บทที่ 290 บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่อนาถที่สุดในประวัติศาสตร์คนใหม่
เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนนอนแผ่เหมือนไร้เป้าหมายในชีวิตตรงหน้าตน รวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนที่กุมแขนขาดอยู่ข้างๆ เสิ่นเทียนก็ผงะไป
‘เจ้าสองคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดถึงจ้องข้าด้วยความคับแค้นใจเช่นนี้ ดูน่าขนลุกชะมัด
ยังมีอาคนนั้น เจ้าแขนขาดก็ไปรักษาสิ จะมองข้าเพื่ออะไร
อยากจะเรียกค่าเสียหายหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสับเจ้าแทน!
หืม ในมือข้ามีกระบี่ตั้งแต่เมื่อไร บนกระบี่ยังมีโลหิตอีก’
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย หยั่งเชิงถามด้วยอาการใจฝ่อนิดๆ “ผู้อาวุโส มือท่าน…ข้าเป็นคนตัดรึ”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนอึ้งไป เหมือนนึกอะไรได้จึงรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ ตอนฝึกกระบี่ข้าไม่ระวังตัดแขนตัวเอง ไม่เกี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์”
ไม่ระวังตัดแขนตัวเองตอนฝึกกระบี่หรือ
เสิ่นเทียนโมโหแล้ว “ตัวเองไม่ระวังตัดแขนตัวเอง ไฉนถึงเอาโลหิตมาป้ายบนกระบี่ข้า หรือคิดจะขู่กรรโชกกัน”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนตกใจจนงุนงงไปหมด หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคู่กรณี คงจะสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือไม่กันแน่
อะไรคือข้าตัดแขนตัวเองแล้วเอาโลหิตป้ายบนกระบี่เจ้า นี่เจ้ายังมีเกียรติอยู่หรือไม่?
แต่เขาจะกล้าพูดอะไรได้
กระบี่อาบโลหิตนั้นยังชี้เขาอยู่เลย!
มิหนำซ้ำครั้งนี้ฉีเซ่าเสวียนแอบมายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นฝ่ายผิด
ในโลกบำเพ็ญเซียน การแอบดูคนอื่นฝึกวิชากระบี่เป็นสิ่งต้องห้ามร้ายแรงอยู่แล้ว ถูกฟันก็สมควร
ถ้าศักยภาพแกร่งกว่าคนที่ถูกแอบมอง เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไร จะแก้ตัวอย่างไรก็ได้ แต่ปัญหาคือสู้เขาไม่ได้!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ควักผ้าแพรสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมาส่งให้เสิ่นเทียน “ไม่ระวังทำกระบี่ของบุตรศักดิ์สิทธิ์สกปรก ต้องขอโทษจริงๆ
สิ่งนี้คือผ้าแพรเซียนไหมฟ้า หลอมขึ้นจากใยไหมของไหมเหมันต์ฝันวิญญาณภูเขาหิมะ ข้ายินดีมอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เช็ดกระบี่เซียน”
โอ้ ใจกว้างเช่นนี้เชียวหรือ
“เกรงใจ ผู้อาวุโสท่านเกรงใจไปแล้ว”
เสิ่นเทียนรับผ้าแพรเซียนมาอย่างมีความสุข ก่อนจะเก็บใส่ในกระเป๋า
จากนั้นโคจรพลังฤทธิ์ โลหิตบริสุทธิ์บนกระบี่ฟ้าสังหารพลันพุ่งออกไป
กระบี่ฟ้าสังหารที่เดิมทีเปื้อนโลหิตพลันสะอาดบริสุทธิ์ อืม…ไม่ต้องใช้ผ้าแพรเซียนนี่เลย
“อาจารย์อา แขนท่านเพิ่งขาด น่าจะยังต่อได้”
เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนรับกระบี่แทนตน ฉีเซ่าเสวียนย่อมซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
เขานำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานที่เหลือออกมาจากในแหวนเวหา เริ่มทาบนปากแผลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน
ทว่าไอกระบี่และเจตจำนงกระบี่ที่แนบกับปากแผลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนประหลาดยิ่งนัก ยังคงวนเวียนอยู่ราวกับแผลพุพองใกล้กับกระดูก
แม้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานในมือฉีเซ่าเสวียนจะรักษาได้กระทั่งบาดแผลแห่งมหามรรคแก่นพลังทองแตกร้าว แต่กลับไม่ได้ผลที่แน่ชัดตอนรักษาแขนให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน
….
“ไม่เช่นนั้นก็ให้ข้าลองดูเถอะ”
ตอนนี้เอง มีเสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างๆ
ใช่ เสิ่นเทียนเอง
เมื่อครู่เขาเพิ่งตื่นจากการตระหนักรู้ ยังสะลึมสะลือเหมือนตื่นจากฝันครั้งใหญ่ จึงไม่ได้มองให้ละเอียด
ตอนนี้เขาเริ่มสัมผัสได้นิดๆ ว่า สิ่งที่วนเวียนอยู่บนปากแผลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน ไม่ใช่ไอกระบี่ฟ้าสังหารของตนหรอกรึ!
นอกจากไอกระบี่ฟ้าสังหารแล้วยังมีเจตจำนงกระบี่ที่พิเศษคลุมเครือและลึกลับ กำลังกู่ร้องลับๆ พร้อมกับมรดกวิชานั้นที่เขาเพิ่งได้มาใหม่
ไอกระบี่เป็นของเขา เจตจำนงกระบี่ก็เป็นของเขา แล้วข้าจะไม่ใช่คนที่ฟันเจ้านี่ได้อย่างไร
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกนิดๆ แสดงว่าตาแก่นี่…
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ถูกข้าฟันกระบี่เดียวแขนขาด รู้สึกว่ามีหน้าอยู่ต่อไปไม่ได้จึงไม่อยากยอมรับหรือ
จิ๊ๆ คนใหญ่คนโตในโลกบำเพ็ญเซียนพวกนี้ จะตายแล้วยังรักหน้ายอมลำบากอีก เสิ่นเทียนเห็นมาเยอะแล้ว
ทั้งยังมอบผ้าแพรเซียนไหมฟ้าสมบัติระดับวิญญาณขั้นสูงให้เป็นพิเศษอีกชิ้น เป็นค่าปิดปากหรือ จริงๆ เลย คิดว่าข้าเป็นคนอย่างไรกัน
แต่ถึงจะไม่พอใจอย่างไร เขาก็เป็นคนฟันอีกฝ่าย
แม้ในโลกบำเพ็ญเซียน การบุกมาถิ่นฐานคนอื่นรบกวนการฝึกฝน ถูกฟันตายก็สมควรแล้ว แต่เสิ่นเทียนเป็นผู้มีมหาบุญที่มีความเมตตาอย่างยิ่งคนหนึ่ง ประเด็นหลักคือรับของเขามาแล้ว ควรช่วยก็ต้องช่วย
ไม่เช่นนั้น กงล้อทองบุญกุศลข้างหลังเขาคงจะเสียใจน่าดู
เขาเดินมาข้างผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนช้าๆ ก่อนจะเอามือกดตรงปากแผลผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เจตจำนงกระบี่กับไอกระบี่ที่ข้าฟันออกไปยังอยู่!
เสิ่นเทียนโคจรเคล็ดกระบี่เงียบๆ ไล่ไอกระบี่และเจตจำนงกระบี่ที่วนเวียนตรงแขนของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนออกไป
ขณะเดียวกันเขายังพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนไม่ต้องกังวล รอจนไอกระบี่กับเจตจำนงกระบี่สลายไปแล้ว ค่อยเสริมด้วยของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน ก็จะฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ขอให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนวางใจได้เลย แซ่เสิ่นจะไม่บอกใครกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนยิ้มอ่อนโยน แต่ในดวงตามีประกายกระบี่รวดเร็วดุดันขยับวูบวาบ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนยังอดหนาวสั่นมิได้
บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…กำลังเตือนข้าว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องในวันนี้หรือ
ก็ใช่ ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองตัวเล็กๆ กลับตัดแขนของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพได้ในกระบี่เดียว กระทั่งสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว
พรสวรรค์อันน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ มองไปในโอรสสวรรค์ทั้งหมดตลอดหมื่นปีมานี้ทั้งห้าดินแดน เดาว่าเขาจะต้องเป็นสุดยอดพรสวรรค์กระทั่งเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
หากลัทธิวิญญาณร้ายหรือขุมอำนาจศัตรูของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รู้เข้า คงจะส่งคนระดับผู้อริยะมาจับจ้องเสิ่นเทียนเป็นแน่
ถึงตอนนั้นเสิ่นเทียนจะเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวง
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาคือคนสนิทที่สุดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง
หากไม่เช่นนั้น หน้าที่อารักขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคงไม่มาถึงมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน