บทที่ 371 สุสานจักรพรรดินี่ชั่วร้ายมาก
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของนักพรตอ้วน เสิ่นเทียนก็คิดว่าช่วยคนก่อนดีกว่า!
ถึงอย่างไรแม้เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องความรักในอดีตของอาจารย์กับอาจารย์ลุงเท่าไร แต่หากนักพรตอ้วนนี่รู้เรื่องในอดีตของอาจารย์กับอาจารย์ลุงจริงๆ เช่นนั้นก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ
คนของตนเจออันตราย ข้าก็จะยืนดูเฉยๆ ไม่ได้กระมัง!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนพลันกลายเป็นประกายแสงสีทองไปปรากฏข้างนักพรตอ้วน
คว้ามือของนักพรตอ้วนไว้ ก่อนจะกลายเป็นสายฟ้าสีทองหลอมรวมกับมวลอากาศ จากนั้นลากนักพรตอ้วนหนีไปคนละทางกับกลิ่นอายพลังวิญญาณอาฆาตนั้น
กรรซ์~
ตอนนี้เองมีเสียงร้องแหลมเล็กดังขึ้น
ประตูใหญ่ห้องลับพลันเปิดออกอีกครั้ง เปลวไฟสีดำอมแดงพุ่งออกมาจากในห้องลับ
เปรี้ยง~
เพลิงแท้สุริยะในตัวเสิ่นเทียนสั่นไหวเบาๆ เหมือนว่าเปลวเพลิงนี้มีรากกำเนิดเดียวกับมัน ในนั้นแฝงไว้ด้วยความพิเศษของเพลิงสุริยะบางอย่าง
แต่เทียบกับเพลิงแท้สุริยะอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามแล้ว เปลวไฟสีดำอมแดงนี้ดูเหมือนชั่วร้ายกว่ามาก มีความอาฆาตเข้มข้นแผ่ออกมาทุกส่วน
ต้องรู้ว่าอัสนีและไฟศักดิ์สิทธิ์ในโลก เดิมทีเป็นพลังงานที่วิญญาณอาฆาตและภูตผีปีศาจหวาดกลัวมากที่สุด
วิญญาณอาฆาตนี่กลับรุกรานเพลิงแท้สุริยะ ต่อให้ไม่ใช่เพลิงแท้สุริยะจริงๆ เป็นเพียง ‘เพลิงเทพอีกาทอง’ ส่วนย่อยของเพลิงแท้สุริยะ ก็ยังน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
ตอนนี้เปลวเพลิงกลุ่มนี้เหมือนเพลิงเทพรึ บอกว่าเป็นเพลิงชั่วร้าย เพลิงมาร ยังไม่เกินจริงไปเลย!
และเมื่อเปลวเพลิงสีดำพุ่งออกมาจากห้องลับ กลิ่นอายวิญญาณอาฆาตที่ดูเบาบางในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า
เสิ่นเทียนลากนักพรตอ้วนหนีไปในเส้นทางอย่างรวดเร็ว รู้สึกแค่ว่าข้างหลังเหมือนยังมีผู้อริยะชั่วร้ายคนหนึ่งกำลังไล่ล่า กลิ่นอายพลังนี้สร้างอำนาจคุกคามให้เขารุนแรงยิ่งกว่าประมุขวิหารเสวี่ยซาในตอนแรกอีก!
“บ้าฉิบ ศิษย์พี่ไปล่วงเกินอะไรมากัน”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย มือซ้ายลากนักพรตอ้วน มือขวาหยิบศิลาค่ายกลพิเศษมาโยนไปข้างหลังทีละก้อน
บึ้ม~
ยอดค่ายกลอัสนีเทพสวรรค์ฉบับรวบรัดกางออกข้างหลัง อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสีทองหลั่งไหลออกไปจากในตัวเสิ่นเทียน หลังถูกค่ายกลกระตุ้นเพิ่มอานุภาพเป็นเท่าตัวแล้ว ก็ฟันใส่วิญญาณอาฆาตในเปลวเพลิงสีดำนั้น
อัสนีเทพกำเนิดฟ้าของเสิ่นเทียนรวมพลังสุดยอดของสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุ เดิมทีแกร่งยิ่งกว่าอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปกติอยู่แล้ว
มิหนำซ้ำยังมีค่ายกลสายฟ้าเพิ่มพลัง ทำให้อานุภาพไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ก็ยังไม่กล้ามองข้าม
ทว่าวิญญาณอาฆาตในเปลวเพลิงสีดำอมแดงนั้นเหมือนจะไม่สนใจอัสนีเทพกำเนิดฟ้าพวกนี้เลย แต่พุ่งกระโจนเข้าใส่เสิ่นเทียนและนักพรตอ้วนทั้งๆ อย่างนั้น
หลังอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปะทะกับเปลวไฟดำอมแดงแล้วก็สลายพลังของวิญญาณอาฆาตไปไม่น้อยจริงๆ
แต่เทียบกับเพลิงอาฆาตสีดำอมแดงที่ไม่มีสิ้นสุดนั้นแล้ว ปริมาณของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าน้อยมากจริงๆ เหมือนกับน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
ไม่นาน ยอดค่ายกลอัสนีเทพสวรรค์ก็ถูกเปลวไฟสีดำอมแดงเผาทำลายล้าง ร่างเงาในเปลวไฟสีดำอมแดงพลันกางสองปีก กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตพุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียน
“ศิษย์น้องๆ ถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย ขอแค่เจ้าถ่วงเวลาให้ข้าได้หนึ่งถ้วยน้ำชา เราก็หลุดไปได้”
ตอนนี้นักพรตอ้วนร้อนใจจนเนื้ออ้วนๆ ทั้งตัวสั่นไปหมด เขารีบนำจี้หยกสีม่วงชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ บนจี้หยกแกะสลักลายเวทลี้ลับอย่างยิ่ง
แต่จุดที่สำคัญที่สุดของลายเวทพวกนั้นกลับขาดหาย เหมือนอยู่ในสภาวะ ‘กึ่งปลุกตื่น’
ขอแค่เติมจุดที่ยังแกะสลักไม่สมบูรณ์พวกนั้นก็จะกระตุ้นป้ายคำสั่งได้ จากนั้นยิงพลังมหาศาลของตราเวทบนจี้หยกได้
“ศิษย์พี่ ท่านไว้ใจได้แน่นะ”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เหตุใดนักพรตอ้วนนี่ถึงดูไม่เหมือนคนที่ไว้ใจได้เลย
อีกฝั่งเป็นวิญญาณอาฆาตระดับอริยะผู้ยิ่งใหญ่ นอนหลับสบายในสุสานมหาจักรพรรดิดีๆ ไฉนจะต้องไล่ล่านักพรตอ้วนไม่ยอมปล่อย แค้นอะไรขนาดนั้น
หรือว่าเจ้าจะห่อโลงศพของคนอื่นเขาไปกัน
นักพรตอ้วนแกะสลักตราเวทบนจี้หยกอย่างรวดเร็ว “วางใจเถอะศิษย์น้อง ศิษย์พี่ปล้นสุสานมาแปดร้อยปีแล้ว จะไม่เคยเจองานยากเลยได้อย่างไร กับอีแค่วิญญาณอาฆาตตัวเล็กๆ ไม่มีปัญหา”
บึ้ม~
เพิ่งเอ่ยจบ เปลวไฟสีดำอมแดงกลุ่มหนึ่งก็จู่โจมเข้ามา
เสิ่นเทียนออกกุมอัสนีกำเนิดฟ้าอย่างฉับไว ทำลายเปลวเพลิงกลุ่มนี้ได้
แต่เปลวไฟที่กระจัดกระจายแตกกระเซ็นไปรอบๆ ก้อนหนึ่งในนั้นกระแทกใส่ใต้สะโพกนักพรตอ้วน พลันลุกลามออกไป
อ๊ากๆๆ~
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน