บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 436

บทที่ 436 บุปผาสันติมนุษย์อสูร

ใช่

หญิงชุดคลุมดำที่ปรากฏตัวตอนนี้ก็คือหญิงมังกรเอ๋าปิง

เป็นธิดาสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อน นางย่อมมีศักยภาพน่ากลัวถึงที่สุด

แม้จะฟื้นฟูมาส่วนหนึ่งก็ยังฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!

การคงอยู่ของนาง แม้แต่สือเทียนจื่อยังไม่กล้าดูถูก

ตอนนี้เอ๋าปิงเอ่ยเสียงเฉยชา “เจ้าลิงน้อยฉีจ้านนั่นไปอยู่ที่ใดแล้ว”

เป้าหมายของเอ๋าปิงชัดเจนมาก คือจะให้ฉีจ้านรู้ว่าใครเป็นพี่หญิงใหญ่ในสำนักอสูร!

ดังนั้นนางถึงปรากฏตัวมาสร้างความหวาดหวั่นกับโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์ แสดงฐานะและอำนาจของตนเอง!

ฉีหั่วมองร่างเย็นชาสูงส่งนั้นของเอ๋าปิง แววตาเต็มไปด้วยความยำเกรง

เห็นได้ชัดว่าเอ๋าปิงเคยแสดงศักยภาพในสำนักอสูรมาแล้ว ทำให้โอรสสวรรค์สำนักอสูรยอมศิโรราบ!

ใบหน้าที่เดิมทีอวดดีของฉีหั่วพลันเผยรอยยิ้มประจบ “พี่หญิงใหญ่ พี่ใหญ่ข้าต้องถูกพวกมันจับไว้แน่ สำนักอสูรเราต้องสามัคคีกัน ให้พวกมันปล่อยเขาออกมา!”

ตอนนี้สำนักมนุษย์มีเพียงศิษย์อาวุโสอยู่ส่วนน้อย

ฉีหั่วคิดว่าส่วนใหญ่ต้องกำลังช่วยกันวางค่ายกลปิดล้อมฉีจ้านแน่นอน!

เอ๋าปิงมองสือเทียนจื่อเชิงเย้าหยอก “เจ้าเด็กน้อย เจ้าลูกลิงนี่พูดความจริงหรือไม่”

เส้นสีดำบนหน้าสือเทียนจื่อเข้มกว่าเดิม เขาทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “ด้วยศักยภาพของเจ้าลิงกังฉีจ้านนั่น ไฉนจะต้องร่วมมือกันด้วย ข้าใช้มือเดียวก็กำราบมันได้!”

ก่อนหน้านี้ที่สือเทียนจื่อไม่ได้ออกมือ ไม่ใช่เพราะกลัวฉีจ้าน เขามีใจไร้พ่าย นอกจากเสิ่นเทียนที่ทำให้เขาหวาดกลัวแล้ว คนอื่นไม่คู่ควร!

แน่นอน ตอนนี้มีเอ๋าปิงเพิ่มมาอีกหนึ่ง!

เอ๋าปิงแผ่อำนาจอริยะแข็งแกร่งออกมารอบตัว ทำให้สือเทียนจื่อกดดันอย่างหนัก

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น สือเทียนจื่อก็ยังมีจิตต่อสู้คึกคัก ดวงตาเร่าร้อน กระหายในการต่อสู้

เอ๋าปิงสัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้ของสือเทียนจื่อจึงพูดยิ้มเยาะ “เจ้าเด็กน้อย ดูท่าเจ้าคงโอหังน่าดู!”

เอ๋าปิงเป็นธิดาสวรรค์ที่สุดแห่งยุคเมื่อหมื่นปีก่อน ไม่ว่าพลังบำเพ็ญหรือฐานะล้วนอยู่ระดับเดียวกับคนใหญ่คนโตในเผ่าอสูร

แม้แต่ราชามังกรดำรุ่นปัจจุบันพบนางยังต้องเรียกท่านป้าด้วยความเคารพ

เผ่ามนุษย์น้อยที่เพิ่งผงาดขึ้นคนหนึ่ง ย่อมไม่อยู่ในสายตา

“พวกเจ้าไม่ถอยไป เช่นนั้นก็สู้!”

สือเทียนจื่อสูดลมหายใจเข้าลึก เขากอดความหยิ่งทระนงไว้ ไม่เกรงกลัวผู้ใด

ต่อให้เป็นเอ๋าปิง ก็ให้เขาถอยไปไม่ได้!

…..

ทว่าตอนนี้เองมีหลายร่างเงากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

นั่นคือศิษย์อาวุโสสำนักมนุษย์ พวกเขาพากันเดินทางมา ล้วนมีศักยภาพแข็งแกร่ง

โอรสสวรรค์ศิษย์อาวุโสทยอยกันปรากฏตัวหลังสือเทียนจื่อ จ้องโอรสสวรรค์สำนักอสูรด้วยแววตาจริงจัง

นี่คือศึกที่พัวพันไปถึงศักดิ์ศรีของสำนักมนุษย์ ไม่มีใครถอยได้

ทางด้านโอรสสวรรค์สำนักอสูรก็พากันเคลื่อนไหวเช่นกัน มาปรากฏข้างหลังเอ๋าปิงอย่างไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย

มีพี่หญิงใหญ่อยู่ ต่อให้เผชิญหน้ากับสือเทียนจื่อก็ไม่ต้องกลัว!

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา กลิ่นอายพลังน่ากลัวเหมือนคลื่นใหญ่จู่โจม หมุนม้วนสวรรค์เก้าชั้น ทำให้ท้องนภาเปลี่ยนสี

สถานการณ์ตึงเครียดมาก สองสำนักพร้อมจะก่อมหาสงครามกันได้ทุกเมื่อ!

แม้แต่ปรมาจารย์สองสำนักยังจริงจังขึ้น เตรียมรับมือกับเรื่องเหนือความคาดหมายที่จะอาจจะเกิดขึ้น

……

ตอนนี้เอง มิติบิดเบี้ยวขึ้นมา

แสงสว่างจ้าแสบตาดึงดูดความสนใจของทุกคน จากนั้นมีสองร่างเงาเดินออกมาจากมิติช้าๆ

หนึ่งในนั้นสวมเกราะนักรบทองคำ ร่างใหญ่โต พลังมหาศาลอย่างยิ่ง

อีกคนสวมชุดผ้าแพรมังกรขาว เอกลักษณ์เหนือธรรมดา ใบหน้าหล่อเหลาที่สุดเหมือนเซียนมาเยือน

เมื่อสองร่างนี้ปรากฏก็ทำให้โอรสสวรรค์ทุกคนอึ้งค้างอยู่กับที่

โดยเฉพาะเมื่อเห็นบุรุษชุดผ้าแพรมังกรขาวนั้น คนและอสูรมากมายต่างร้องอุทาน จิตใจสั่นสะท้าน

ส่วนปีศาจน้อยของสำนักอสูรยังมีแววตาหลงใหล เหมือนว่าแม้แต่จิตวิญญาณยังถูกเกี่ยวไป!

“เป็นบุรุษรูปงามมาก!”

“เจ้าเด็กนี่ควรอยู่บนฟ้า จะได้เห็นในโลกมนุษย์ได้อย่างไร”

“อู้ว~ หนุ่มน้อย ข้าอยากกินเขาไปในคำเดียวเลยจริงๆ ไม่ไหวเลย”

“คำเดียวจะพออะไร บุรุษรูปงามเช่นนี้ อมไว้ในปากยังกลัวละลาย”

เวลานี้ อสูรหญิงจากสำนักอสูรพวกนี้ต่างซุบซิบพูดคุยกัน!

อืม มีแต่อสูรที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างพวกจิ้งจอกและงูทั้งนั้น

ถึงอย่างไรอสูรที่ได้มาตรฐานใครเขาอมคนกัน

……

สองร่างเงาที่พลันปรากฏขึ้นก็คือเสิ่นเทียนกับฉีจ้าน

หลังผ่านศึกกระแสมิติปั่นป่วน ฉีจ้านก็ถูกเสิ่นเทียนสยบลงอย่างอยู่หมัด

ฉีจ้านคิดในใจ ‘ท่านจักรพรรดิบอกข้ามีสวรรค์เป็นอาจารย์ มีสวรรค์เป็นสหาย ปะทะสวรรค์บรรลุมรรค!’

ปะทะสวรรค์เป็นไปไม่ได้ ชาตินี้ก็เป็นไปไม่ได้!

ยั่วยุเจ้านี่มีแต่ถูกทุบตี!

แต่ข้าก็มีสวรรค์เป็นอาจารย์ มีสวรรค์เป็นสหายได้!

จากนี้ไป เสิ่นเทียนคือพี่ใหญ่ของข้า!

แบบนี้ก็จะบรรลุมรรคได้เช่นกัน!

ข้านี่ฉลาดจริงๆ!

ฉีจ้านยึดความคิดนี้ยอมรับเสิ่นเทียนเป็นพี่ใหญ่อย่างแน่วแน่ ก่อนจบการต่อสู้กับเสิ่นเทียน แต่ตอนที่พวกเขาออกมาและเห็นสถานการณ์ข้างนอกแล้วก็ถึงกับผงะไป

เสิ่นเทียนเกาศีรษะด้วยความมึนงง

อะไรกัน

ข้าเพิ่งไปได้ครู่เดียว เหตุใดถึงมีคนมารวมกันมากขนาดนี้ จะจัดงานเลี้ยงกันรึ

ฉีจ้านก็เช่นกัน

แต่เมื่อเขาเห็นฉีหั่วก็เข้าใจขึ้นมา

หน้าลิงฉีจ้านเป็นสีดำ เกาหูเกาแก้มพูดพึมพำ “เรียกอสูรมาเยอะขนาดนี้มาทำอะไรกัน ไม่กระมัง! ไม่กระมัง! คงไม่คิดว่าข้าจะถูกทุบตีจริงๆ หรอกนะ!”

…..

แค่กๆ ก็ได้

แม้ข้าจะถูกทุบตีจริงๆ แต่ก็รับเป็นพี่ใหญ่ อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน!

ฉีหั่วเห็นฉีจ้านปรากฏตัวก็ตาเป็นประกาย

“พี่ใหญ่ข้าออกมาแล้ว จะต้องให้พวกมนุษย์ได้เห็นดีแน่!”

มีฉีจ้านกับเอ๋าปิงอยู่ ก็จะกำราบโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย

ฉีหั่วถลึงตามองหวังเสินซวีโหดๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะควงหมัดลิง เหมือนกำลังบอกว่าเจ้าตายแน่

ทว่าช่วงที่สถานการณ์เหมือนจะเลวร้ายลงไปอีกขั้นนั้น พลันเกิดเสียงฮือฮาดังมาจากกลุ่มอสูร

“รอเดี๋ยว ทุกคนหยุดมือ!”

“อย่าสู้ หยุดมือก่อน!”

“คนของเราเอง ทุกคนเป็นพวกเดียวกัน!”

คนที่พูดคือโอรสสวรรค์สำนักอสูรใหม่เช่นเอ๋าอู เฟิ่งอู่และข่งเมิ่ง

และยังมีโอรสสวรรค์รุ่นก่อนเช่นคุนหมิงและคุนอวี้ ต่างก็ออกมาห้ามปรามอสูรตนอื่นที่กำลังจะบุก

โดยเฉพาะองค์รัชทายาทมังกรเอ๋าอู เขาวิ่งออกมา โบกสองแขนพลางตะโกนอย่างสนิทสนม “พี่เสิ่นเทียน! พี่เสิ่นเทียนข้าเอง! ท่านจำข้าได้หรือไม่”

“เฮ้ ข้าเอ๋าอูเอง!”

“…”

พอเห็นเอ๋าอูที่ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งแล้ว ฉีเซ่าเสวียนก็มีเส้นเลือดเขียวปูดขึ้นมาบนหน้าผาก

เจ้าเด็กนี่ เป็นสหายลงนามสัญญาของใครกันแน่

เมื่อครู่ข้าก็อยู่ด้วย แต่เจ้าเด็กนี่ไม่พูดไม่จาก็สู้ทันที ลงมือไม่เห็นใจเลยสักนิด!

ตอนนี้เสิ่นเทียนออกมา เจ้าไม่สู้แล้วรึ

ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเย็นๆ หลายเฮือกใหญ่ พยายามให้ตนใจเย็นลง!

ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกเหมือนปอดจะระเบิด!

โอรสสวรรค์คนอื่นพากันออกมาทักทายเสิ่นเทียน

เอ๋าปิงก็ไม่สนใจสือเทียนจื่ออีก หันหน้ามาจ้องเสิ่นเทียนทันที

ใบหน้าเฉยชามีความน่าเกรงขามของราชินีอย่างชัดเจน

สือเทียนจื่องุนงง

อะไรกัน พอเสิ่นเทียนออกมาก็เมินข้าเลยรึ

แม้ศักยภาพเขาจะแกร่งกว่าข้าเล็กน้อย หน้าตาหล่อเหลากว่าข้านิดๆ แต่ดีเลวอย่างไรข้าก็เป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของราชวงศ์เซียนต้าฮวง เป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม!

พวกเจ้าเมินข้าเช่นนี้ ดีจริงๆ หรือ

คิดว่าข้าไม่มีศักดิ์ศรีรึ!

ความรู้สึกด้านลบในใจสือเทียนจื่อ+999999

……..

เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นตาของทุกคน เสิ่นเทียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

นี่คือพี่น้องกุยช่ายของเขา ไม่นึกเลยว่าจะได้พบกันที่นี่!

สวนกุยช่ายของข้า เติบโตกันขึ้นอีกแล้ว!

จากนั้นเสิ่นเทียนก็สบตากับเอ๋าปิงก่อนจะอึ้งไปเล็กน้อย

พี่หญิงใหญ่คนนี้มาได้อย่างไรกัน

เอ๋าปิงเอ่ยด้วยเสียงเฉยชา “เจ้าเด็กนี่ก่อเรื่องเก่งจริงๆ”

ตั้งแต่กลับไปปิดด่านบำเพ็ญเกาะมังกรดำครั้งก่อน เสิ่นเทียนก็เริ่มออกเดินทาง ไปฝึกฝนทุกที่ จนกระทั่งเอ๋าปิงจบการปิดด่านบำเพ็ญก็ไม่เจอเสิ่นเทียนแล้ว

พอเอ๋าปิงได้ยินว่าเสิ่นเทียนเข้าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย นางถึงได้ตามมา

ทันใดนั้น เอ๋าปิงมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “เหตุใดในตัวเจ้าถึงมีกลิ่นอายของนางหงส์เหม็นโฉ่นั่น”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะส่งกระแสจิตไปหา “พี่สาวปิง ที่นี่คนเยอะปากมาก กลับไปเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดนะ”

“หึ หากเจ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน เจ้าตายแน่!”

เอ๋าปิงเอามือกอดอก มีสีหน้าเย็นชาและสูงส่งมาก

นางไม่ถูกกับราชินีหงส์อมตะอยู่แล้ว จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าในตัวเสิ่นเทียนมีกลิ่นอายของราชินีหงส์อมตะ จะไปยอมทนได้อย่างไรล่ะ

เสิ่นเทียนโล่งอก แอบตกใจว่ายายคนนี้จมูกไวจริงๆ

ไม่นึกเลยว่าผ่านไปนานขนาดนั้นแล้วยังได้กลิ่นอีก!

ดูท่าคงเป็นเพราะสายเลือดเทพหงส์ในกาย

เฮ้อ นั่นทำให้ปวดเอวไปครึ่งเดือนเลย!

……

ตอนนี้เอง หลังเห็นโอรสสวรรค์สองสำนักมนุษย์กับอสูรหยุดกันแล้ว ฉีหั่วก็เกาศีรษะด้วยความงุนงง ก่อนถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ พวกเราจะสู้ต่อหรือไม่”

เกิดอะไรขึ้น!

ข้ากำลังสู้อย่างเร่าร้อน ตื่นเต้นยิ่ง

ปรากฏว่าพอพี่ใหญ่กับเจ้าเด็กนั่นออกมา เหตุใดถึงหยุดมือล่ะ

ไม่สบายตัวเลยจริงๆ!

หลังได้ยินคำพูดของฉีหั่ว ฉีจ้านก็ไม่รู้เพลิงโทสะพุ่งมาจากที่ใด จึงเขกกะโหลกไปทีหนึ่ง!

“สู้อะไร นี่พี่ใหญ่ข้า และเป็นพี่ใหญ่ของพี่ใหญ่เจ้า เจ้าคิดจะลงมือรึ”

ฉีหั่วกุมศีรษะพลางพูดอย่างคับอกคับใจ “พี่หญิงใหญ่ พี่ใหญ่รังแกข้า!”

เอ๋าปิงพลิกมือมาเขกศีรษะอีกที “เจ้าเด็กนี่เป็นนักรบพันธสัญญาของข้า เจ้าจะทุบตีเขารึ”

นักรบมังกรหรือ

เจ้านี่คือบุรุษที่ขี่หญิงมังกรฉุนเฉียวอย่างพี่หญิงใหญ่ได้รึ

ฉีหั่วกุมซาลาเปาโตสองลูกบนศีรษะ อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา!

ใครล่วงเกินใครกันแน่นะ!

เหตุใดคนที่เจ็บต้องเป็นข้าตลอดเลย

…..

ผู้แข็งแกร่งสุดยอดของสองฝ่ายรู้จักกัน ทุกคนรู้ว่าการวิวาทครั้งนี้ต้องยุติลงแล้ว

แต่พอได้ยินเอ๋าปิงบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นนักรบมังกรพันธสัญญาของนาง โอรสสวรรค์สำนักอสูรทั้งหมดต่างแปลกใจกันขึ้นมา

เหล่าอสูรเคยได้ประจักษ์ความแกร่งของเอ๋าปิงมาแล้ว

เมื่อหลายวันก่อน นางทุบตีอสูรในสำนักอสูรไปจำนวนมาก สร้างอำนาจน่าเกรงขามขึ้น!

เผ่าอสูรมากมายยำเกรงนางอย่างยิ่ง

แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าการคงอยู่ที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะไปลงนามสัญญากับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

หรือในนี้จะมีความลับอะไรบางอย่าง

…..

จากนั้นก็มีอีกเรื่องดึงดูดความสนใจของทุกคน

เหล่าโอรสสวรรค์กลอกตา “เมื่อครู่ฉีจ้านออกไปสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เช่นนั้นสุดท้ายแล้วใครแพ้ใครชนะกัน”

มีคนอดใจถามขึ้นมามิได้ ทำให้ฉีจ้านมีสีหน้าเก้อเขิน

เขาจะบอกว่าตนเข้าไปแล้วถูกเสิ่นเทียนรัวทุบค้อนใส่ไม่ได้กระมัง!

ชั่วขณะที่ฉีจ้านกำลังว้าวุ่นใจนั้น เสิ่นเทียนกลับกู้หน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน