ข้าแค่อยากอยู่รอดอย่างสงบบนเขาไปวันๆ รอพลังบำเพ็ญถึงระดับมหายานก่อนค่อยออกไปเที่ยวเตร่
เหตุใดไม่ทันไรก็มีคนมาหาเรื่องแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าวงรัศมีบนหัวเป็นสีเขียวแล้วนี่!
ยังมีอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีก ตอนท่านคุยโม้ลูกศิษย์ช่วยเบาลงหน่อยได้หรือไม่
แล้วยังมาหวังให้มหาจักรพรรดิหนุ่มน้อยรวมฐานรากมรรคที่แข็งแกร่งที่สุดนำพาแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ยิ่งใหญ่อีก?
เหตุใดท่านไม่หวังให้ข้ารวมกระดูกมหาจักรพรรดิ ยกระดับแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นสวรรค์ไปเลยเล่า!
ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี
เสิ่นเทียนกวาดสายตามองทุกคนพลางขบคิดหาวิธีทำให้ตัวเองเด่นน้อยลง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คุยโม้ว่าพรสวรรค์ของตนสูงสุดบนฟ้า ไม่เป็นสองรองใครบนปฐพี ถ้าเกิดมีคนมายั่วยุล่ะจะทำอย่างไร
ถึงตอนนั้น ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคที่ยากจะพานพบตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน’ ท่านนี้ออกมือทีหนึ่ง จะไม่โดนอัจฉริยะคนอื่นๆ จับแขวนทุบตีทุกนาทีเลยหรือ
รู้แล้ว!
ก็ให้ศักยภาพของศิษย์สายตรงคนอื่นๆ แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยกระดับขึ้นไปก่อน จากนั้นหากเจออันตรายหรือโดนท้าสู้ ก็ให้พวกเขาไปลุย!
อะไรนะ นี่เจ้าจะท้าสู้กับข้ารึ เอาชนะฟางฉางลูกน้องของข้าให้ได้ก่อน ถ้าเจ้ายังเอาชนะไม่ได้แม้แต่ฟางฉาง ก็ไม่มีสิทธิ์มาท้าสู้กับข้า
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็คิดว่าตนต้องยกระดับให้พวกฟางฉางแล้ว
ถึงอย่างไรถ้าเกิดผู้ท้าสู้เอาชนะฟางฉางได้จริงๆ จากนั้นมาท้าสู้ข้าละจะทำอย่างไร
พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็ก้าวออกจากยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ช้าๆ จากนั้นแสดงความเคารพเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “อาจารย์”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “เทียนเอ๋อร์ เจ้าปรับปรุงยันต์ระเบิดอัสนีมีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อฝ่ายเรา มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่”
เสิ่นเทียนกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เรียนอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องหนึ่งอยากจะร้องขอจริงๆ และหวังว่าอาจารย์จะตอบตกลง”
เสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังมาจากสายฟ้าประกายเซียน “ว่ามาได้เลย อาจารย์ตกลง”
ยังไม่ทันฟังเลยว่าเสิ่นเทียนขออะไร เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็แสดงท่าทีตอบตกลงแล้ว
ท่าทีเข้าข้างเช่นนี้ทำให้ฟางฉางใจสลายแล้ว
มีสิทธิ์อะไร ข้าพยายามฝึกบำเพ็ญขนาดนั้น อาจารย์ก็ยังไม่พอใจข้ามาตลอด แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์มา อาจารย์กลับรักและเอ็นดูเขามากขนาดนี้
หรือเพราะเจ้านี่หน้าตาหล่อเหลา สง่าผ่าเผย บุคลิกแคล่วคล่อง เป็นเอกแห่งยุคเหนือธรรมดา
นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!
ตอนนี้ฟางฉางเจ็บปวดใจ เขามองเสิ่นเทียนพลางยิ้มเยาะและหัวเราะหึๆ
เขาฟางฉางอยากรู้นักว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่จะขออะไร
ในที่สุด เสิ่นเทียนก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “อาจารย์คิดว่าถ้าฝ่ายเราจะยิ่งใหญ่ขึ้น อะไรสำคัญที่สุด”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบเรียบๆ “การฝึกบำเพ็ญก็มีแค่วิชา มิตร ทรัพย์สินและดินแดน ในนั้นมีวิชาเป็นที่หนึ่ง”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “หมื่นปีมานี้ฝ่ายเราเสื่อมถอยมาตลอดก็เพราะวิชาต้องห้ามหายสาบสูญไป บทสุดท้ายของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีสูญหาย ทำให้โอรสสวรรค์ทุกยุคของฝ่ายเราไร้วาสนากับวิชาอัสนีขั้นสูงสุด ดังนั้นแล้ว อัจฉริยะที่เดิมทีทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบได้ จึงได้แต่หยุดตัวเองอยู่ที่แก่นพลังทองรอบที่แปดอย่างอัดอั้นใจ
เดิมทีมีหวังว่าจะฝ่าด่านเคราะห์อัสนี สำเร็จเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่สร้างความตกตะลึงให้แก่โลก แต่พลาดเพียงก้าวเดียวก็กลับต้องตกตายในเคราะห์สวรรค์
ยามนี้บทต้องห้ามจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์กลับมาแล้ว ศิษย์ขอบังอาจอ้อนวอนอาจารย์ให้ถ่ายทอดวิชานี้ออกไปทั้งหมด!”
เสิ่นเทียนยังพูดไม่จบ ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างชัดเจน “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ บทต้องห้ามเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีของฝ่ายเรา มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์กับสตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงมีสิทธิ์ฝึกฝน
นี่คือบัญญัติบรรพชน หรือเจ้าจะให้ข้าฝ่าฝืนบัญญัติบรรพชน เผยแพร่วิชาต้องห้ามออกไปรึ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน