นักพรตชราที่เดิมทีเตรียมจะดูอะไรสนุกอยู่ข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยิ่ง จากนั้นก็ตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป
ส่วนเหล่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เสิ่นเทียนที่สุขุมอย่างยิ่งก็เปิดมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ทำท่าทีว่าจะปิดด่านบำเพ็ญชั่วคราว
ด้วยเหตุนี้แม้ศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเฉพาะศิษย์ผู้หญิงจะไม่ยอมมากกว่านี้ แต่ก็ได้แค่เดินสามก้าวแล้วต้องหันกลับจากไปด้วยความจนปัญญา
หลังจากส่งทุกคนไปแล้ว เสิ่นเทียนกลับมานั่งบนหินตระหนักรู้ช้าๆ ใช้มือคว้าดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นจากบนพื้นด้านข้าง
เขาฉีกกลีบดอกไม้ทีละกลีบ “ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน ไม่ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน…”
เมื่อเห็นท่าทีของเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาข้างกายมองตากันเหมือนมีความคิดบางอย่าง
ชวนเขาไปฝึกด้วยกันหรือ หรือว่าองค์ชายอยากจะฝึกร่วมกับองค์หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน
กุ้ยกงกงซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ในที่สุดองค์ชายก็เบิกเนตร เตรียมจะหาคู่ครองแล้วหรือ
ด้วยเสน่ห์ขององค์ชาย หากเขายอมออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง จะต้องจับนางได้อยู่หมัดแน่ ถึงตอนนั้นองค์ชายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดหลานองค์ชายน้อยอ้วนตุ๊ต๊ะสองสามคน แล้วพาไปทำความรู้จักที่หน้าโลงศพของพระสนมหลาน
พอได้เห็นหลานชายหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองปรนนิบัติจากใต้โลงศพแล้ว พระสนมหลานจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้น กุ้ยกงกงก็รีบพูด “องค์ชายจะออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รึ”
‘จะไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทำไม!
ข้าตัดต้นกุยช่ายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว โชคลิขิตใหม่ยังไม่งอกออกมาเลย!’
ตอนนี้เสิ่นเทียนต้องอยู่ใกล้ฟางฉาง จะต้องเก็บเกี่ยวจากเขามาให้ได้!
……
จะว่าไป ดวงชะตาของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าคนพวกนั้นในอาณาจักรต้าเหยียนเสียอีก
ที่อาณาจักรต้าเหยียน มองไปแวบแรกพื้นฐานส่วนใหญ่มีแต่วงรัศมีสีขาว มีสีเขียวอ่อนๆ ถือว่าพบเห็นได้ยาก ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติจะเป็นวงรัศมีสีเขียวแบบเดียวกันหมด เขียวสว่าง เขียวเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
ส่วนศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหล่านั้น ทุกคนจะมีสีเขียวออกแสงสีแดง กระทั่งเป็นสีเขียวออกลายจุดสีแดง
ที่น่าเสียดายคือดวงชะตาสูงไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะเจอโชคลิขิตแน่นอน ยังต้องดูโอกาสด้วย
สำหรับตอนนี้ เสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตแค่สองคนจากในศิษย์สายตรงจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
หนึ่งคือโชคลิขิตสายฟ้าแยกน้ำของฉินอวิ๋นตี๋ อีกคนคือโชคลิขิตของฟางฉาง
ตอนนี้เสิ่นเทียนถูกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จับแขวนย่าง จะต้องรีบหาโชคลิขิตมายกระดับ
โชคลิขิตของบุตรแห่งโชคสีทองวาววับบนหัวฟางฉาง เขาเอาแน่!
แววตาของเสิ่นเทียนแน่วแน่ขึ้นมาทีละน้อย ในเมื่อเชิญเขาไปฝึกฝนร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปชิงโชคลิขิตของเขามาก่อน แล้วแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง!
ก็เหมือนกับตอนอยู่พระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนก่อนหน้านี้ที่เขาไปเอาโชคลิขิตคัมภีร์มารสู่สุริยันของฉินเกามาก่อน แล้วค่อยสอนเขา
ปรากฏว่าดวงชะตาของฉินเกา ดวงชะตาของเขา รวมถึงดวงชะตาของกุ้ยกงกงเพิ่มขึ้นกันหมด
ในเมื่อโชคลิขิตของฉินเกายังทำเช่นนั้นได้ โชคลิขิตของฟางฉางก็น่าจะทำได้เช่นกัน!
อืม ตัดสินใจแล้ว แย่งของเขามาก่อนค่อยให้เขาแล้วกัน!
แววตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย ค่อยๆ ตัดสินใจอยู่ภายใน
…….
แน่นอน แม้จะตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่าม
ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องทำคือแย่งมหาโชคลิขิตของพี่ใหญ่วงรัศมีสีทองคนหนึ่ง นึกย้อนไปถึงมหาโชคลิขิตของทุกคนที่ผ่านมือเขามาก่อนหน้านี้ มีใครบ้างที่ได้มาง่ายๆ
คัมภีร์มารสู่สุริยันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะได้กุ้ยกงกงที่มีวงรัศมีสีเขียวช่วย เขาคงไขความลับไม่ได้
เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฉางเกอออกมือปกป้องน้องสาว ตนคงถูกหนีเก๋อเอ่อสังหารไปแล้ว
และยังมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ หากเสิ่นเทียนไม่ให้จางอวิ๋นซีแต่เก็บไว้เอง คงไม่ได้เดินออกจากสวนหมื่นวิญญาณเป็นแน่
ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ คนธรรมดายังซวยเพราะซ่อนเครื่องหยก ดวงชะตาไม่สูงพออย่าได้สะเพร่าไปแย่งมหาโชคลิขิตที่สุดแห่งยุค
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน