บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 224

บทที่ 224 อาจารย์แสดงวิชายิ่งใหญ่ ศิษย์ยอมแพ้ด้วยใจจริง

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมีสีหน้าแปลกๆ เยี่ยฉิงชางก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาเช่นกัน

เขาทำเสียงหึเย็นชา “มีอะไร หรือคิดว่าข้าหมายปองศิลาวิญญาณของเจ้า ถึงให้หอคอยเทพสงครามรับเจ้าเป็นนายกัน”

เยี่ยฉิงชางพูดด้วยความอยากให้เขาได้ดี “ต้องรู้นะว่าหอคอยเทพสงครามเป็นสมบัติสุดยอดที่แม้แต่ในแดนเซียนยังมีคนมากมายเฝ้าใฝ่หา เจ้าจินตนาการมูลค่าของมันไม่ได้เลย”

เสิ่นเทียนมองเยี่ยฉิงชาง มักจะรู้สึกว่าตาแก่นี่มีความรู้สึกโกรธและอับอาย

ถึงอย่างไรก็อยู่ถิ่นคนอื่น อย่าไปล่วงเกินตาแก่นี่จะดีกว่า ถ้าไม่เช่นนั้นอาจจะโดนตาแก่นี่ปล้นเอาก็ได้!

เสิ่นเทียนขบคิดก่อนจะถามเชิงให้ความร่วมมือ “ผู้อาวุโสบอกว่าหอคอยนี้เป็นสมบัติสุดยอด ไม่ทราบว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง”

เยี่ยฉิงชางตอบอย่างภูมิใจ “หอคอยนี้หลอมขึ้นโดยประมุขรุ่นแรกแห่งพระราชวังเทพสงคราม ใช้ไอม่วงเบิกฟ้าหลอมขึ้น สามารถกำราบและหลอมรวมพลังประหลาดทุกสิ่งอย่างในฟ้าดินได้

แม้ตอนนี้หอคอยเทพสงครามจะแตกร้าวลงแล้ว แต่พลังวิญญาณที่ดูดซับมาหมื่นปีนี้ทำให้มันฟื้นพลังมาบางส่วน ตอนนี้หอคอยเทพสงครามยังโจมตีได้อีกสามครั้ง แม้แต่เซียนแท้จริงยังสังหารได้!”

ซี้ด~!

ขนาดเซียนแท้จริงยังสังหารได้หรือ

เสิ่นเทียนอดตกใจมิได้

พึงรู้ไว้ว่าเซียนแท้จริงหมายความว่าอะไร นั่นแกร่งกว่าผู้อริยะ!

มีเพียงฝ่าด่านเคราะห์อัสนีสิบสองครั้งสำเร็จเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนกายหยาบเป็นกายแห่งเซียนได้

มีเพียงผู้มหายานวิถีเซียนที่ไม่มีกลิ่นอายพลังของคนธรรมดามานะสร้างอีกเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าเซียนแท้จริง

และหลังจากเปลี่ยนกายหยาบเป็นกายเซียนแล้วจะถูกโลกบำเพ็ญเซียนต่อต้าน อยู่ได้อย่างมากสุดเพียงสามพันปี ในสามพันปีนี้จะต้องบินขึ้นโลกเซียน ถ้าไม่อย่างนั้นจะถูกกฎแห่งสวรรค์ที่นี่สังหาร

แม้แต่ทั้งห้าดินแดนตอนนี้ยังมีเซียนแท้จริงอยู่หรือไม่ยังบอกไม่ได้ หรือก็คือหอคอยนี่คือไพ่ตายสุดยอด!

เสิ่นเทียนยอมรับว่าตอนสนใจ มีใครบ้างไม่อยากมีของเอาตัวรอดเยอะๆ

เยี่ยฉิงชางเหมือนพอใจกับท่าทีของเสิ่นเทียนมาก จึงเอ่ยต่อ “แค่นี้ก็สนใจแล้วรึ ไม่ได้เรื่อง! กับอีแค่เซียนแท้จริงเล็กจ้อยมันจะเท่าไรกัน ช่วงที่หอคอยเทพสงครามอยู่จุดสูงสุด แค่ดีดนิ้วก็สังหารคนระดับนี้ได้เป็นเบือ

ประโยชน์ของหอคอยเทพสงครามที่ดีที่สุดสำหรับข้าคือมันสามารถประทับตรากำลังรบของผู้เข้ามาฝึกฝนในหอคอยได้ทุกคน ใช้มันปกป้องในหอคอยได้

ในหอคอยเทพสงครามนี้ เจ้าสามารถประลองกับสุดยอดโอรสสวรรค์ตั้งแต่ยุคโบราณได้ ทำความคุ้นเคยกับกระบวนท่าสังหารของเผ่าต่างๆ

รบร้อยครั้งไม่สิ้นถึงจะเป็นแม่ทัพ! รบพันครั้งไม่สิ้นถึงจะเรียกว่าราชา!

โอรสสวรรค์ที่แท้จริงของโลกเซียนมองพลังบำเพ็ญสูงต่ำเป็นเรื่องรอง การสร้างรากฐานแห่งจักรพรรดิไร้พ่ายในระดับเดียวกันต่างหากคือสิ่งสำคัญ

และการต่อสู้กับโอรสสวรรค์คนอื่นๆ หลายต่อหลายครั้งก็เป็นการสร้างรากฐานแห่งจักรพรรดิได้เร็วที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุด!”

เหมือนยิ่งพูดยิ่งฮึกเหิม เยี่ยฉิงชางถึงกับสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง

กระจกปราการลับลอยขึ้นมาตรงหน้าสองคนอีกครั้ง ในนั้นสะท้อนเป็นภาพการต่อสู้ของพวกข่งเมิ่งทุกคน

“เจ้าดูเอา ต่อสู้เก้าวันเก้าคืนไม่หยุด พวกสหายของเจ้าพัฒนากันชัดเจนมาก นี่เป็นสิ่งที่ทำซ้ำไม่ได้นอกหอคอยเทพสงคราม”

ถึงอย่างไร พวกนั้นก็เป็นโอรสสวรรค์ของเผ่าพันธุ์และขุมอำนาจอื่น จะไปยอมฝึกฝีมือกับเจ้าหลายต่อหลายรอบได้อย่างไร

เมื่อเห็นข่งเมิ่งที่สำแดงแสงเทพห้าสีเอาชนะโอรสสวรรค์สี่ดาวคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายแล้ว เสิ่นเทียนยังแอบตกใจ

เขาเอ่ยถาม “ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกว่าเป็นการต่อสู้เดิมพัน แต่หากเจอธิดาสวรรค์อย่างข่งเมิ่งที่เอาชนะไปตลอดเช่นนี้ จะไม่ขาดทุนหรือ”

เยี่ยฉิงชางตอบนิ่งๆ “จะขาดทุนได้อย่างไร ตอนที่ผู้ฝึกฝนทุกคนเผชิญหน้ากับโอรสสวรรค์ระดับดาวเดียวกัน ก็มีโอกาสได้รางวัลเพียงสองครั้ง หรือก็คือไม่ว่าข่งเมิ่งจะเอาชนะโอรสสวรรค์สี่ดาวกี่ครั้ง ก็เลือกมรดกสี่ดาวได้มากสุดสองอย่างออกไป

อีกทั้งมรดกยังลงผนึกไว้ ตัวเองฝึกได้เท่านั้น เผยแพร่ไม่ได้ หากอยากจะได้มรดกระดับสูงกว่า นั่นก็มีแต่ต้องท้าสู้กับโอรสสวรรค์ที่แกร่งขึ้น สรุปพวกเขาอาจจะกำไรเลือดสาด แต่ข้าไม่มีวันขาดทุน”

เสิ่นเทียนครุ่นคิด “เช่นนั้นตอนนี้ข่งเมิ่งกำลังกวาดล้างโอรสสวรรค์สี่ดาวเพื่ออะไรกัน”

เยี่ยฉิงชางเผยอมุมปากเล็กน้อย “เด็กนี่สู้ในหอคอยมาสิบวัน แสงเทพห้าสีพัฒนาขึ้นไม่น้อยเลย เพียงแต่ยังด้อยกว่าโอรสสวรรค์ห้าดาวแห่งโลกเซียนเล็กน้อย เพิ่งสุ่มได้โอรสสวรรค์ห้าดาวมา สู้ได้ครู่เดียวก็พ่ายแพ้

ตอนนี้คงกำลังฝึกฝนแสงเทพห้าสีกับโอรสสวรรค์สี่ดาวพวกนั้น เตรียมจะทำความเข้าใจกับแสงเทพห้าสีที่พัฒนาขึ้นอย่างถ่องแท้ จากนั้นก็ท้าสู้ต่อไปกระมัง!”

นี่มัน…

ฟาร์มของไปสู้บอส เล่นจนเสพติดอย่างนั้นหรือ

เสิ่นเทียนหันไปมองคนอื่นๆ พบว่าก็ไม่ต่างกัน

ก็ใช่ หากโยนเงื่อนไขเติมเงินเดิมพันหลอกบิดานี่ทิ้งไป การฝึกฝนในหอคอยเทพสงครามค่อนข้างน่าดึงดูดเลย

การต่อสู้คือวิธีพัฒนาที่เร็วที่สุด เพียงแต่ในชีวิตประจำวันความเป็นจริงมีอุปสรรคเรื่องชื่อเสียงและฐานะ ยิ่งเป็นอัจฉริยะยิ่งทิ้งไม่ได้

ถึงอย่างไรหากเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ถ้าเจ้าแพ้ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์อื่น ก็คงไม่มีหน้าอยู่ต่อจริงๆ

แต่ในหอคอยเทพสงคราม ทุกคนสู้กับศัตรูได้อย่างสบายใจ ทั้งยังพบจุดบกพร่องของตัวเองในการต่อสู้กับศัตรูได้ง่ายที่สุด

ด้วยนิสัยดื้อรั้นของข่งเมิ่ง อยู่ในการฝึกฝนเช่นนี้เหมือนปลาได้น้ำก็เป็นเรื่องปกติมาก

เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของเสิ่นเทียน เยี่ยฉิงชางก็ยิ้ม “เป็นอย่างไร สนใจอยากขึ้นเวทีลองดูหรือไม่”

เสิ่นเทียนเห็นรอยยิ้มเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์บนใบหน้าเยี่ยฉิงชางแล้วแบะปาก “ท่านอยากให้ข้าเสพติด จากนั้นทิ้งหอคอยเทพสงครามไม่ลง ได้แต่รับมันไว้ล่ะสิ!”

“แค่กๆ แค่กๆๆ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!”

เยี่ยฉิงชางจิบน้ำชาอึกหนึ่ง “อะไรกัน เจ้าไม่รู้จักกระทั่งการควบคุมตัวเองเลยรึ”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่เสิ่นก็จะลงสนามลองดู! ต้องแลกแต้มเทพสงครามหรือไม่”

เยี่ยฉิงชางส่ายหน้า “มองเป็นคนอื่นไกลไปได้ เจ้าเป็นคนที่ข้ายอมรับ สู้บนเวทีเทพสงครามไม่กี่ครั้ง ยังต้องจ่ายศิลาวิญญาณอะไรอีก”

เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยฉิงชางก็ลูบแขนเสื้อเบาๆ

ทันใดนั้นเสิ่นเทียนรู้สึกว่ามีแสงหลากสีตรงหน้า จนเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งก็มาโผล่บนเวทีประลองยักษ์แล้ว และตรงหน้าเขาเป็นหญิงงามสวมอาภรณ์สีเขียวมรกต รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นยืนอยู่คนหนึ่ง

เหนือศีรษะนางมีดาวลอยอยู่สี่ดวง หมายถึงระดับของนาง

“เผ่าเถาเด็ดดารา ซินชิงอี ขอให้สหายชี้แนะด้วย”

เอ่ยจบ หญิงงามพลันยิงเถาวัลย์สีเขียวออกมาจากแขนเสื้อมือขวา พุ่งใส่เสิ่นเทียนราวกับงูเขียวเลื้อย

เสิ่นเทียนสำแดงท่าร่างหลบหลีก ทว่าหญิงคนนี้ก็สมกับเป็นธิดาสวรรค์สี่ดาว มีศักยภาพค่อนข้างไม่ธรรมดาจริงๆ

เถายาวสีเขียวนั้นจัดการยากยิ่งราวกับเงา ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะหลบอย่างไรก็ไม่พ้น

ฟุบ!

เถายาวมุดขึ้นมาจากดินโดยพลัน มัดขาขวาเสิ่นเทียนไว้ จากนั้นเถายาวนั้นเลื้อยไปตามขาขวาเขาอย่างเร็วไว

เป็นซินชิงอีนั่นที่ไม่รู้ว่าส่งเถาวัลย์ยาวที่ทนทานที่สุดมุดลงดินตั้งแต่เมื่อไร ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เสิ่นเทียนหลบเถาวัลย์บนพื้นดิน ลอบจู่โจมสำเร็จ

และตอนที่เสิ่นเทียนโดนมัดขาขวาขยับไม่ได้แล้วนั้น เถายาวนั้นก็ตามเขามาในพริบตา มัดเขาเอาไว้

ซินชิงอีเผยรอยยิ้มน่ารัก ก่อนจะยิงเถายาวออกมาจากแขนเสื้อมือซ้ายอีกครั้ง

เถายาวนี้แข็งแรงมาก ขยับแสงหนาวเยือกพุ่งเข้ามาตรงระหว่างคิ้วเสิ่นเทียน

“ประสบการณ์ต่อสู้ค่อนข้างมาก ตรงนี้ข้าเทียบไม่ได้”

เสิ่นเทียนประเมินจากสภาพจริง สารภาพตามตรง ประสบการณ์ต่อสู้ของเขาไม่มากจริงๆ

เดิมทีเจอธิดาสวรรค์ซินชิงอีที่ใช้เถาวัลย์โจมตีเหมือนกัน เขายังคิดจะประลองกับนางอย่างยุติธรรมสักครั้ง ปรากฏว่าซินชิงอีจู่โจมด้วยกลยุทธ์เหนือชั้น เสิ่นเทียนไม่มีโอกาสสวนกลับเลย ถูกนางพันธนาการเอาไว้แล้ว

แน่นอน นี่เป็นเงื่อนไขที่เสิ่นเทียนจะใช้แค่เถากลืนกินเซียน ไม่ใช้กลอุบายอื่น

หากเสิ่นเทียนสู้สุดกำลัง นั่นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“เกราะอัสนีวิหคชาด เปิด!”

เสิ่นเทียนคำรามเสียงเบา ก่อนผิวกายจะลุกเป็นอัคคีอรุณใต้เร่าร้อน เถาวัลย์ที่มัดเขาไว้อย่างแน่นหนาถูกเผาขาดเป็นชิ้นๆ

วิหคอมตะสยายปีก ขนนกเปลวไฟปลิวว่อน ปรากฏกระบี่ยาวสีเขียวครามขึ้นในมือเสิ่นเทียน

ฟุบ~!

ร่างเงาสีแดงเพลิงขยับวูบไหวมาจากความว่างเปล่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน