บทที่ 195 ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแบบอัตโนมัติ
เสิ่นเทียนขี่ปืนปทุมฆาตเทพมาบนยอดเขาบัวขาว
ตอนนี้บนยอดเขาบัวขาวมีศิษย์ระดับสร้างฐานร้อยกว่าคนยืนอยู่ ทุกคนแผ่กลิ่นอายพลังออกมาไม่ได้อ่อนแอเลย
ศิษย์พวกนี้คือศิษย์ร้อยแปดอันดับแรกในรายนามระดับสร้างฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ไม่ว่าใครไปอยู่ในแดนเทวาและแดนผาสุกอื่นๆ ล้วนมีสิทธิ์เป็นศิษย์สายตรง หากให้เวลามากพอ ศิษย์พวกนี้จะไปถึงผู้จริงแท้ระดับแก่นพลังทองได้แน่นอน
คนที่มีพรสวรรค์ค่อนข้างสูงในนั้นถึงขั้นทะลวงระดับผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณได้
พรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าเสิ่นเอ้าพี่หกของเสิ่นเทียนเลย
อย่าคิดว่าน้อย พึงรู้ไว้ว่าการฝึกสนามรบบรรพกาลจะจัดห้าปีครั้ง ศิษย์ที่ฝึกในครั้งก่อนก็ทะลวงพลังไปหมดแล้ว
อัจฉริยะร้อยแปดคนนี้จะเติบโตขึ้นในห้าปี เป็นเพียงระดับสร้างฐานใหม่ในห้าปีนี้ ห้าปีก็บ่มเพาะหน่ออ่อนที่มีหวังทะลวงดวงจิตดรุณได้ร้อยแปดคน นี่เป็นเรื่องยากมาก
นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว แดนเทวาแดนผาสุกส่วนมากไม่มีกำลังแฝงตรงนี้
ในศิษย์ร้อยแปดคน คนที่นำหน้าเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผมสีทอง ดวงตาหรี่แคบ
คนนี้คือฉินอวิ๋นตี๋ และข้างหลังเขาก็เป็นพวกกุ้ยกงกง ฉินเกาและซ่งฟู่กุ้ย
พวกเขาคือผู้นำคณะของคนร้อยแปดคน และยังเป็นชนชั้นสูงกลุ่มแรกของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ศิษย์ระดับสร้างฐานร้อยแปดคนนี้ก็เข้ากลุ่มสวรรค์พิทักษ์หมดแล้ว แน่นอนที่พวกเขาเข้ากลุ่มสวรรค์พิทักษ์มีเหตุผลง่ายๆ คือหลงเสน่ห์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์
หลังเข้ากลุ่มมา เรื่องการซื้อยันต์ระเบิดอัสนีกับกระสุนเจาะเกราะได้ส่วนลดสี่ส่วนนี่ไม่เกี่ยวกันเลย
อืม ไม่เกี่ยวกันอย่างสิ้นเชิง!
ตอนนี้เมื่อเห็นเสิ่นเทียนปรากฏตัว ศิษย์ร้อยแปดคนก็ทำสัญลักษณ์มือพร้อมกัน จากนั้นกระบี่เซียนออกจากฝัก
ชิ้ง!
เสิ่นเทียนรู้สึกเย็นข้างหลัง หรือเจ้าพวกนี้ทนไม่ไหว คิดจะฆ่าเจ้าหมามาสายอย่างข้ากัน
ข้ามาสายไปหลายชั่วยามเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้ตั้งใจ ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย!
ดีที่กระบี่เซียนพวกนั้นไม่ได้พุ่งมาทางเสิ่นเทียน กระบี่เซียนทั้งหมดตัดผ่านบนฟ้าเรียงออกมาเป็นคำว่า ‘สวรรค์’ ภายใต้ประกายแสงกระบี่ระยิบระยับ ทำให้ดูบ้าอำนาจถึงที่สุด
จากนั้นศิษย์ร้อยแปดคนตะโกนเสียงดังพร้อมกัน “จุดสูงสุดแห่งเซียน ทระนงในใต้หล้า หมั่นบำเพ็ญทุกวัน ติดตามศิษย์พี่จักต้องเป็นเซียน”
ท่องคำพูดนี้พูดวนไป เสียงดังกึกก้อง แสดงอานุภาพอันดุร้ายออกมา
เสียงดังก้องทั้งยอดเขาบัวขาวอยู่นาน
ทำให้คนเลือดร้อนขึ้นมา!
ใบหน้าศิษย์ทุกคนเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของวัยหนุ่มสาว เหมือนไม่สังเกตเห็นเลยว่าคำขวัญที่ตนท่องน่าอับอายเพียงใด
ซ่งฟู่กุ้ยกับหลิวไท่อี่ในกลุ่มคนยิ้มภูมิใจในตนเอง
ฝึกซ้อมมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ไม่พลาดในช่วงเวลาสำคัญ
ไม่เสียแรงที่ช่วงหลายวันมานี้พยายามล้างสมองศิษย์พวกนี้กันสุดชีวิต!
หวังว่าคำขวัญของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์จะทำให้ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์พอใจ!
…….
เมื่อได้รับสายตาเคารพ เลื่อมใสและคลั่งไคล้แล้ว เสิ่นเทียนขลาดกลัวนิดๆ
เหตุใดถึงมีความรู้สึกเหมือนผู้นำลัทธิชั่วร้ายเลย ข้าคงไม่โดนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตัวไปหรอกนะ!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวข้างๆ ไม่คิดว่าพวกศิษย์วัยหนุ่มสาวเลื่อมใสเช่นนี้ไม่ดีเลย แต่มองว่าถ้าเลื่อมใสดาวเด่นก็ติดตามดาวเด่น มีส่วนช่วยให้ผู้นำรวมกำลังหลักได้ สร้างอำนาจของตนขึ้นมาได้
ตอนนั้นในยุคที่พวกเขายังเป็นศิษย์หนุ่มสาวก็ติดตามและเลื่อมใสสองท่านนั้นอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน น่าเสียดายก็แต่ศิษย์พี่สองท่านนั้นคนหนึ่งโดนกลุ่มผู้อริยะปิดล้อมโจมตีแล้วบาดเจ็บสาหัส จำต้องย้ายไปฝึกฝนวิชาต้องสาป จากนั้นมาภาพลักษณ์ก็แย่ลงเรื่อยๆ
อีกท่านรับหน้าที่ดูแลแดนศักดิ์สิทธิ์ ฝึกฝนคัมภีร์วิถีเสริมฟ้า ตัดเจ็ดอารมณ์เพื่อให้พลังบำเพ็ญสูงขึ้นเร็วที่สุด จนถึงตอนนี้ผ่านไปเกือบพันปีแล้ว ศิษย์พี่สองท่านนั้นไม่มีความบุ่มบ่ามของวัยหนุ่มกับความมีชีวิตชีวาในตอนนั้นไปนานแล้ว
ทุกคนค่อยๆ กลายเป็นแบบที่ไม่ชอบในตอนแรกไปตามกาลเวลา!
ตอนนี้ได้เห็นศิษย์วัยหนุ่มสาวพวกนี้ยอมรับผู้นำคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ก็มีความรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกันจริงๆ!
ถึงอย่างไรก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ควรจะมีบุคคลที่เป็นผู้นำคนใหม่แล้ว
เสิ่นเทียนมีชะตาสวรรค์พิทักษ์ อีกทั้งใบหน้ายังเป็นหนึ่ง มีคุณสมบัติเป็นคนนี้ได้!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวยิ้มอ่อนโยน ก่อนหยิบยันต์หยกสีขาวขุ่นออกมาจากอกเสื้อ
นางส่งยันต์หยกนี้ให้เสิ่นเทียน “นี่คือ ‘ยันต์เคลื่อนย้ายเทพสวรรค์’ สามารถใช้จุดเคลื่อนย้ายเป็นใจกลาง ศิษย์ในระยะพันลี้จะเคลื่อนย้ายกลับมาได้ทันที สนามรบบรรพกาลมีอันตรายยากจะคาดเดา หากเจออันตรายก็อย่าโอ้อวด ให้บีบยันต์เคลื่อนย้ายนี่ให้ทันเวลาก็พอ”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอบคุณที่อาจารย์อาเป็นห่วง”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวยิ้มพอใจก่อนจะหยิบตำราหนาเท่าพจนานุกรมเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของอีก “แล้วก็มีตำราเล่มนี้ เป็นหัวข้อน่าสนใจเกี่ยวกับสนามรบบรรพกาล เทียนเอ๋อร์ค่อยๆ อ่านไประหว่างทางได้”
เสิ่นเทียนรับหนังสือหนักอึ้งมาแล้วก็นึกถึงอดีตที่ไม่อยากจะหันกลับไป
โชคดีที่หลังทะลวงระดับสร้างฐาน เสิ่นเทียนใช้พลังจิตประทับข้อมูลนี้ได้โดยตรงแล้ว เช่นนั้น อ่านรอบเดียวก็จำจุดสำคัญของเล่มนี้ไว้ได้ มันก็ไม่ได้ยากเกินไป
…..
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ศิษย์ทุกคนก็ขึ้นเรือเหาะเทพสวรรค์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน