บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 365

บทที่ 365 กุ้ยกงกง

แควก~

อีกาทองเพลิงแต่ละตัวตาย ตกอยู่ใต้กระบี่คู่ม่วงคราม กลายเป็นกลุ่มก้อนเปลวไฟ

แต่พวกมันไม่ได้หายไป แค่เปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่สุดถูกดูดเข้าไปในผนังอีกครั้ง ทำให้ลายเทพอ่อนแสงสว่างขึ้นมาใหม่

ลายเทพไหลเวียน อีกาทองเพลิงพวกนั้นก็คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และโจมตีใส่พวกเสิ่นเทียนต่อไป

“อีกาเทพเพลิงพวกนี้เป็นหนึ่งเดียวกับลายเทพค่ายกลบนผนังหิน หากทำลายลายค่ายกลพวกนี้ไม่ได้ อีกาทองเพลิงก็จะมีร่างเป็นอมตะ!”

เนตรสวรรค์ตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนยิงแสงเทพสีม่วงออกมา เขากำลังสำรวจผนังหิน หวังว่าจะเจอช่องโหว่จากในนั้นบ้าง

แต่เขาก็ต้องผิดหวัง คนที่วางลายค่ายกลนี้มีระดับพลังลึกล้ำยากจะคาดเดา เป็นยอดฝีมือที่มีความชำนาญด้านค่ายกลสูงยิ่ง

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะมีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิ แต่ก็ยังหนุ่มเกินไป ไม่มากพอจะทำลายค่ายกลนี้

จางอวิ๋นซีไม่พูดไม่จา ยืนอยู่ข้างกายเสิ่นเทียนเงียบๆ ฟันแสงกระบี่สู้เคียงข้างเสิ่นเทียน ถึงจะแบ่งเบาภาระได้แค่เล็กน้อยก็ยังดี

องค์หญิงหลิงหลง ข่งเมิ่งและคุนอวี้ต่างพากันออกมือ อีกทั้งยังขยับเข้าไปใกล้เสิ่นเทียนอย่างเงียบเชียบ

เวลานี้ทุกคนร่วมมือกัน ต้านอีกาทองเพลิงพวกนั้นไว้ได้อย่างมั่นคง ไม่ถึงกับถูกตีแตกพ่าย เพียงแต่หากยังหาวิธีทำลายลายค่ายกลไม่ได้ พลังฤทธิ์ในตัวพวกเสิ่นเทียนจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ส่วนพวกอีกาทองมีลายค่ายกลเสริม แทบจะเป็นอมตะ ไม่ช้าก็เร็วจะลากจนพวกเสิ่นเทียนหมดแรง

หวังเสินซวีหลบหลังทุกคน เดี๋ยวนอนหมอบเลียนแบบเต่าดำ เดี๋ยวลุกขึ้นมาสำแดงคมดาบแห่งมิติ

ตัวเขาส่งกลิ่นเหม็นเบาๆ นั่นคือกลิ่นของห้าสิ่งของมนุษย์โรยรา

เขาในตอนนี้ได้แต่ระบายไปพลางเติมไปพลาง

‘รู้อย่างนี้แต่แรกตอนสู้ไม่น่าจะบุ่มบ่ามขนาดนั้นเลย น่าจะเก็บอายุขัยไว้ใช้บ้าง’

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง “สหายเสิ่น เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่! เราต้องรีบฝ่าวงล้อมของเดรัจฉานพวกนี้ ไม่เช่นนั้นสู้ไม่จบไม่สิ้นแน่”

เสิ่นเทียนยิ้ม “มันก็ไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้น อีกาทองเพลิงพวกนี้ดูเหี้ยมโหด แต่ก็เป็นอาหารดีที่ใช้ได้เหมือนกัน”

อาหารดีรึ

เมื่อได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียน ทุกคนถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง

เจ้าเรียกเจ้านี่ว่าอาหารดีเลิศรสรึ

ไม่กลัวลวกปากรึ

เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย ไม่อธิบายอะไร กระบี่คู่ม่วงครามในมือพุ่งออกไปอีกครั้ง พลันทะลวงอีกาทองเพลิงตัวหนึ่งไป

วินาทีต่อมา กระบี่คู่ม่วงครามส่งอีกาทองเพลิงตัวนี้มาตรงหน้าเสิ่นเทียน ทำลายอีกาทองแตกเป็นพลังงานธาตุไฟ ทว่าครั้งนี้เสิ่นเทียนไม่ได้ให้ลายเทพดึงพลังงานธาตุไฟกลับไป แต่โคจรคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน

ทันใดนั้น มีดวงตะวันสีแดงยิ่งใหญ่ลอยขึ้นข้างหลังเขาสิบดวง กินพลังงานธาตุไฟทั้งหมดเข้าไป ทว่าหลังจากพลังงานธาตุไฟก้อนใหญ่ถูกเสิ่นเทียนหลอมรวมไปแล้ว กลิ่นอายพลังรอบตัวเสิ่นเทียนก็แข็งแกร่งขึ้นตามเล็กน้อย

แน่นอนว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพิ่มขึ้นน้อยจนแทบจะไม่สังเกตเห็น

หลังจากถูกกินพลังงานธาตุไฟไป อีกาทองเพลิงที่แตกเป็นเศษนั้นก็ไม่เกิดใหม่อีก แต่หายไปอย่างแท้จริง

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าจะบอกว่าเส้นทางนี้ขับไล่ผู้บุกรุก สู้บอกว่าเป็นแดนลับฝึกฝนที่มหาจักรพรรดิอีกาทองให้ไว้กับชนรุ่นหลังดีกว่า”

ฟางฉางเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว “กฎเกณฑ์การรวมของอีกาทองเพลิงพวกนี้สอดคล้องกับคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน ขอแค่เข้าใจความลึกลับของคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันส่วนหนึ่งก็จะกระตุ้นคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน หลอมรวมดูดซับพลังงานของพวกมันได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ไม่ใช่แค่นั้น ในตัวอีกาทองเพลิงพวกนี้ยังแฝงไว้ด้วยความหมายลึกล้ำของคัมภีร์จักรพรรดิส่วนหนึ่ง เมื่อกินพลังงานของอีกาทองเพลิงพวกนี้เข้าไป จะช่วยพวกเจ้าฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันไม่น้อย อย่าพลาดเชียว!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ยิ้ม “ต่อไปทุกคนนั่งลงโคจรพลังเถอะ! แซ่เสิ่นจะสังหารอีกาทองพวกนี้ ทุกคนแค่ดูดซับพลังงานอย่างสบายใจก็พอ”

จ้าวเฮ่าทำหน้าลำบากใจขึ้นมา “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สังหารอีกาทอง แต่กลับให้เราดูดซับพลังงาน นี่จะได้อย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนตบบ่าของจ้าวเฮ่าด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว พลังงานของอีกาทองพวกนี้มีผลกับแซ่เสิ่นไม่มาก แต่หากพวกเจ้าดูดซับพลังงานพวกนี้ จะมีส่วนช่วยในการฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันอย่างมาก”

“แต่ว่า!”

จ้าวเฮ่าจะแย้ง แต่กลับโดนฉีเซ่าเสวียนขัด “สหายเสิ่นพูดถูก ในเปลวไฟอีกาทองพวกนี้แฝงไว้ด้วยความลี้ลับของลายเทพในคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน หลอมรวมพลังงานนี้แล้วจะเพิ่มศักยภาพไม่ชัดเจน แต่เพิ่มความเข้าใจในคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันได้เร็วยิ่ง

แต่สหายเสิ่นเข้าใจในคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันถึงระดับสูงสุดอยู่แล้ว ดูดซับเปลวเพลิงอีกาทองพวกนี้เข้าไปไม่มีประโยชน์อะไรมากจริงๆ”

พูดไปพูดมา นัยน์ตาฉีเซ่าเสวียนก็ฉายแววหงุดหงิดใจ

เทียบคนอื่นเขาไม่ได้จริงๆ เขาก็อยากเสแสร้งได้สบายๆ อย่างเสิ่นเทียนเหมือนกัน บอกว่า ‘พลังงานของอีกาทองพวกนี้ไม่มีประโยชน์กับแซ่ฉี’

แต่มีหนึ่งพูดหนึ่ง เขาเสแสร้งไม่ได้

เพราะถึงฉีเซ่าเสวียนจะตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันได้ความหมายลึกล้ำหลายส่วน แต่อย่างมากก็ได้แค่ฝืนก้าวข้ามธรณีประตูขั้นพื้นฐาน ห่างจากระดับขั้นสูงอีกไกลโข

แต่เสิ่นเทียนตระหนักคัมภีร์จักรพรรดินี้จนเกือบถึงระดับสมบูรณ์ ปรากฏการณ์สิบดวงตะวันขวางฟ้าข้างหลังมีเพียงมหาจักรพรรดิอีกาทองเท่านั้นที่เหนือกว่าเขาได้

เทียบกับเสิ่นเทียนแล้ว ความชำนาญในคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันของฉีเซ่าเสวียนตามไม่ทันเลยจริงๆ

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนที่ตั้งปณิธานจะเป็นอันดับหนึ่งใต้ฟ้ารู้สึกพ่ายแพ้มาก

…..

“ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ ถ้าไม่สบายใจ ภายภาคหน้าก็มารวมกับแซ่เสิ่นบ่อยๆ ออกผจญภัยด้วยกันก็พอ”

เสิ่นเทียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกไปทางอีกาทองเพลิงมากมายนั้น กระบี่คู่ม่วงครามพลันยิงประกายกระบี่นับพันนับหมื่นออกไป

หากทำสำเร็จจริงๆ เขากับฉินเกาถึงขั้นอาจจะได้เป็นบุรุษโดยแท้จริงอีกครั้ง

ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ต้องรู้ว่าในโลกบำเพ็ญเซียน ถึงยาลูกกลอนที่ใช้ฟื้นฟูแขนขาขาดจะล้ำค่า แต่ก็สำหรับโลกธรรมดาเท่านั้น เมื่อฝึกถึงระดับผู้จริงแท้และผู้สูงศักดิ์ เว้นแต่จะเป็นอาการบาดเจ็บของมหามรรคหรือจิตวิญญาณ ไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่ขาที่สามขาดเลย ต่อให้ถูกฟันขาดไปครึ่งตัวก็ยังฟื้นฟูได้

ที่กุ้ยกงกงกับฉินเกาไม่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บมาตลอด มีเหตุผลง่ายมาก เพราะวิชามารคัมภีร์มารสู่สุริยันอันตรายเกินไป มีเพียงคงสภาพขันทีไว้ ฝึกวิชานี้ถึงจะได้ผลดีเป็นเท่าตัว ไม่เช่นนั้นจะธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายมาก

มิหนำซ้ำพวกเขาสองคนยังชินกับการเป็นขันทีแล้ว จึงไม่คิดจะฟื้นฟู

ดังนั้นที่ผ่านมาจึงทิ้งไว้ไม่รักษา

….

แต่ตอนนี้ โอกาสอันดีวางอยู่ตรงหน้าแล้ว

เดิมทีคัมภีร์มารสู่สุริยันมาจากเศษซากคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน การเปลี่ยนไปฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันไม่ได้เสี่ยงมาก ผนวกกับมีพลังงานอีกาทองบริสุทธิ์ยิ่งพวกนี้ช่วย กุ้ยกงกงกับฉินเกามั่นใจเก้าส่วนขึ้นไปว่าจะย้ายไปฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันสำเร็จ อีกทั้งยังพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้

ถึงอย่างไร ร่างกายที่ขาดก็จะระบายแก่นพลังสำคัญออกได้ง่าย มีเพียงเติมให้ครบถึงจะมองเห็นวิถีเซียนได้สูงกว่า!

กุ้ยกงกงมองเสิ่นเทียนด้วยความซึ้งใจ พึมพำในใจ ‘บ่าวมีคุณธรรมและความสามารถใดกันถึงให้องค์ชายรับบ่าวเป็นองครักษ์ด้วยตัวเอง บ่าวมิกล้ารับไว้จริงๆ

พระสนมหลานท่านวางใจเถอะ บ่าวจะตั้งใจฝึกบำเพ็ญอย่างเต็มที่ ตามติดองค์ชายทุกฝีก้าว ปรนนิบัติข้างกายองค์ชายไม่ขาด’

เหมือนนึกอะไรได้ นัยน์ตากุ้ยกงกงก็ฉายประกายมัวหมอง ‘น่าเสียดายด้วยพรสวรรค์ขององค์ชาย แม้บ่าวจะพยายามสุดความสามารถแล้ว ก็เกรงว่าจะได้แต่มองแผ่นหลังขององค์ชายอยู่ไกลๆ จนกระทั่งเขาหายลับไปกระมัง!’

ยังดี ยังดีที่ข้างกายองค์ชายมีเหล่าโอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันพวกนี้

โอรสสวรรค์พวกนี้ติดตามองค์ชาย เห็นทีว่าเส้นทางเซียนในภายภาคหน้าขององค์ชายน่าจะไม่ถึงกับโดดเดี่ยวเกินไปแล้ว

พระสนม หากท่านมีดวงจิตบนฟ้า ขอให้ช่วยปกป้ององค์ชายให้อยู่รอดปลอดภัยทั้งปวงในสุสานจักรพรรดินี้ด้วย

หากมีอันตรายจริงๆ บ่าวยินดีตายแทน

ดวงตากุ้ยกงกงมีน้ำตาร้อนผ่าว เขาสาบานเงียบๆ ในใจ ทันใดนั้นเองก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

…..

ซี้ด ไม่ใช่แล้ว!

มันนิ่มๆ ชาๆ และยังมีจั๊กจี้นิดๆ ด้วย~

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน