บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 438

บทที่ 438 กายมังกรหงส์อมตะ ฐานลัทธิวิญญาณร้ายปรากฏ!

หนึ่งเดือนต่อมา ห้วงมิติฉีกออก

สองร่างเงาลอยออกมากลางแสงเทพหนาทึบช้าๆ

ใช่ คือเสิ่นเทียนกับเอ๋าปิง!

ตอนนี้เสิ่นเทียนเปลี่ยนเป็นชุดผ้าแพรมังกรขาวใหม่หมด หล่อเหลาคล่องแคล่ว

ช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้อาภรณ์ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ สลายไปในกระแสมิติปั่นป่วน

ตอนนี้เสิ่นเทียนหน้าซีดขาวเล็กน้อย!

เขาไม่พูดไม่จากรอกของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานใส่ปากไปหลายขวดใหญ่

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

…..

อีกด้านหนึ่ง เอ๋าปิงก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงดำเช่นกัน ร่างเรียวสูงยืนกลางอากาศ พลังเย็นชาและสูงส่ง

แต่ใบหน้าแดงเรื่อทำให้เอกลักษณ์เย็นชาและสูงส่งของนางมีความเย้ายวนเพิ่มมาหลายส่วน

เอ๋าปิงเหมือนรู้สึกได้ถึงความคับแค้นใจของเสิ่นเทียนจึงยิ้มน่ารัก “เจ้าหนู วางใจเถอะ ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง!”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอ๋าปิงก็อดยกมุมปากขึ้นมามิได้

หึๆ นางหงส์เหม็น เป็นอย่างไร

เมื่อเห็นความชั่วร้ายใหญ่โตตรงหน้า เสิ่นเทียนก็ตัวสั่นไหวนิดๆ

เขารีบส่ายหน้า ลบความคิดในหัวออกไป

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าได้ตายแน่!

มังกรยักษ์ชั่วร้ายจัดการยากนี่!

รอข้าพักสักสองสามวันก่อนเถอะ!

จากนั้นเสิ่นเทียนก็พบความผิดปกติ

หลังผ่านศึกมาหนึ่งเดือน ร่างกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

พลังเทพมังกรในกายแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ความชำนาญในคัมภีร์จักรพรรดิเทพมังกรยังเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

เอ๋าปิงสมกับเป็นธิดาสวรรค์ที่มีสายเลือดแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรในหมื่นปี พลังเทพมังกรในกายเข้มข้นถึงที่สุด!

ภายใต้การชโลมน้ำมาหนึ่งเดือน เสิ่นเทียนได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมาก

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด!

เสิ่นเทียนพบว่าพลังเทพมังกรในกายหลอมรวมกับพลังเทพหงส์ สองสิ่งตัดสลับกัน รวมเป็นพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

เสิ่นเทียนแปลกใจมาก ตอนแรกที่เพิ่งได้พลังเทพหงส์มา ในกายก็เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

แต่เนื่องจากพลังต้นกำเนิดไม่เพียงพอเลยไม่สำเร็จ

ทว่าตอนนี้พลังงานสองชนิดหลอมรวมกัน ทำให้เสิ่นเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก!

กรรซ์!

เสียงคำรามมังกรและหงส์ดังก้องในห้วงอากาศพร้อมกัน

แสงเทพสีสันหลากสีพุ่งออกมา ส่องสะท้อนห้วงอากาศ สว่างจ้าแสบตา!

เกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์ขึ้นข้างหลังเสิ่นเทียน

ปรากฏการณ์เทพมังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามพุ่งออกมา ทั่วร่างอาบแสงทองสว่างพร่างพราว กลิ่นอายพลังไหลหลาก!

ภายใต้แสงทองนี้กลับมีแสงสีแดงร้อนแรงวนเวียน

อัคคีเทพหงส์พุ่งมาจากปรากฏการณ์เทพมังกร พันรอบกาย สุดท้ายก่อเป็นปีกหงส์สว่างจ้า สยายปีกกลางฟ้าดิน

มังกรหงส์ผสานกันเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการณ์!

คุณสมบัติกายของเสิ่นเทียนเกิดการแปรเปลี่ยนเช่นกัน ร่างกายกำยำขึ้น กล้ามเนื้อแน่นเหมือนมังกร แฝงไว้ด้วยพละกำลังแข็งแกร่ง

พลังเลือดลมทั่วร่างเขาปะทุออกมา เลือดลมกลายเป็นระฆังใหญ่ เข้มข้นถึงขีดสุด พลังชีวิตแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ลายทองสว่างพร่างพราวพันรอบกับลายสีแดงสีสันหลากสีขยายไปบนกายเนื้อ ผลุบๆ โผล่ๆ แสงเทพยิ่งใหญ่อลังการ

ภายใต้การเสริมด้วยพลังมหาศาลสองชนิด ทำให้กายเนื้อเสิ่นเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าดิน

ตอนนี้เขารู้สึกว่าพละกำลังกายเนื้อไม่มีขีดจำกัด ไหลมาไม่ขาดสาย!

เมื่อเห็นดังนั้น เอ๋าปิงอึ้งไปเล็กน้อย ริมฝีปากงามสีแดงฉานอ้ากว้าง!

นัยน์ตานางเต็มไปด้วยความตกใจ “นี่มัน…กายมังกรหงส์อมตะรึ”

เอ๋าปิงอึ้งไปแล้ว

นางไม่คาดคิดเลยว่าคุณสมบัติกายของเสิ่นเทียนจะผลัดเปลี่ยนเป็นกายมังกรหงส์อมตะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการณ์

ต้องรู้ว่ากายมังกรหงส์อมตะเป็นคุณสมบัติกายที่หาได้ยากในยุคโบราณ!

พลังแห่งเทพมังกรกับเทพหงส์เดิมทีมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ต่างกำเนิดมาจากต้นกำเนิดฟ้าดิน

พลังงานสองชนิดเป็นปฏิปักษ์กัน แต่ก็หลอมรวมเข้าด้วยกันได้

สุดท้ายถูกมหามรรคฟ้าดินแยกออก เป็นสองเผ่าสุดยอดของโลกอสูรมังกรและหงส์

เผ่ามังกรและเผ่าหงส์สู้กันไม่เคยเลิกรา ต่างไม่มีใครยอมใคร หมายจะหลอมรวมพลังสองชนิดเป็นหนึ่งเดียว

เพียงแต่ว่าไม่มีใครทำได้

ถึงอย่างไรไม่ใช่แค่ต้องการพลังแห่งเทพมังกรสูงสุดเท่านั้น แต่ต้องมีพลังแห่งเทพหงส์สูงสุด ถึงจะมีโอกาสเกิดการผลัดเปลี่ยน

สองเงื่อนไขนี้ยากยิ่ง เกินกว่าที่คนปกติจะทำได้!

เสิ่นเทียนมีร่างเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แค่หลอมรวมพลังงานสองชนิด แต่ยังหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ยกระดับสูงสุดเป็นกายมังกรหงส์อมตะ!

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง!

คุณสมบัติกายที่เหนือกว่ายุคบรรพกาลเช่นนี้ มีเพียงยุคดึกดำบรรพ์ที่อาจจะปรากฏขึ้นได้!

ด้วยพลังแก่กล้าของเทพมังกรกับพลังแห่งนิพพานของเทพหงส์ กระทั่งถึงขั้นเป็นอมตะได้!

เอ๋าปิงจะไม่ตกใจได้อย่างไร

แต่จากนั้นเอ๋าปิงก็มีสีหน้างุนงงยิ่งกว่าเดิม!

เพราะนางพบว่าพลังแห่งเทพมังกรในกายตนก็แกร่งขึ้นเช่นกัน

นี่เป็นเพราะกายศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิมังกรของเสิ่นเทียน พลังในกายบริสุทธิ์กว่าเอ๋าปิงมาก

สองสิ่งเกื้อกูลกัน ทำให้พลังแห่งเทพมังกรในกายเอ๋าปิงเกิดการผลัดเปลี่ยน ยังไม่ใช่แค่นั้น ในกายนางยังมีพลังแห่งเทพหงส์ส่วนหนึ่งเหลืออยู่ด้วย

แม้จะอ่อนแอมาก แต่กลับเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ!

เอ๋าปิงใจสั่นไหว ดวงตางามจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง แอบปลงอนิจจังในใจ

ดูท่าครั้งนี้คงจะได้ประโยชน์จากเจ้าหนูนี่แล้ว

ใช่!

จนเมื่อพลังแห่งเทพหงส์ในกายเอ๋าปิงแกร่งขึ้น บางทีอาจจะหลอมรวมกับพลังแห่งเทพมังกรได้เช่นกัน กลายเป็นกายมังกรหงส์อมตะ

ถึงตอนนั้นเอ๋าปิงจะไม่ใช่แค่ฟื้นพลังบำเพ็ญกลับมาทั้งหมด แต่ยังพัฒนาไปอีกขั้น ไปถึงก้าวที่ไม่เคยไปถึงมาก่อน!

ดังนั้น แม้แต่เอ๋าปิงที่มีจิตมรรคหมื่นปีก็ยังอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้

…….

ผ่านไปพักใหญ่ เสิ่นเทียนกับเอ๋าปิงก็ออกจากระแสมิติปั่นป่วนพร้อมกัน กลับไปสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย

เอ๋าปิงออกมาแล้วก็เลือกปิดด่านบำเพ็ญ นางต้องจัดการพลังในกายให้ชัดเจน ลองหลอมรวมกัน!

นี่คือกายมังกรหงส์อมตะ หากนางตระหนักรู้คุณสมบัติกายนี้ก็จะกำราบราชินีหงส์อมตะได้แน่นอน!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เอ๋าปิงก็มีความสุขในใจ อดรนทนไม่ไหวรีบไปก่อน

เสิ่นเทียนไม่ได้กลับยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง แต่ตรงไปหาฉีจ้านที่สำนักอสูร

เขาจำได้ว่าโชคลิขิตที่ลอยออกมาเหนือวงรัศมีของฉีจ้านอยู่ในช่วงเวลานี้

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงจะลากฉีจ้านออกไปเกาะโชคลิขิตด้วยกัน!

เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องจุกจิกรัดตัวมาตลอด เสิ่นเทียนเลยไม่ได้เก็บเกี่ยวกุยช่ายมานานมาก ไม่ได้เกาะโชคลิขิตและเพิ่มดวงชะตา

พอนึกได้ว่าเดี๋ยวจะได้เก็บเกี่ยวกุยช่ายแล้ว เสิ่นเทียนก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง!

เขาเคลื่อนที่เร็วมาก มุ่งหน้าไปสำนักอสูร

ตึกๆๆ!

พอเห็นคนมาสำนักอสูร อสูรมากมายก็พากันกระโดดออกมา

แต่พวกเขาไม่มีเจตนาร้าย ถึงอย่างไรครั้งก่อนก็ดื่มชาผูกมิตรกันมาแล้ว ความขัดแย้งของสองสำนักได้รับการแก้ไขไปอย่างมาก

หลังโอรสสวรรค์สำนักอสูรเห็นคนมาก็อดร้องตกใจมิได้!

“เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!”

“ในที่สุดบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ออกมาแล้ว!”

“หายตัวไปหนึ่งเดือน เขาไปที่ใดกัน”

“และยังมีพี่หญิงใหญ่ ตั้งแต่นางกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกไปพร้อมกัน ก็ไม่เจอหน้ามาเลยทั้งเดือน”

“หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะสู้กับพี่หญิงใหญ่มาตลอดทั้งเดือน”

“ซี้ด น่ากลัวยิ่งนัก!”

“อย่าล่วงเกินสตรีเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ต้านไม่ไหว”

“น่าจะมีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ต้านอยู่กระมัง!”

……..

โอรสสวรรค์ทุกคนพากันสนทนา มีคุยกันหมดทุกอย่าง เสิ่นเทียนได้ฟังถึงกับมุมปากกระตุก

เสิ่นเทียนไม่ลืมเป้าหมายที่ตนมา จึงลากอสูรใหญ่ตนหนึ่งมาถาม “สหาย ขอถามหน่อยว่าสหายฉีจ้านอยู่ที่ใด”

เสิ่นเทียนไม่พบฉีจ้าน ไม่รู้เขาไปที่ใด

โอรสสวรรค์คนนั้นถูกเสิ่นเทียนลากก็เปลี่ยนจากตกใจเป็นพูดด้วยความเคารพ

“เรียนบุตรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อหลายวันก่อนศิษย์พี่ฉีจ้านได้รับภารกิจของสำนัก ให้เดินทางไปสืบร่องรอยลัทธิวิญญาณร้ายที่ทะเลบูรพา! และยังมีโอรสสวรรค์มากมายพากันมุ่งหน้าไปเมืองทะเลบูรพาแล้ว!”

ลัทธิวิญญาณร้ายมีอำนาจคุกคามสูงยิ่ง ช่วงนี้ยังเหิมเกริม หากพวกเขาก่อความวุ่นวายขึ้นมาจะสร้างอำนาจคุกคามต่อทุกอย่างอย่างยิ่งยวด

และช่วงนี้ยังมีข่าวมาจากเมืองทะเลบูรพาอีกว่ามีร่องรอยการเคลื่อนไหวของลัทธิวิญญาณร้าย

นี่เป็นเรื่องใหญ่ ราชวงศ์เซียนต้าฮวงยังให้ความสำคัญ

เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยจึงประกาศภารกิจ ให้โอรสสวรรค์ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งเดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์

เมืองทะเลบูรพาตั้งอยู่ตรงชายแดนทะเลบูรพาดินแดนกลาง แม้จะไม่กว้างใหญ่เท่าทะเลอุดร แต่ก็มีระยะห่างไกลล้านล้านลี้เช่นกัน

ในนั้นมีเผ่าทะเลแข็งแกร่งไม่น้อย และยังมีสมบัติล้ำค่ามากมาย

เมื่อได้ฟังคำพูดของโอรสสวรรค์สำนักอสูร เสิ่นเทียนก็พยักหน้าเล็กน้อย

วุ่นมาหนึ่งเดือน เกือบพลาดเสียแล้ว!

ฉีจ้านอยู่ระหว่างทางไปหาโชคลิขิต เช่นนั้นข้าต้องรีบตามไป!

ไม่เช่นนั้นจะเกาะไม่ได้มหาโชคลิขิตสะท้านโลกนั้น!

หลังคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มุ่งหน้าไปทะเลบูรพาดินแดนกลางอย่างไม่ลังเล

……

เมืองทะเลบูรพา!

ที่นี่เดิมทีเป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดในทะเลบูรพา มีสภาพแวดล้อมงดงาม ทรัพยากรอู้ฟู้ เป็นที่ชอบของทุกเผ่าพันธุ์

กลิ่นอายพลังหมุนม้วนในกายฉีจ้าน แสงสว่างส่องสว่าง ก่อนควงกระบองใหญ่ด้วยพละกำลังบ้าคลั่งทุบลงพื้น

บึ้ม!

แผ่นดินแตกกระจายออก ฝุ่นดินคละคลุ้งเหมือนจะทุบพื้นที่นี้แตกเป็นเสี่ยงๆ

แต่ที่นี่ก็ไม่ได้พังทลายลงตาม เหมือนถูกพลังบางอย่างต้านเอาไว้!

ฝุ่นดินสลายไปก็เห็นตำหนักเงามืดทะมึนแห่งหนึ่งลอยขึ้นมา

ตำหนักนั้นมีลักษณะโอ่อ่ายิ่งใหญ่ แตกแขนงออกใต้ดิน มีขนาดไม่เล็กเลย

ตำหนักยังมีหมอกสีเทาวนเวียน กลิ่นอายพลังชั่วร้ายอย่างยิ่ง ทำให้คนเกิดความหนาวสั่น เหมือนเป็นดินแดนนรก

ผู้บำเพ็ญรอบๆ มีสีหน้าตกใจอย่างรุนแรง “อะไรกัน ที่นี่มีอีกโถงทางเข้ารึ”

“กลิ่นอายนี้…”

“ซี้ด~”

“นี่มันฐานลัทธิวิญญาณร้าย!”

“ดูท่าฐานลัทธิวิญญาณร้ายนี่คงสร้างมาหลายปีแล้ว!”

“ซ่อนอยู่เมืองทะเลบูรพามาตลอดกลับไม่มีใครพบเลยหรือ”

ทุกคนตกใจหน้าถอดสี พวกเขาไม่นึกเลยว่าลัทธิวิญญาณร้ายจะซ่อนอยู่ใต้หนังตาพวกเขา

หากไม่ได้ฉีจ้านออกมือ เกรงว่าคงไม่มีใครรู้!

น่ากลัวมากจริงๆ!

หากลัทธิวิญญาณร้ายจะทำการใด ก็เป็นการทำลายต่อเมืองทะเลบูรพา แม้แต่เจ้าเมืองสวีอันยังมีสีหน้าตื่นกลัว ตัวสั่นอย่างรุนแรง

ลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่ที่นี่ ต้องมีแผนการแน่นอน

หากลัทธิวิญญาณร้ายทำแผนการชั่วสำเร็จ ทั้งเมืองทะเลบูรพาคงยากจะรอดพ้นจากหายนะความตาย!

ถึงอย่างไรลัทธิวิญญาณร้ายก็ไม่ได้ทำลายล้างขุมอำนาจแค่ที่สองที่เท่านั้น

……

ทว่าเมื่อฐานลัทธิวิญญาณร้ายถูกฉีจ้านเผยออกมา สาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนั้นก็ไม่ซ่อนตัวอีก พากันพุ่งออกมา

ผู้บำเพ็ญแต่ละคนพุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นอายพลังพวกเขาชั่วร้าย มีใบหน้าเหี้ยมโหด ดวงตามืดหม่นและเฉียบคม ทำให้คนขนพองสยองเกล้า

ผู้นำสวมชุดคลุมเทา กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งลึกล้ำ บรรลุอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์แล้ว!

ดวงตาเขาเป็นสีแดงก่ำยิ่ง เหมือนมาพร้อมกับพลังแห่งความฝัน ทำให้คนเงียบงัน

คนนี้ คือประมุขวิหารมายาแห่งลัทธิวิญญาณร้าย!

วิหารมายาชำนาญพลังการสร้างค่ายกลมายาที่สุด ใช้สิ่งนี้อำพรางตัว

ที่วิหารมายาซ่อนในเมืองทะเลบูรพาได้ก็เพราะใช้พลังแห่งค่ายกลมายา

ต่อให้เป็นผู้อริยะ เข้ามาในที่นี่แล้วก็จะได้รับผลจากพลังลี้ลับ ไม่อาจตรวจพบตำแหน่งลัทธิวิญญาณร้ายได้

ด้วยพลังนี้ วิหารมายาจึงซ่อนตัวในเมืองทะเลบูรพาได้นานมาก หลบการตรวจจับของผู้อริยะมากมาย แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

ต่อให้วางค่ายกลมายาเต็มไปหมด แต่ก็ไม่มีประโยชน์กับฉีจ้านที่มีเนตรอัคคีเนตรทองเลย

เขามองทีเดียวก็เห็นว่าตรงนี้มีปัญหา จึงทำลายขอบเขตมายาที่นี่

ตำหนักมายาจึงเผยออกมาตรงหน้าทุกคน!

ฉีจ้านมองสาวกลัทธิวิญญาณร้ายมากมายพลางควงกระบองในมือ พูดหัวเราะเยาะ “เจ้าพวกลูกวิญญาณร้าย ซ่อนตัวได้ลึกมาก ทำข้าเสียเวลาหาอยู่สักพักเลย! ยังไม่รีบมาให้จับเสียดีๆ อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีหัวสุนัขพวกเจ้า!”

ฉีจ้านมาครั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้าย แต่ไม่นึกเลยว่าจะบังเอิญมาเจอที่กบดานลัทธิวิญญาณร้าย

นี่ทำให้ฉีจ้านค่อนข้างตื่นเต้น

หากกำราบลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้ได้หมด ก็จะได้รางวัลแต้มศึกษาจำนวนมาก

แม้ประมุขวิหารลัทธิวิญญาณร้ายจะเป็นอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ มีศักยภาพแข็งแกร่ง แต่ฉีจ้านก็ไม่กลัว ใช่ว่าเขาจะไม่เคยสังหารผู้แข็งแกร่งระดับนี้มาก่อนเสียหน่อย

ประมุขวิหารมายาพูดด้วยความอึมครึม “เจ้าลิงเหม็นสมควรตาย ไม่อยากเชื่อว่าจะทำลายแผนการของข้า! วันนี้จะให้ทุกคนในเมืองทะเลบูรพาต้องตายให้หมด!”

ประมุขวิหารมายายิงแสงโลหิตขึ้นฟ้า ลายมรรคถูกจุดแสงสว่างขึ้นมา สว่างจ้าแสบตา

พริบตาเดียว ค่ายกลแข็งแกร่งเชื่อมฟ้าดิน ผนึกที่นี่ไว้ทั้งหมด ไม่มีใครออกไปได้!

“ตอนแรกว่าจะให้พวกเจ้ามีชีวิตกันไปอีกสองสามวัน แต่ไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าจะมารนหาที่ตายเอง!”

ประมุขวิหารมายาพูดอย่างน่ากลัว เขาวางยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตสะท้านฟ้าไว้ที่นี่นานแล้ว

ก็เพื่อรอจัดนิทรรศการทุกร้อยปีของทะเลบูรพา ใช้โลหิตบริสุทธิ์ของทุกชีวิตหลอมอาวุธชั่วร้ายสูงสุด แต่ไม่นึกเลยว่าฉีจ้านจะทำลายแผนการเดิมของเขา

นี่ทำให้จำนวนคนในเมืองทะเลบูรพาไม่มากถึงที่สุด ยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตก็ยังวางไม่เสร็จสมบูรณ์

แต่ทุกอย่างก็ไม่มีผล ส่งผลกระทบไม่มาก

ขอแค่เปิดยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตได้ ที่นี่ นอกจากสาวกลัทธิวิญญาณร้ายแล้ว คนอื่นจะถูกหลอมเป็นโลหิตบริสุทธิ์

เมื่อเห็นยอดค่ายกลเปิดออก ประมุขวิหารมายาก็ทำหน้าตาน่ากลัว

เขาแสยะยิ้ม “พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่ขยะกองเดียวจะหาร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้ายข้าพบ จะบอกพวกเจ้าให้แล้วกัน พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ ก็เพื่อล่อพวกเจ้ามา! ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะตกได้ปลาใหญ่!

หากอันดับหนึ่งสำนักอสูรแห่งสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยตายลงที่นี่ แม้แต่ราชวงศ์เซียนต้าฮวงก็คงปวดใจน่าดูกระมัง!

ฮ่าๆๆๆๆ!”

ประมุขวิหารมายาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

…..

มียอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตอยู่

วันนี้คนพวกนี้ต้องตายที่นี่แล้ว

ในที่สุดก็จะหลอมอาวุธชั่วร้ายสูงสุดของข้าได้แล้ว!

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน