไป “ช่วงนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปพำนักที่ตำหนักอ๋องหลายวันหน่อย ส่วนร้านยาเหย้านี้ก็คงต้องฝากให้เจ้าดูแลไปก่อน”

“แต่พวกท่านเป็นถึงพ่อแม่ของเจ้านะ เจ้าพูดแบบนั้นออกไปได้อย่างไร?” ฉีหรัวมองนางอย่างทำอะไรไม่ถูก “จะดีร้ายอย่างไรพ่อเจ้าก็เป็นถึงเฉิงเสี้ยงนะ”

“ถ้าเขาเป็นพ่อที่ดีจริงๆ ก็คงจะไม่เข้ามาตีข้า ” กู้อ้าวเวยก็ยังคงไม่มีความรู้สึกดีต่อกู้เฉิง ก่อนหน้านี้เป็นเพราะกู้เฉิงไม่ถกเถียงกับนาง แต่วันนี้เขาพร้อมจะลงไม้ลงมือ ถ้าเช่นนั้นนางก็จะไม่ไว้หน้าเขาเหมือนกัน

อีกอย่าง ในหัวของนาง กู้เฉิงร้ายกับนางมาตลอด ไม่เคยพูดกันดีๆสักครั้ง

ก็ไม่แปลกที่นางจะร้ายกาจขึ้นมา ก็เป็นเพราะท่านพ่อผู้เป็นเฉิงเสี้ยงบีบบังคับนางเอง

“นิสัยของเจ้านี่ช่างสุดโต่งไปเสียหน่อย แล้วก็เสื้อผ้าตู้นึงของเจ้าก็ดูไม่ค่อยจะได้” ฉีหรัวมองไปที่เสื้อผ้าที่ดูไม่เหมือนคุณหนูเขาใส่กันของนาง อย่างระอา

“ทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่จบกับเรื่องเสื้อผ้าข้า ของพวกนี้ล้วนเป็นของนอกกาย ” กู้อ้าวเวยเสียเซลฟ์จนต้องเช็ดน้ำมูก ชีวิตนี้ของนางไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรมา ทุกวันต้องแก้ปัญหากับเรื่องต่างๆไม่น้อย น่าเบื่อยิ่งนัก

ฉีหรัวแค่หัวเราะนาง แล้วมองนางเดินออกร้านยาเหย้า

นางเดินนวยนาดไปจนถึงตำหนักอ๋องจิ้ง คนรับใช้ในตำหนักบอกว่านำทั้งสองท่านนั้นมาส่งถึงห้องรับแขกแล้ว นางก็เลยเรียกคนรับใช้มาคนหนึ่ง “ไปบอกชิงต้ายให้ไปเรียกจี้เหยามาด้วย”

“เพคะ พระชายา ” คนรับใช้ผู้นั้นก็รีบไปจัดการ

กู้อ้าวเวย มาถึงห้องรับแขก กู้เฉิงมีท่าทางใจเย็นลง กู้ฮูหยินก็ยังคงวางมาดอยู่ในตำหนักอ๋อง เมื่อเห็นนางเข้ามา ทั้งสองทำอะไรไม่ถูก และไม่ได้พูดอะไรสักคำ

นั่งลงอย่างช้าๆ สาวรับใช้ด้านข้างยกน้ำชามาเสริฟ นางถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงต่ำต่ำว่า “คุณหนูฉีรองร่างกายป่วยหนัก ข้าไปร้านยาเหย้าเพื่อรักษาให้นาง มันไม่เหมาะตรงไหน?”

“คุณหนูฉีรองเกี่ยวอะไรกับเจ้า! ” กู้เฉิงดูเหมือนว่าพอได้ยินกู้อ้าวเวยพูดขึ้น ก็อารมณ์ร้อนขึ้น อดไม่ได้ที่จะผ่ากะโหลกลุกสาวมาดูเสีย ว่าข้างในมันใส่อะไว้ ไม่เอาใจให้ท่านอ๋องรักใคร่ แต่กลับไปรักษาให้กับคุณหนูอะไรนั่น!

“เป็นรับสั่งของท่านอ๋อง ท่านพ่อพอใจในคำตอบนี้มั้ย ” นางเอาถ้วยชาวางไว้ด้านข้าง เห็นกู้ฮูหยินคิ้วขมวด แล้วนางก็พูดต่อว่า “ท่านอ๋องอนุญาตให้ข้าร่วมมือกับสำนักเยียนหยู่เก๋อ ข้าก็ต้องแสดงความจริงใจ แล้วอีกอย่างนะท่านพ่อ ลูกบุญธรรมที่ท่านรับเลี้ยง กู้เหยียนจือ ก็เป็นเพราะข้าขอให้ท่านอ๋องช่วยเหลือ ท่านพ่อยังมีอะไรสงสัยอีกมั้ย?”

“ท่านอ๋องให้เจ้าร่วมมือกับสำนักเยียนหยู่เก๋ออย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมจี้เหยาบอกว่าเจ้าไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง สู้แม่นางท่านนั้นไม่ได้ ” กู้เฉิงเริ่มใจเย็นลง และเริ่มสงสัย

“แม่นางท่านนั้น เติบโตมาพร้อมกับท่านอ๋อง สนิทสนมกันตั้งแต่แต่เด็ก ถึงแม้ข้าผู้เป็นพระชายาก็ได้ทำใจกว้างเปิดรับ หรือท่านพ่อจะให้ข้าชิงดีชิงเด่นกับนาง แล้วสุดท้ายก็ทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัย?” กู้อ้าวเวยถามกลับ และเริ่มจะทนไม่ได้

กู้เฉิงเงียบกริบ แต่กู้ฮูหยินกลับไม่ใช่คนที่จะรับมือง่ายๆ “ถ้าเป็นอย่างที่พูดมา เจ้ากับท่านอ๋องก็คงรักกันดี แต่ทำไมนอกข่าวลือแล้ว ก็ไม่เห็นท่านอ๋องจะพาเจ้าออกงานเลย”

“ก็ตอนที่ท่านอ๋องให้ข้าไปด้วย ไม่มีใครรับรู้ก็เท่านั้นเอง ” กู้อ้าวเวยพูดปัดทิ้งไป ทำให้กู้ฮูหยินพูดไม่ออก

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้จี้เหยาพาหลานเอ๋อร์เข้ามา ด้านหลังมีซ่านจินจื๋อตามมาด้วย

ซ่านจินจื๋อแต่งตัวด้วยชุดสีกรมท่า ปลายรองเท้ามีโคลนติด ชายเสื้อเปื้อนดิน เหมือนว่าจะกลับจากด้านนอก หลังจากนั้นสักพัก ซ่านเชียนหยวนก็ตามเข้ามา เขาดูเหมือนจะเละเทะกว่าซ่านจินจื๋อเล็กน้อย ใบหน้านี่เปื้อนเป็นคราบ

“ท่านอ๋อง องค์ชายสี่” กู้เฉิงรีบพากู้ฮูหยินทำความเคารพ

“นั่งลงเถอะ” ซ่านจินจื๋อนั่งลงตรงข้างกู้อ้าวเวยอย่างอัตโนมัติ ถามนางว่า “ป่วยหายดีหรือยัง?”

“ยังไม่หายดี แต่ดีขึ้นเยอะแล้วเพคะ” กู้อ้าวเวยจิ้มๆไปที่ปลายจมูกอันแดงก่ำของตน

ซ่านจินจื๋อพยักหน้าเบาๆ แล้วหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างนางมาดู แล้ววางลง

กู้อ้าวเวยเห็นว่าซ่านจินจื๋อไม่สนใจหนังสือการแพทย์พวกนี้ นางแสยะยิ้ม แล้วโยนหนังสือลงไว้ข้างซ่านเชียนหยวน ซ่านเชียนหยวนแสดงอาการหวาดกลัวขึ้น มองไปที่นางอย่าง งงๆ

“หยวนเอ๋อไม่ชอบอ่านหนังสือ” ซ่านจินจื๋อหยิบหนังสือกลับมาให้นาง

เอาหนังสือกลับมา เดิมทีกู้อ้าวเวยอยากพูดตรงๆกับตระกูลกู้ทั้งหมด กู้เฉิงจะได้ไม่ต้องมาสร้างปัญหาอีก แต่ทว่า ซ่านจินจื๋อและซ่านเชียนหยวนก็มาด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาแล้ว

“องค์ชายหกไปทำลายล้างที่มั่นของพวกก่อการร้ายทั้งสองแห่ง อีกไม่กี่วันก็จะนำชัยกลับมา ส่วนองค์ชายสองและองค์ชายสามนั้น ไม่มีใจที่จะต่อสู้ เฉิงเสี้ยงคิดว่าองค์ชายสี่ควรทำเช่นไร” ซ่านจินจื๋อซักถามขึ้น เอาคำถามนี้ถามต่อกู้เฉิงโยตรง

กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วขึ้น เห็นฮูหยินและลูกสาวทั้งสอง สีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

“ปัญหานี้ ก็คงต้องให้องค์ชายสี่เป็นคนจัดการเอง ท่านอ๋องเหตุใดต้องเอาเจ้าและเฉิงเสี้ยงมาเสี่ยงด้วย?” กู้อ้าวเวยมองไปที่ซ่านจินจื๋ออย่าง งงงวย

ยักคิ้วขึ้น ซ่านจินจื๋อแปลใจจนไม่พูดจา แต่กู้เฉิงเห็นลูกสาวตนเองบังอาจวิพากษ์วิจารณ์การเมืองของราชสำนัก ก็เลยรีบเอ่ยปากขึ้นว่า “ข้าคิดว่า ปัจจุบันองค์ชายสี่น่าจะเริ่มสอดส่องจวนรัชาทายาทได้แล้ว ถึงแม้ทางต้าหลี่เซ่อชิง(หัวหน้าแผนกกฏหมาย)จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆก็ตาม แต่ว่า ดูจากนิสัยพวกพวกนั้นแล้ว คงไม่จะไม่ปล่อยองค์ชายรัชทายาทไปแน่ รอให้องค์รัชทายาท......”

“ข้ากลับคิดว่า พระชายาจิ้งพูดมีเหตุผล” ซ่านจินจื๋อพูดขัดจังหวะเฉิงเสี้ยง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์