บทที่ 355 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หนึ่งกระบี่สังหารผู้อริยะ
อีกาทองเก้าตัวกำเนิดออกมาจากศิลาจักรพรรดิ กลายเป็นดวงตะวันใหญ่หลายดวงพุ่งเข้าใส่ผู้อริยะเปลวเพลิง
ถึงพวกมันจะแค่กำเนิดขึ้นจากอักขระศิลาจักรพรรดิ แต่กลับมีศักยภาพน่าสะพรึงเทียบเท่าสัตว์เทพ อีกาทองทุกตัวแผ่กลิ่นอายพลังเทียบเท่ากับผู้อริยะ
กระทั่งเมื่อแสงสว่างของอักขระบนศิลาหินสว่างขึ้น กลิ่นอายพลังรอบตัวอีกาทองพวกนี้ก็ทรงพลังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ต่อให้ผู้อริยะเปลวเพลิงจะไม่ถืออยู่ว่ารั้งท้ายในระดับฝ่าด่านเคราะห์ ห่างจากอริยะแท้เพียงครึ่งก้าว แต่ตอนนี้ก็ยังมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างรุนแรง
เพราะเขาสัมผัสได้ถึงอำนาจคุกคามถึงชีวิตจากตัวอีกาทองพวกนี้ ครั้งนี้หากจัดการไม่ดี เขาอาจจะตายตกบนเกาะมหานทีจริงๆ ก็ได้
“ไสหัวไปให้พ้น!”
ผู้อริยะเปลวเพลิงรวมเป็นเกราะเพลิงด้วยความเร็วสูงสุด ขวางไว้หน้าอีกาทองเก้าตัว หวังว่าจะต้านอีกาทองเก้าตัวได้สักครู่ ส่วนตัวเขากลายเป็นแสงอริยะเปลวเพลิงสายหนึ่งพุ่งย้อนไปอีกทาง หนีตายไปก่อน
เทียบกับเกียรติแล้ว ชีวิตน้อยๆ สำคัญกว่า!
น่าเสียดาย ทันทีที่เขาโจมตีใส่ศิลาจักรพรรดิ ศิลาจักรพรรดิก็เหมือนจะจับเป้าเขาไว้แล้ว
เกราะเปลวเพลิงไม่อาจต้านอีกาทองได้แม้แต่น้อย แทบจะถูกทะลวงไปในทันใด หลอมละลาย กลืนกิน กระทั่งทำให้พลังงานของอีกาทองทรงพลังและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
อีกาทองเก้าตัวปิดตายทางหนีของผู้อริยะเปลวเพลิงทุกทาง ก่อนจะถาโถมเข้าใส่เขา
เปลวเพลิงร้อนแรงพลันปกคลุมทั้งตัวเขา
ผู้แข็งแกร่งระดับฝ่าด่านเคราะห์ที่ฝึกวิชาธาตุไฟเป็นหลักอย่างผู้อริยะเปลวเพลิงเช่นนี้ แทบจะมีการต้านทานต่อการโจมตีด้วยไฟทุกชนิด ทว่าตอนนี้อานุภาพของเปลวไฟนี่กลับแข็งแกร่งเกินไป
นี่คือเพลิงเทพอีกาทอง เหมือนหลุดลอกมาจากไฟแท้สุริยะ แม้จะไม่ติดรายนามสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดิน แต่อานุภาพก็ไม่ต่างกับไฟแท้สุริยะที่บริสุทธิ์เท่าไร
แต่ด้วยการควบคุมด้วยอานุภาพของศิลาหิน เพลิงเทพอีกาทองเข้มข้นนี้มากพอจะหลอมละลายผู้อริยะเปลวเพลิงคนนี้!
เวลานี้ เสียงร้องโหยหวนของผู้อริยะดังมาจากในกลุ่มเปลวเพลิง แหลมเล็กและบ้าคลั่ง
“บัดซบ กับอีแค่ศิลาหินสืบต่อมรรคแค่นี้ ไฉนถึงมีอานุภาพสังหารน่ากลัวเช่นนี้ได้”
ผู้อริยะเปลวเพลิงทำหน้าเหี้ยมโหด พลันมองไปทางพวกเสิ่นเทียนที่ถอยหนีไปหลายร้อยลี้แล้ว “วันนี้ข้าเจอกับหายนะ พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้เลย!”
เพราะเจ้าพบศิลานี่ ข้าถึงโดนเปลวเพลิงน่ากลัวเช่นนี้
หากข้าต้องตาย เช่นนั้นก็ต้องตายด้วยกัน!
…….
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้อริยะเปลวเพลิงก็กลายเป็นไฟอริยะกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงไปหาทางเสิ่นเทียน
“ไอ้สารเลวนี่เป็นผู้อริยะได้อย่างไรกัน”
องค์หญิงหลิงหลงมีสีหน้าปั้นยาก ผู้อริยะเปลวเพลิงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันในดินแดนกลาง มองจากระดับบางอย่าง พูดได้ว่าอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เซียนต้าฮวง
เพียงแต่ผู้อริยะเปลวเพลิงไม่มีภาระให้พะวงใจ ไม่มีญาติมิตรสหาย อีกทั้งยังมีนิสัยเอียงไปทางเหี้ยมโหด ดังนั้นจึงทำอะไรตามใจมาตลอด ไม่มีราศีของยอดฝีมือเลยสักนิด
แต่องค์หญิงหลิงหลงไม่คาดคิดเลยว่าเจ้านี่จะเป็นบ้า คิดจะลากบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับทุกคนรับโทษร่วมด้วย
หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริงๆ ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันก็ไม่อาจรับผลที่ตามมาได้ จะต้องมีเจ้าทุกข์ไปหาถึงบ้านจากทุกทิศทาง
ได้แต่บอกว่าเจ้านี่บ้าคลั่งเห็นแก่ตัวจริงๆ ไม่เกรงกลัวอะไรเลย
เสิ่นเทียนมองผู้อริยะเปลวเพลิงด้วยดวงตาดั่งสายฟ้า “พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าจะต้านเขาไว้เอง”
เพิ่งเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ระเบิดพลังแก่กล้าอย่างยิ่งออกมารอบตัว ดันทุกคนข้างกายออกไปไกล
พลังนี้ยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด ต่อให้เป็นจางอวิ๋นซีที่ทะลวงระดับดวงจิตดรุณด้วยแก่นพลังทองสิบรอบกับองค์หญิงหลิงหลงก็ยังไม่อาจต่อต้านได้
เวลานี้ ตรงหน้าผู้อริยะเปลวเพลิงเหลือเพียงแค่เสิ่นเทียน!
เมื่อเห็นผู้อริยะเปลวเพลิงที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นเทียนกลับไม่มีสีหน้าเกรงกลัวสิ่งใดเลย
เขาเพียงแค่มองเปลวไฟที่เข้ามาใกล้อย่างเฉยชา เหมือนกับมองเมฆลอยก้อนหนึ่ง ไม่มีอำนาจคุกคามถึงตนเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน